อย่าเลือกอาชีพเทรด แต่จงเลือกที่จะใช้ชีวิตแบบนักเทรด

Image
คำว่า "อย่าเลือกอาชีพเทรด แต่จงเลือกที่จะใช้ชีวิตแบบนักเทรด"  มีความหมายที่ลึกซึ้งและเป็นแนวทางการคิดที่แสดงถึงการสร้างแนวทางชีวิตของนักเทรดที่ไม่ได้ยึดติดแค่กับการทำอาชีพเทรด แต่เป็นการสร้างวิถีชีวิตที่สอดคล้องกับการเป็นนักเทรดอย่างแท้จริง ซึ่งสามารถอธิบายได้เป็นขั้นตอนดังนี้: 1. ความแตกต่างระหว่าง "อาชีพเทรด" และ "ชีวิตแบบนักเทรด"    - อาชีพเทรด : การมองการเทรดเป็นแค่ "งาน" หรือ "อาชีพ" หนึ่งที่คุณทำเพื่อหาเงิน คุณอาจจะเข้ามาเทรดในตลาดหุ้น ฟอเร็กซ์ หรือคริปโตฯ เพื่อทำกำไร แต่เมื่อจบวัน คุณก็แค่ปิดหน้าจอและกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ    - ชีวิตแบบนักเทรด : การเทรดไม่ใช่แค่อาชีพ แต่เป็น "วิถีชีวิต" ที่ผสมผสานเข้ากับตัวตนของคุณ คุณไม่ใช่แค่เทรดเพื่อหาเงิน แต่คุณคิดแบบนักเทรด ใช้ชีวิตและวางแผนแบบนักเทรด ซึ่งหมายถึงการเรียนรู้ที่จะรับมือกับความเสี่ยง การจัดการอารมณ์ และการสร้างวินัยให้กับตัวเองอย่างสม่ำเสมอ 2. การสร้างความยั่งยืน    การใช้ชีวิตแบบนักเทรดหมายถึงการมองการเทรดในระยะยาว คุณไม่เร่งรีบที่จะทำกำไรในระยะสั้นจนเสี่ยงที่จะเสียเง

สโตอิกสำหรับคนขี้เกียจ: ขี้เกียจยังไงให้ทำน้อยได้มาก มี Flow ได้ผลงานขั้นเทพ

 สโตอิกสำหรับคนขี้เกียจ: ขี้เกียจยังไงให้ทำน้อยได้มาก มี Flow ได้ผลงานขั้นเทพ

"ผมเลือก คนขี้เกียจ ให้ทำงานยาก 

เพราะคนขี้เกียจจะหาวิธีง่ายๆ ในการทำงานนั้น"

https://mebmarket.com/?action=book_details&book_id=322316

 I choose a lazy person to do a hard job. Because a lazy person will find an easy way to do it.” 

- Bill Gates

ในโลกที่เต็มไปด้วยข้อมูลและสิ่งรบกวน ความขี้เกียจอาจถูกมองว่าเป็นข้อเสีย แต่ในความเป็นจริง การขี้เกียจอย่างฉลาดและมีประสิทธิภาพ สามารถนำไปสู่การทำงานที่คุ้มค่า โดยลงแรงน้อยที่สุด หากคุณเป็นคนที่ขี้เกียจ ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่มีศักยภาพ แต่คุณอาจต้องค้นหาวิธีในการจัดการตัวเองเพื่อให้สามารถทำสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้น ด้วยพลังงานที่น้อยลง


สโตอิกศาสตร์: วิธีจัดการตัวเองสำหรับคนขี้เกียจ

ปรัชญาสโตอิกศาสตร์ไม่ได้สอนแค่การควบคุมอารมณ์ แต่ยังสอนการจัดการสิ่งที่ควบคุมได้และปล่อยวางสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ ซึ่งตรงกับแนวคิดของการทำงานน้อยแต่ได้มาก คนที่ขี้เกียจจะใช้สโตอิกเพื่อมุ่งเน้นเฉพาะสิ่งที่สำคัญจริงๆ และตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป

1. เน้นการกระทำที่มีค่า

หลักของสโตอิกศาสตร์คือการเลือกทำสิ่งที่มีความหมายและมีผลกระทบ การขี้เกียจแบบสโตอิกคือการเลือกเฉพาะกิจกรรมที่ให้ผลลัพธ์สูงสุด โดยไม่เสียเวลาไปกับงานที่ไม่มีค่า 

