ทำไมเทรดเดอร์มืออาชีพ หลายคน เทรดหุ้นแค่ไม่กี่ตัว — บางคนโฟกัส แค่หุ้นเดียวด้วยซ้ำ?
- Get link
- X
- Other Apps
"Oliver ทำไมคุณถึงเทรดหุ้น Apple เกือบตลอดเวลา?"
Oliver ผมสังเกตมาสักพักแล้วว่าคุณเทรดหุ้น Apple บ่อยมาก เรียกได้ว่า 85-90% ของเวลาทั้งหมดเลยก็ว่าได้ ผมเลยสงสัยว่า ทำไมคุณถึงเลือกเทรดแค่หุ้น Apple ทั้งที่ในแต่ละวันก็มีหุ้นดีๆ อีกมากมายที่น่าจะทำกำไรได้ไม่แพ้กัน?
คำถามนี้ถือเป็นคำถามที่ยอดเยี่ยมมาก เพราะมันเปิดโอกาสให้ผมได้อธิบายสิ่งที่ผมมักพูดคุยกับเทรดเดอร์ของผมบ่อยๆ
ก่อนอื่นเลย ผมเชื่ออย่างแรงกล้าว่า “เทรดเดอร์มืออาชีพ” ที่ประสบความสำเร็จจริงๆ มักจะเป็น “ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน” มากกว่า “นักลองของทั่วไป” ซึ่งความสำเร็จของพวกเขาส่วนใหญ่มาจากการ โฟกัส และ เชี่ยวชาญในสิ่งที่ตัวเองรู้ลึกจริงๆ
แล้วการเป็นผู้เชี่ยวชาญมันหมายความว่าอะไร?
มันหมายความว่า “โลกการเทรดของเขาเล็กมาก”
เล็กจนถึงขนาดที่เทรดเดอร์มืออาชีพหลายคน เทรดหุ้นแค่ไม่กี่ตัว — บางคนโฟกัสแค่หุ้นเดียวด้วยซ้ำ
ลองคิดดูสิครับ “Specialist” ในตลาด NYSE (ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก) ที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่ในโลกการเทรด พวกเขาแทบไม่เคยขาดทุนเลย และมีความสม่ำเสมอสูงมาก พวกเขามีความได้เปรียบที่เหนือกว่าเทรดเดอร์ทั่วไปแบบแทบจะไม่ยุติธรรมด้วยซ้ำ
แล้วรู้ไหมครับว่า Specialist เหล่านี้เทรดหุ้นกี่ตัว? แค่ตัวเดียวเท่านั้น!
ต่อมา ถ้าเรามอง “Market Maker” ในตลาด NASDAQ ซึ่งก็เป็นกลุ่มเทรดเดอร์ระดับสูงที่แม่นยำมาก (แม้จะไม่ 100%) พวกเขาก็ยังเทรดหุ้นแค่ประมาณ 2-3 ตัวต่อวันเท่านั้นเอง
ทีนี้ลองย้อนมาดูที่ฝั่งตรงข้าม — “มือใหม่”
มือใหม่เหล่านี้มักคิดว่าตัวเองรู้เยอะ ทั้งที่จริงๆ แล้วความเข้าใจในตลาดยังตื้นมาก พวกเขาอ่านหนังสือเยอะ เข้ากลุ่มแชทเยอะ ไลฟ์เทรดเยอะ แต่ผลลัพธ์ในพอร์ตนั้นยังไม่ไปไหน
รู้ไหมครับว่า มือใหม่เหล่านี้มักพยายามเทรดหุ้นกี่ตัว? เยอะมาก — บางคนดูหุ้นนับร้อยๆ ตัวต่อวัน!
เพราะอะไร? เพราะพวกเขายังไม่ได้เข้าใจว่า “การรู้น้อย แต่รู้ลึก” นั้นมีพลังมากกว่าการรู้กว้างแต่ผิวเผิน
และนี่คือเบาะแสสำคัญที่คนอยากประสบความสำเร็จในตลาดควรเข้าใจ:
ยิ่งเราเข้าใกล้ระดับมืออาชีพมากเท่าไหร่ “จำนวนสิ่งที่เราต้องโฟกัส” ยิ่งน้อยลง
ยิ่งเราเป็นมือใหม่มากเท่าไหร่ “จำนวนสิ่งที่เราสนใจ” จะยิ่งเยอะขึ้นอย่างไร้ทิศทาง
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆ สมมติว่าคุณได้ทำงานให้กับกองทุนเฮดจ์ฟันด์ขนาดใหญ่ที่มีพอร์ตหุ้น 112 ตัว
คุณคิดว่าผู้จัดการพอร์ตจะบอกคุณว่า “นี่ครับ เทรดได้เลยทั้ง 112 ตัว” อย่างนั้นหรือ?
