การเทรดที่ประสบความสำเร็จ นั้น แค่ “ดีกว่าค่าเฉลี่ย” ก็ยังไม่พอ

Image
Alexander Elder กล่าวว่า การเป็นเพียงแค่ “ดีกว่าค่าเฉลี่ย” ยังไม่เพียงพอ คุณต้องโดดเด่นกว่าใครๆ เพื่อที่จะชนะในเกมที่มีผลรวมติดลบ (Being simply “better than average” is not good enough. You have to be head and shoulders above the crowd to win a minus-sum game.) eBook : คิดและสวิงเทรดเป็นระบบแบบพี่แดน (Dan Zanger) มีจำหน่ายที่แอพ Meb ที่เดียว https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTk5MjQzNSI7czo3OiJib29rX2lkIjtpOjM0NDM3MTt9 ในคำพูดนี้ Alexander Elder กำลังเน้นย้ำว่า ในโลกของการเทรด การเป็นเพียงแค่คนที่ "เก่งกว่าค่าเฉลี่ย" อาจไม่เพียงพอที่จะประสบความสำเร็จได้ เพราะการเทรดไม่ใช่เกมที่ทุกคนสามารถชนะพร้อมกันได้ มันคือเกมที่เรียกว่า เกมที่มีผลรวมติดลบ (minus-sum game) ซึ่งหมายความว่า ทรัพยากรที่หมุนเวียนอยู่ในตลาด เช่น กำไรและขาดทุน ถูกกระจายไปในกลุ่มผู้เล่น แต่เมื่อรวมต้นทุนการเทรด เช่น ค่าธรรมเนียม นายหน้า และค่าเสียโอกาสแล้ว จะทำให้โดยรวมตลาดมีผลขาดทุนสุทธิ "เกมที่มีผลรวมติดลบ" หมายถึงอะไร? การเทรดในตลาดไม่ได้มี...

Position sizing ที่ดี ช่วยลดปัญหา Trading psychology ได้แทบทั้งหมด

Steve Burns พูดได้น่าสนใจว่า "ส่วนใหญ่ของปัญหาด้านจิตวิทยาการเทรดสามารถแก้ไขได้ด้วยการลดขนาดของการเทรดลง และเฝ้าดูกราฟเฉพาะช่วงเวลาที่จำเป็นสำหรับสัญญาณที่คุณใช้ ไม่ใช่การดูกราฟทั้งวัน"


Position Sizing กับพัฒนาการนักเทรด 3 ระดับ... ในรูปแบบ ebook โดย เซียว จับอิดนึ้ง
  https://www.mebmarket.com/?action=book_details&book_id=312087


หมายความว่าไง:

1. ปัญหาด้านจิตวิทยาในการเทรดคืออะไร?

เป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ เช่น ความกลัว ความโลภ ความเครียด หรือความกังวล ที่อาจทำให้คุณตัดสินใจผิดพลาด เช่น ขายเร็วเกินไป ซื้อเพิ่มโดยไม่ไตร่ตรอง หรือไม่กล้าปิดขาดทุน


2. ทำไมการลดขนาดการเทรดถึงช่วยได้?

ถ้าคุณเปิดออเดอร์ขนาดใหญ่ เช่น ใช้เงินจำนวนมากหรือเลเวอเรจสูง คุณจะรู้สึกกดดัน เพราะการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยของราคาอาจทำให้คุณขาดทุนหรือกำไรมาก

แต่ถ้าคุณลดขนาดการเทรดลง เช่น ใช้เงินหรือเลเวอเรจน้อยลง คุณจะควบคุมอารมณ์ได้ง่ายขึ้น เพราะแรงกดดันลดลง และมีเวลาคิดวิเคราะห์มากขึ้น


3. การดูกราฟตลอดทั้งวันมีผลเสียอย่างไร?

การจ้องกราฟนานเกินไปอาจทำให้คุณเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ รวมถึงสร้างความกังวลเกินเหตุ

ยิ่งคุณดูกราฟบ่อยเท่าไหร่ คุณอาจรู้สึกอยาก "เทรดตามอารมณ์" เช่น เห็นราคาขึ้นก็รีบซื้อ เห็นราคาลงก็รีบขาย โดยไม่อิงกับแผนที่วางไว้


e-book : วินัย:ผลพลอยได้ของ Edge... ในรูปแบบ ebook


4. แล้วควรทำอย่างไร?

ตั้งเวลาในการดูกราฟให้ชัดเจน เช่น ดูเฉพาะช่วงที่กราฟมีโอกาสส่งสัญญาณการเข้า/ออก เช่น ทุกชั่วโมง หรือแค่ช่วงปิดตลาด

ใช้แผนการเทรดที่คุณกำหนดไว้ เช่น รอสัญญาณที่ชัดเจนจากเครื่องมือ เช่น MACD, RSI หรือกราฟแท่งเทียน แล้วค่อยตัดสินใจ ไม่ใช่ดูกราฟแล้วเทรดตามอารมณ์


5. ประโยชน์ของการทำตามนี้:

- ช่วยลดความเครียดและการตัดสินใจผิดพลาด

- ทำให้คุณมีเวลาโฟกัสกับเรื่องอื่นในชีวิต เช่น การศึกษาเพิ่มเติม การพักผ่อน หรือวางแผนเทรด

- ส่งเสริมการเทรดที่มีวินัยและยั่งยืนในระยะยาว

eBook "Risk Management: การบริหารจัดการความเสี่ยงเบื้องต้นสำหรับนักเทรด"

มีจำหน่ายที่แอพ Meb เท่านั้น https://www.mebmarket.com/?action=book_details&book_id=332340

สรุปง่าย ๆ: ลดขนาดการเทรดเพื่อไม่ให้กดดันตัวเอง และอย่าจ้องกราฟทั้งวัน เลือกดูเฉพาะช่วงที่จำเป็นตามแผนการเทรดของคุณ แล้วจิตใจคุณจะนิ่งขึ้นและการตัดสินใจดีขึ้น!

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

Marios Stamatoudis สวิงเทรดปั้นพอร์ตโต 291.2% ในปีเดียว เขาทำได้อย่างไร?

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

Oliver Kell: วงจรของการเคลื่อนไหวของราคา (Cycle of Price Action)