การเทรดที่ประสบความสำเร็จ นั้น แค่ “ดีกว่าค่าเฉลี่ย” ก็ยังไม่พอ

Image
Alexander Elder กล่าวว่า การเป็นเพียงแค่ “ดีกว่าค่าเฉลี่ย” ยังไม่เพียงพอ คุณต้องโดดเด่นกว่าใครๆ เพื่อที่จะชนะในเกมที่มีผลรวมติดลบ (Being simply “better than average” is not good enough. You have to be head and shoulders above the crowd to win a minus-sum game.) eBook : คิดและสวิงเทรดเป็นระบบแบบพี่แดน (Dan Zanger) มีจำหน่ายที่แอพ Meb ที่เดียว https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTk5MjQzNSI7czo3OiJib29rX2lkIjtpOjM0NDM3MTt9 ในคำพูดนี้ Alexander Elder กำลังเน้นย้ำว่า ในโลกของการเทรด การเป็นเพียงแค่คนที่ "เก่งกว่าค่าเฉลี่ย" อาจไม่เพียงพอที่จะประสบความสำเร็จได้ เพราะการเทรดไม่ใช่เกมที่ทุกคนสามารถชนะพร้อมกันได้ มันคือเกมที่เรียกว่า เกมที่มีผลรวมติดลบ (minus-sum game) ซึ่งหมายความว่า ทรัพยากรที่หมุนเวียนอยู่ในตลาด เช่น กำไรและขาดทุน ถูกกระจายไปในกลุ่มผู้เล่น แต่เมื่อรวมต้นทุนการเทรด เช่น ค่าธรรมเนียม นายหน้า และค่าเสียโอกาสแล้ว จะทำให้โดยรวมตลาดมีผลขาดทุนสุทธิ "เกมที่มีผลรวมติดลบ" หมายถึงอะไร? การเทรดในตลาดไม่ได้มี...

นักเทรดที่โฟกัสสิ่งที่ควบคุมไม่ได้จะแพ้ซ้ำซาก ถ้าโฟกัสสิ่งที่คุมได้จะกำไรสม่ำเสมอ

 สิ่งที่คุณสามารถควบคุมได้:

- เลือกหุ้น หรือ สินทรัพย์

- เงินลงทุน จำนวนขาดทุนต่อการเทรด (การควบคุมความเสี่ยง)

- เข้า, ออก และ ไม่เทรด (กระบวนการเทรด)

.

สิ่งที่คุณไม่สามารถควบคุมได้:

- การเคลื่อนไหวของตลาด(ราคาหุ้น)

- กำไร

.

มือใหม่โฟกัสไปที่สิ่งที่พวกเขาไม่สามารถควบคุมได้ จึงประสบกับความขึ้นๆ ลงๆ ของผลการเทรด และมักจะขาดทุนซ้ำซาก เนื่องจากเทรดตามอารมณ์ (ทำเยอะ ได้น้อย)

.

ขณะที่ นักเทรดได้กำไรสม่ำเสมอจะโฟกัสไปที่สิ่งที่พวกเขาสามารถควบคุมได้เท่านั้น และ ทำแค่สิ่งนี้ให้ดีที่สุดก็พอ (ทำน้อย ได้เยอะ)

.

.

โฟกัสสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ ทำเยอะ ได้น้อย

ในการเทรด มีหลายปัจจัยที่เราไม่สามารถควบคุมได้ เช่น:

- การเคลื่อนไหวของตลาด: ราคาหุ้น, สินค้าโภคภัณฑ์, หรือสกุลเงินสามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า โดยปัจจัยที่มีผลอาจมาจากเศรษฐกิจโลก, ข่าวสาร, หรือปัจจัยอื่นๆ

- ข่าวสารและเหตุการณ์สำคัญ: ข่าวการเมือง, เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจ, หรือภัยพิบัติธรรมชาติที่ส่งผลกระทบต่อราคาตลาด

- พฤติกรรมของเทรดเดอร์คนอื่น: การตัดสินใจและการกระทำของนักลงทุนคนอื่นที่มีผลต่อราคาตลาด

เมื่อเราโฟกัสและพยายามคาดการณ์หรือควบคุมสิ่งเหล่านี้ เราอาจต้องใช้เวลามากในการวิเคราะห์และพยายามจัดการกับข้อมูลที่ไม่แน่นอน แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง

.

โฟกัสสิ่งที่ควบคุมได้ ทำน้อยได้เยอะ

การโฟกัสในสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้ในการเทรดทำให้เราได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่างของสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้ในการเทรด ได้แก่:

- การจัดการความเสี่ยง: การตั้งค่าระดับ Stop Loss และ Take Profit เพื่อลดความเสี่ยงในการสูญเสียเงินทุน

- การวางแผนการเทรด: การสร้างแผนการเทรดที่ชัดเจนและยึดมั่นตามแผน เพื่อให้การตัดสินใจเทรดมีระบบและมีการควบคุม

- การพัฒนาทักษะและความรู้: การศึกษาและพัฒนาความรู้เกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค, การวิเคราะห์พื้นฐาน, และจิตวิทยาการเทรด

- การควบคุมอารมณ์: การจัดการอารมณ์ในขณะที่เทรด เช่น การไม่ให้ความโลภหรือความกลัวมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ

.

สรุป : การเทรดที่ประสบความสำเร็จมักมาจากการโฟกัสในสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้ การพัฒนาทักษะ, การจัดการความเสี่ยง, และการวางแผนการเทรดเป็นสิ่งที่เราสามารถทำได้เพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ การพยายามควบคุมสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้จะทำให้เราเสียเวลาและพลังงานโดยไม่จำเป็น


7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

Marios Stamatoudis สวิงเทรดปั้นพอร์ตโต 291.2% ในปีเดียว เขาทำได้อย่างไร?

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

Oliver Kell: วงจรของการเคลื่อนไหวของราคา (Cycle of Price Action)