2. โฟกัสกับปัจจุบัน

หลายครั้งคนที่ขี้เกียจจะคิดถึงสิ่งที่ควรทำเยอะเกินไปจนท้อ การนำสโตอิกมาใช้คือการโฟกัสแค่ช่วงเวลาปัจจุบันและทำงานทีละน้อย ขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับความชัดเจนของเป้าหมาย

3. การจัดการกับการรบกวน

คนขี้เกียจมักจะหลีกเลี่ยงการทำงานเพราะมีสิ่งรบกวนต่างๆ การฝึกสโตอิกจะช่วยให้คุณสามารถฝึกจิตใจให้ไม่ถูกเบี่ยงเบน และทำงานที่สำคัญอย่างต่อเนื่อง ด้วยความนิ่งและมีสมาธิ การรู้จักปล่อยวางและตัดสิ่งที่ไม่สำคัญเป็นอีกหนึ่งทักษะที่จำเป็น


Flow: การทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

คนขี้เกียจที่เข้าใจ Flow จะรู้ว่า การขี้เกียจไม่ใช่การไม่ทำอะไรเลย แต่คือการทำงานในเวลาที่เหมาะสม ทำให้เวลาที่ทำงานนั้นมีคุณภาพสูงสุด การเข้าสู่ Flow เกิดขึ้นเมื่อเราทำงานอย่างลื่นไหล เป็นการทำงานที่ไม่มีแรงต่อต้าน ไม่รู้สึกเครียดหรือต้องฝืนตนเอง


วิธีเข้าสู่ Flow:

1. ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน: เป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณรู้ว่าคุณต้องทำอะไร และจะทำให้คุณไม่เสียเวลาไปกับงานที่ไม่จำเป็น

2. ลดการขัดจังหวะ: คนขี้เกียจที่ประสบความสำเร็จจะตระหนักถึงความสำคัญของการหลีกเลี่ยงการขัดจังหวะ หาที่ทำงานที่เงียบสงบ หรือกำหนดเวลาที่จะไม่มีคนรบกวน 

3. การเริ่มต้นเล็กๆ: อย่ากดดันตัวเองจนท้อ เริ่มต้นจากการทำงานเล็กๆ และค่อยๆ เพิ่มไป การทำอย่างต่อเนื่องเล็กๆ น้อยๆ จะทำให้คุณเข้าสู่ Flow ได้อย่างไม่รู้ตัว


ทำน้อย แต่ได้มาก: ขี้เกียจให้ได้ผลลัพธ์ขั้นเทพ

การขี้เกียจไม่ได้หมายความว่าคุณต้องหยุดทุกอย่าง คุณสามารถทำน้อยและยังได้ผลงานขั้นเทพได้ หากคุณจัดการเวลาและพลังงานของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ เรียนรู้การจัดลำดับความสำคัญ และเลือกสิ่งที่คุ้มค่าที่สุดที่จะทำ


ตัวอย่างของการขี้เกียจอย่างได้ผล:

- การตัดสินใจที่รวดเร็ว: คนที่รู้จักการขี้เกียจอย่างฉลาดจะไม่ลังเลในการตัดสินใจ ใช้เวลาน้อยที่สุดเพื่อเลือกสิ่งที่ดีที่สุด

- การทำงานในช่วงเวลาที่เหมาะสม: คนขี้เกียจที่มีประสิทธิภาพจะรู้ว่าเมื่อไหร่ควรทำงาน เมื่อไหร่ควรพักผ่อน การทำงานช่วงที่มีพลังงานสูงจะให้ผลลัพธ์ที่มากกว่าการทำงานแบบลากยาว

- การพักผ่อนเพื่อความสำเร็จ: คนขี้เกียจมักจะรู้ว่าการพักผ่อนเป็นส่วนสำคัญของความสำเร็จ การนอนหลับที่เพียงพอ การพักสั้นๆ ช่วยให้มีสมองที่สดชื่น และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน


สรุป: สโตอิกศาสตร์สำหรับคนขี้เกียจ

หากคุณเป็นคนที่คิดว่าตัวเองขี้เกียจ คุณสามารถนำปรัชญาสโตอิกมาใช้ในการสร้างประสิทธิภาพและความสำเร็จในชีวิตประจำวัน การทำน้อยแต่ได้มากคือการเลือกทำสิ่งที่สำคัญและมีค่า ตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป พร้อมกับการโฟกัสอย่างเต็มที่ในช่วงเวลาที่ทำงาน การขี้เกียจไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แต่คือโอกาสในการปรับตัวและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

Setup เงินล้านของ Kristjan Kullamägi

จิตวิทยา การวิเคราะห์และใช้งาน แท่งเทียน Doji

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo