การเทรดที่ประสบความสำเร็จ นั้น แค่ “ดีกว่าค่าเฉลี่ย” ก็ยังไม่พอ

Image
Alexander Elder กล่าวว่า การเป็นเพียงแค่ “ดีกว่าค่าเฉลี่ย” ยังไม่เพียงพอ คุณต้องโดดเด่นกว่าใครๆ เพื่อที่จะชนะในเกมที่มีผลรวมติดลบ (Being simply “better than average” is not good enough. You have to be head and shoulders above the crowd to win a minus-sum game.) eBook : คิดและสวิงเทรดเป็นระบบแบบพี่แดน (Dan Zanger) มีจำหน่ายที่แอพ Meb ที่เดียว https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTk5MjQzNSI7czo3OiJib29rX2lkIjtpOjM0NDM3MTt9 ในคำพูดนี้ Alexander Elder กำลังเน้นย้ำว่า ในโลกของการเทรด การเป็นเพียงแค่คนที่ "เก่งกว่าค่าเฉลี่ย" อาจไม่เพียงพอที่จะประสบความสำเร็จได้ เพราะการเทรดไม่ใช่เกมที่ทุกคนสามารถชนะพร้อมกันได้ มันคือเกมที่เรียกว่า เกมที่มีผลรวมติดลบ (minus-sum game) ซึ่งหมายความว่า ทรัพยากรที่หมุนเวียนอยู่ในตลาด เช่น กำไรและขาดทุน ถูกกระจายไปในกลุ่มผู้เล่น แต่เมื่อรวมต้นทุนการเทรด เช่น ค่าธรรมเนียม นายหน้า และค่าเสียโอกาสแล้ว จะทำให้โดยรวมตลาดมีผลขาดทุนสุทธิ "เกมที่มีผลรวมติดลบ" หมายถึงอะไร? การเทรดในตลาดไม่ได้มี...

ผมไม่ได้ต่อต้านการถือหุ้นระยะยาว ผมต่อต้านการถือ "ขาดทุน" ไว้กับตัวจนทำลายพอร์ตให้พัง

(แนะนำ อีบุ๊กใหม่ + ลดราคา 20%) 15-17 พย. นี้เท่านั้น
Risk Management: การบริหารจัดการความเสี่ยงเบื้องต้นสำหรับนักเทรด

https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTk5MjQzNSI7czo3OiJib29rX2lkIjtpOjMzMjM0MDt9


พี่มาร์ค มินเนอร์วินี กล่าวว่า "บางคนคิดว่าผมเป็นนักเทรดระยะสั้น และเพราะเหตุนี้เลยคิดว่าผมต่อต้านการถือหุ้นระยะยาว แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย ผมไม่ได้ต่อต้านการถือหุ้นระยะยาว ผมต่อต้านการถือ "ขาดทุน" ไว้กับตัว(จนทำลายพอร์ตให้เสียหายมากเกินไปแก้ตัว)"

.

- สิ่งที่พี่มาร์ค ต้องการจะสื่อคือไม่สำคัญว่าคุณจะถือหุ้นระยะสั้นหรือระยะยาว สิ่งสำคัญคือคุณต้องไม่ยอมถือ "ความผิดพลาด" หรือ "การขาดทุน" ไว้ต่อไปจนทำลายพอร์ต

- การถือหุ้นนานไม่ได้แย่ แต่การถือหุ้นขาดทุนไว้นานนั้นแย่แน่  

  หากคุณถือหุ้นที่กำลังขาดทุนและไม่มีสัญญาณว่าจะกลับตัวดีขึ้น การยอมขายตัดขาดทุน (cut loss) อาจจะดีกว่า

---

พี่มาร์ค ยังพูดว่า "ผมเคยซื้อหุ้นที่ราคาลดลงจนเกือบศูนย์ และขายหุ้นที่ราคาพุ่งขึ้นจนเหมือนจะไปถึงขีดสุด แต่ผมไม่เคย "ยึดติด" กับหุ้นใด ๆ จนปล่อยให้มันกลายเป็นศูนย์"

หมายความว่า

- อย่าเสี่ยงจนเกินไป:    ไม่ควรรอจนหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง "พังทลาย" ไปหมด หรือรอให้ราคาพุ่งสุดฟ้าแล้วค่อยตัดสินใจขาย เพราะตลาดไม่มีอะไรแน่นอน

- ขายให้ทันเวลา:    ถ้าราคาหุ้นเริ่มแสดงสัญญาณอันตราย คุณต้องมีวินัยในการตัดสินใจขาย ไม่ว่ามันจะกำลังขาดทุนหรือกำไรอยู่ก็ตาม


---

นอกจากนั้น พี่มาร์ค ได้ทิ้งท้ายว่า

"สิ่งที่สำคัญที่สุดคือสิ่งที่คุณ "ยอมให้เกิดขึ้น" ระหว่างทางที่คุณถือหุ้น ไม่ใช่แค่จุดเริ่มต้นหรือจุดจบ"

หมายความว่า

- การจัดการระหว่างทางคือหัวใจสำคัญของการเทรด:  

  การเทรดที่ประสบความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าคุณซื้อหรือขายหุ้นที่จุดใด แต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจและจัดการพอร์ตในระหว่างที่คุณถือหุ้น

- บริหารความเสี่ยง:  

  รักษาเงินทุนของคุณโดยอย่าปล่อยให้การขาดทุนลุกลาม และอย่าคิดว่าหุ้นที่กำไรจะพุ่งขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่มีจุดหยุด

.

.

สรุปข้อคิดที่ได้จากคำพูดของพี่มาร์ค คือ

1. อย่าถือขาดทุนไว้กับตัวนานเกินไป:  

   ความล้มเหลวของนักเทรดหลายคนมาจากการไม่ยอมขายตัดขาดทุน ควรตั้งจุดตัดขาดทุนที่ชัดเจนและทำตามอย่างเคร่งครัด

2. บริหารกำไรและขาดทุนอย่างสมดุล:  

   อย่าหวังว่าจะขายได้ที่จุดสูงสุดเสมอ และอย่ารอจนหุ้นราคาตกต่ำสุดก่อนจะยอมขาย

3. ความสำคัญของ "ระหว่างทาง":  

   การเทรดที่ดีไม่ใช่แค่การตัดสินใจซื้อ-ขาย แต่คือการบริหารจัดการระหว่างที่คุณยังถือหุ้นในพอร์ต

4. มีวินัยและความยืดหยุ่น:  

   การยอมรับความผิดพลาดและปรับกลยุทธ์ตามสถานการณ์คือกุญแจสำคัญ

---

แรงบันดาลใจจากคำพูดของพี่มาร์ค

คุณไม่จำเป็นต้องเป็นนักเทรดที่สมบูรณ์แบบ สิ่งสำคัญคือการเรียนรู้ที่จะบริหารความเสี่ยงและพัฒนาแนวทางของตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพราะความสำเร็จในการเทรดไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าคุณซื้อหรือขายเมื่อไหร่ แต่ขึ้นอยู่กับ "สิ่งที่คุณอนุญาตให้เกิดขึ้นระหว่างนั้น"

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

Marios Stamatoudis สวิงเทรดปั้นพอร์ตโต 291.2% ในปีเดียว เขาทำได้อย่างไร?

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

Oliver Kell: วงจรของการเคลื่อนไหวของราคา (Cycle of Price Action)