ไม่ใช่เลยครับ — พวกเขาจะให้คุณรับผิดชอบแค่ 1-3 ตัวเท่านั้น และสั่งให้คุณศึกษาหุ้นเหล่านั้นให้ลึกที่สุดจนรู้จักมันเหมือนญาติสนิท
นั่นแหละคือโลกของมืออาชีพ — โลกที่เรารู้จักหุ้นของเราในระดับที่ “รู้จักบ้านของตัวเอง”
และเมื่อมือใหม่หลงเข้ามาในอาณาจักรของเรา เขาจะไม่มีวันอยู่รอด เพราะเขาไม่รู้จักภูมิประเทศตรงนี้
กลับมาที่คำถามเดิม — ทำไมผมถึงเทรดหุ้น Apple?
เพราะผมรู้จักมันเหมือนรู้จักหลังมือของตัวเอง
ผมเทรดมันมานานกว่า 15 ปี ตั้งแต่ตอนที่ราคายังอยู่ที่ $415 (ก่อนแตกพาร์)
ผมรู้จักพฤติกรรมของมัน รู้ว่าใครเป็นผู้เล่นหลัก รู้ว่ามันขยับยังไงในแต่ละช่วงเวลา และสิ่งเหล่านี้คือ “ขอบเขตแห่งความได้เปรียบ” ที่มือใหม่ไม่มี
ใช่ครับ ผมไม่ได้เทรดแค่ Apple ตัวเดียว
แต่หุ้นที่ผมเทรดมีแค่ประมาณ 10-12 ตัว และผมติดตามพวกมันทุกวัน ทุกสัปดาห์ ทุกปี
เหมือนดูแลสมาชิกในครอบครัว
และนั่นคือสิ่งที่ผมสอนลูกศิษย์ของผมทุกคน:
"จงเป็นผู้เชี่ยวชาญ อย่าเป็นนักลองของ"
"จงโฟกัสหุ้นไม่กี่ตัว และรู้จักมันให้ลึกที่สุด"
เพราะนั่นแหละ คือจุดเริ่มต้นของความเป็นมืออาชีพ
เคล็ดลึกเทรดหุ้น True Market Leader
สรุป: ทำไมเทรดเดอร์มืออาชีพควรโฟกัสหุ้นเพียงไม่กี่ตัว
1. มืออาชีพคือ “ผู้เชี่ยวชาญ” ไม่ใช่ “นักลองของ”
เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จจะโฟกัสหุ้นเพียงไม่กี่ตัว และรู้ลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมของหุ้นเหล่านั้น
ยิ่งรู้จักหุ้นดีเท่าไหร่ ยิ่งมีโอกาสสร้างความได้เปรียบในการเทรด
2. ยิ่งเก่ง ยิ่งโฟกัสน้อยลง
Specialist ในตลาด NYSE เทรดหุ้นแค่ตัวเดียว
Market Maker ใน NASDAQ เทรดเพียง 2-3 ตัว
ตรงกันข้ามกับมือใหม่ ที่พยายามดูหุ้นจำนวนมากแต่ไม่รู้ลึก
3. เปรียบเทียบกับกองทุนใหญ่
เทรดเดอร์ที่เข้าทำงานใน Hedge Fund จะได้รับมอบหมายหุ้นเพียง 1-3 ตัวให้ดูแล
ไม่มีใครในระดับมืออาชีพที่ “เทรดได้หมด” แบบไม่มีทิศทาง
4. การรู้จักหุ้นอย่างลึกซึ้ง = ความได้เปรียบ
Oliver เทรดหุ้น Apple มากกว่า 85% ของเวลา เพราะรู้จักมันอย่างลึกซึ้งกว่าใคร
เขาติดตามหุ้น 10-12 ตัวที่รู้จักเป็นอย่างดีเสมอ
5. คำแนะนำสำหรับนักเทรด
เลือกหุ้น 5-10 ตัว แล้วศึกษาจนรู้จักมันเหมือนคนในครอบครัว
ความเชี่ยวชาญในวงที่แคบ จะสร้างความมั่นใจ ความเข้าใจ และความได้เปรียบในระยะยาว
- Get link
- X
- Other Apps