Posts

Showing posts from July, 2024

การเล่นหุ้นขาดทุนหนัก ไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นแค่จุดเริ่มต้น คุณแค่สอบไม่ผ่านเท่านั้น คุณแก้ตัวได้เสมอ

Image
การเทรดหุ้น: ก้าวข้ามธรรมชาติของความกลัว สู่วิถี Zero to Hero   "Zero to Hero ภารกิจเปลี่ยนนักเทรดขาดทุนซ้ำซากให้ได้กำไรสม่ำเสมอ" มีจำหน่ายที่ Mebmarket วันที่ 3 กันยายน 2567 ครับ  https://www.mebmarket.com/?action=book_details&book_id=317619 การขาดทุนหนักจากการเล่นหุ้นอาจทำให้คุณรู้สึกว่าตัวเองล้มเหลว แต่แท้จริงแล้ว นั่นเป็นเพียง "หลักไมล์แรก" ของเส้นทางการเทรดเท่านั้นเอง มันบ่งบอกว่าคุณอาจยังสอบไม่ผ่านหรือทำผลงานไม่ถึงมาตรฐานที่ต้องการ แต่ที่สำคัญคือ การไม่ยอมแพ้และพร้อมที่จะปรับปรุงและพัฒนาตัวเอง คุณแค่สอบไม่ผ่าน ทำผลงานไม่ถึงมาตรฐานเท่านั้นเอง ในเส้นทางการเทรด มาตรฐานที่สำคัญคือการสร้างระบบที่มี ความคาดหวังเชิงบวก (Positive Expectancy) ซึ่งหมายความว่ากลยุทธ์การเทรดของคุณต้องมีโอกาสสร้างกำไรได้ในระยะยาว การขาดทุนอาจเกิดจากการที่คุณยังไม่ได้สร้างมาตรฐานนี้ขึ้นมา หรืออาจยังไม่ได้ปรับปรุงกลยุทธ์การเทรดให้เหมาะสมกับสถานการณ์ อีบุ๊ก "Zero to Hero" ชี้ทางสว่างให้คุณ หากคุณกำลังมองหาทางแก้ไขและปรับปรุงผลงานของคุณ อีบุ๊ก **"Zero to Hero: ภารกิจเปลี่ยนน

ทำไม Position Sizing จึงเป็น Aha-moment ของ นักเทรดจำนวนมาก

Image
  e-book : Position Sizing กับพัฒนาการนักเทรด 3 ระดับ... ในรูปแบบ ebook โดย เซียว จับอิดนึ้ง https://www.mebmarket.com/?action=book_details&book_id=31208 7 ทำไม Position Sizing จึงเป็น Aha-moment ของ นักเทรดจำนวนมาก? Aha-moment คืออะไร? Aha-moment คือช่วงเวลาที่คุณตระหนักรู้ว่า "อ๋อ เกมมันเล่นแบบนี้นี่เอง" มันเป็นเรื่องของ เวลา + ประสบการณ์ลองผิดลองถูกจนพบเคล็ดลับบางอย่างที่เป็นการค้นพบและยอมรับได้ด้วยตนเอง นักเทรดแต่ละคนก็จะมี Aha-moment ที่แตกต่างกันไป  ซึ่งน่าประหลาดใจมากว่า ไม่ไม่น้อยที่บอกว่า Position Sizing คือ Aha-moment  Tom Basso ผู้เป็นพ่อมดวอลสตรีท บอกว่า Position Size คือหนึ่งใน Aha-moment ของเขา ลุงทอมชี้ว่า Position Size สำคัญมากกว่าอินดิเคเตอร์(ที่บอกแค่จะเข้าและออกตรงไหน) ถ้าคุณปรับแต่ง Position Size ได้ดี มันก็จะส่งผลให้คุณได้ Return to risk ratio ที่ดีตามมาด้วย Goverdhan Gajjala ยอดนักเทรดที่ปั้นพอร์ตโต 800% ในปีเดียว ก็ระบุว่า "Learning about position sizing and progressive exposure was a turning point in my career, and an essential part of my retu

แนะนำอีบุ๊กเล่มใหม่ “Position Sizing กับพัฒนาการนักเทรด 3 ระดับ”

Image
อีบุ๊ก “Position Sizing กับพัฒนาการนักเทรด 3 ระดับ” เล่มใหม่ล่าสุดของผม มีจำหน่ายที่ Mebmarket https://www.mebmarket.com/?action=book_details&book_id=312087 และ โปรโมชั่น Early Bird แฟนพันธุ์แท้ ลด 20% จากปก  ***แค่ 1-2 สิงหาคม 2024 เท่านั้นครับ*** ปล. หนังสือเล่มรอไปก่อนนะครับ ยังไม่มีแผนพิมพ์ครับ พัฒนาการนักเทรด 3 ระดับ ได้แก่ ระดับที่ 1 : ขาดทุนซ้ำซาก ระดับที่ 2 : อยู่ในวังวนได้กำไรแล้วคืนกำไรกลับไปหมด ระดับที่ 3 : ได้กำไรสม่ำเสมอ ทั้ง 3 ระดับ มีเรื่อง Position Sizing มาเกี่ยวข้องและส่งผลกระทบต่อผลงาน มีนักเทรดระดับที่ 3 จำนวนมาก เปิดอกบอกว่า จุดเปลี่ยนที่ทำให้ผลงานการเทรดของเขาดีขึ้นแบบผิดหูผิดตาคือ Position Sizing กับ Progressive Exposure เล่มนี้จะบอกคุณว่ามันหมายความว่าไงกันแน่ ทำไมมันจึงเปลี่ยนผลงานนักเทรดที่ไม่รวย ให้เป็นนักเทรดที่รวยได้ อ่านแล้ว เห็นทางสว่างแน่นอน ความจริงแล้วแนวทาง Position Sizing นั้น ไม่ได้ซับซ้อน แต่เพราะตัวนักเทรด "ไม่เข้าใจและใช้ไม่เป็น" จึงทำให้เขาได้ผลงานที่ย่ำแย่ เป็นนักเทรดระดับ 1-2 ตรงกันข้าม ใครก็ตามที่ใช้เป็น เขาก็มีโอกาสได้กำไรสม่ำเ

ในโลกการเทรดนั้น เงินเป็นแค่ผลพลอยได้ของกระบวนการ

 ประโยคนี้หมายความว่า "เงินในโลกการเทรดนั้นเป็นเพียงผลพลอยได้จากการมีกระบวนการที่ดีในการเทรดเท่านั้น ยิ่งคุณอยู่ในวงการนี้นานเท่าไหร่ คุณจะเข้าใจสิ่งนี้มากขึ้น และเมื่อคุณเข้าใจสิ่งนี้มากขึ้น สิ่งนี้จะมีผลกระทบต่อชีวิตของคุณมากขึ้น" การอธิบายสำหรับมือใหม่: 1. **ผลพลอยได้จากกระบวนการ**: การทำกำไรจากการเทรดไม่ควรเป็นเป้าหมายหลัก การมีกระบวนการที่ดีและมีระเบียบวินัยเป็นสิ่งสำคัญ หากคุณมีกระบวนการที่ดี กำไรจะมาเองโดยเป็นผลพลอยได้ 2. **การอยู่ในเกมนานๆ**: ยิ่งคุณใช้เวลาในโลกการเทรดมากขึ้น คุณจะยิ่งเข้าใจว่าการมีกระบวนการที่ดีนั้นสำคัญมากกว่าการมุ่งหวังแต่ผลกำไร 3. **ผลกระทบต่อชีวิต**: เมื่อคุณเข้าใจถึงความสำคัญของกระบวนการ มันจะไม่เพียงแค่ช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในการเทรด แต่ยังมีผลกระทบที่ดีต่อการจัดการชีวิตและการตัดสินใจในด้านอื่นๆ ด้วย การเทรดไม่ใช่แค่เรื่องของเงิน แต่เป็นเรื่องของการมีกลยุทธ์ที่มั่นคงและการปฏิบัติตามกระบวนการที่ดี เงินจะเป็นเพียงผลลัพธ์จากการทำสิ่งเหล่านี้อย่างถูกต้อง

สาเหตุที่ทำให้นักเทรดส่วนใหญ่ ต้องขาดทุนซ้ำซาก หรือ ไม่สามารถทำกำไรได้สม่ำเสมอ

Image
สาเหตุที่ทำให้นักเทรดส่วนใหญ่ ต้องขาดทุนซ้ำซาก หรือ ไม่สามารถทำกำไรได้สม่ำเสมอ ๑) เทรดแบบงานอดิเรก - มาทรงนี้ จะไปไวมาก เพราะงานอดิเรกมีแต่จ่าย และจ่าย // อีกกลุ่มใหญ่ไม่แพ้กันคือ เทรดแบบการพนัน เล่นหุ้นเสี่ยงสูงทั้งๆ ที่ตนเองความรู้แทบไม่มี จำคำพูดเซียนมาใช้เป็นกลยุทธ์ ๒) ถึงแม้จะตั้งใจศึกษาเล่าเรียน หาความรู้และฝึกฝนอย่างหนัก ก็ยังคงมีโอกาสขาดทุนหนักอยู่ เพราะ - ไปได้ข้อมูล แนวทางที่ผิด โดยเฉพาะการโฟกัสที่ผลลัพธ์ที่แม่นยำสูง + เทรดโดยไม่มีการบริหารความเสี่ยง - แต่แม้จะได้ข้อมูลที่ดี ก็ยังมีโอกาสขาดทุนยับอยู่ ถ้าคุณมีความเชื่อที่ตรงข้ามกับกลยุทธ์/กระบวนการและกฎการเทรดที่ทำเงิน -- แบบนี้เรียกว่าความขัดแย้งจากภายใน ตัวอย่างที่ชัดมากคือ กลยุทธ์ให้คุณตัดขาดทุน แต่ถ้าภายในใจของคุณไม่เชื่อ คุณก็ทำตามไม่ได้ // กลยุทธ์ให้คุณบริหารความเสี่ยง แต่ถ้าคุณอยากรวยเร็ว คุณก็ไม่ยอมทำตาม ๓) ประสบการณ์ คือ ตัวแปรสำคัญ ของการเทรดที่ได้กำไรสม่ำเสมอ ถ้าคุณมีประสบการณ์มากพอ คุณผ่านเกมมากพอ คุณจะเข้าใจหลายเรื่อง ที่มันขัดกับความเชื่อทั่วไปของมนุษย์ได้ เพราะหลายเรื่องของเกมการเทรดนั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อเอาชนะ -

สูตรเทรดแล้วรวย ที่อมตะและใช้ได้ทั่วโลก ของพี่ Mark Minervini

Image
ความสำเร็จทางการเงินของผมในทุกๆ เรื่อง  รวมถึงการเทรดหุ้น สรุปได้ในประโยคเดียว... "ผมจะลงเงินของผมให้กับการลงทุนที่มี Upside สูง และจัดการ Downside ของมันให้เหลือเพียงเล็กน้อย ถ้าคุณจำกัด Downside ได้ดี(ให้เสียน้อย) Upside ก็จะดูแลตัวเอง(ให้คุณได้เยอะเอง) นี่คือสูตรเทรดแล้วรวย ที่อมตะและใช้ได้ทั่วโลก" - มาร์ค มิเนอร์วินี . คำพูดของพี่มาร์คแสดงถึงหลักการพื้นฐานของการลงทุนที่เวิร์คตลอดมาและใช้ได้ในวงกว้างเสมอ นั่นคือจัดการ(เพื่อจำกัดและกำจัด)ความเสี่ยงให้ต่ำ และให้โอกาสทำกำไรสูง เขาพูดถึงการลงทุนในหุ้นหรือสินทรัพย์ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง (X upside potential) แต่ในขณะเดียวกันก็ควบคุมความเสี่ยงหรือการสูญเสีย (Y downside) ให้อยู่ในระดับที่ต่ำมาก . . ทำไมการจำกัด downside จึงสำคัญและต้องทำก่อน? การจำกัด downside หรือความเสี่ยงของการสูญเสียเป็นกุญแจสำคัญของการเทรดที่ประสบความสำเร็จด้วยเหตุผลหลายประการ: . การปกป้องทุน: หากคุณสามารถจำกัดความเสี่ยงในการสูญเสียเงินลงทุนของคุณได้ จะทำให้คุณสามารถอยู่รอดและมีโอกาสในการลงทุนต่อไปในอนาคตได้ การสูญเสียที่มากเกินไปอาจทำให้ทุนของคุณลดลงอย่า

5 เหตุผลที่ทำให้นักเล่นหุ้นมือใหม่ ชอบเล่นหุ้นเสี่ยงสูง ทั้ง ๆ ที่ไร้ประสบการณ์และรู้น้อยมาก

 นักเล่นหุ้นมือใหม่มักจะชอบเล่นหุ้นเสี่ยงสูงด้วยเหตุผลหลายประการ ทั้ง ๆ ที่มีประสบการณ์น้อยและรู้น้อยเกี่ยวกับการลงทุน โดยสามารถสรุปได้ดังนี้: 1. **ความตื่นเต้นและความท้าทาย**: การลงทุนในหุ้นเสี่ยงสูงมักจะสร้างความตื่นเต้นและท้าทายให้กับนักลงทุนมือใหม่ เพราะหุ้นเหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลงราคาอย่างรวดเร็วและมีโอกาสได้ผลตอบแทนสูงในระยะสั้น 2. **โอกาสในการทำกำไรสูง**: นักลงทุนมือใหม่อาจมองว่าหุ้นเสี่ยงสูงมีโอกาสในการทำกำไรมากกว่า แม้จะมีความเสี่ยงสูงก็ตาม การได้กำไรที่สูงในระยะเวลาสั้นจึงเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจ 3. **ความรู้และการเข้าใจที่ยังไม่ครบถ้วน**: นักเล่นหุ้นมือใหม่อาจยังไม่มีความเข้าใจที่ดีเกี่ยวกับความเสี่ยงในการลงทุน พวกเขาอาจไม่สามารถประเมินความเสี่ยงได้อย่างถูกต้อง หรืออาจไม่เข้าใจถึงผลกระทบที่เกิดจากความเสี่ยง 4. **ผลกระทบจากข่าวสารและสื่อ**: สื่อมวลชนและข่าวสารต่าง ๆ มักเน้นไปที่หุ้นที่มีการเปลี่ยนแปลงราคาสูง ซึ่งทำให้นักเล่นหุ้นมือใหม่รู้สึกว่านี่คือหุ้นที่ควรลงทุน 5. **ขาดแผนการลงทุนที่ชัดเจน**: นักลงทุนมือใหม่มักขาดการวางแผนการลงทุนที่ชัดเจน ไม่ได้มีการวิเคราะห์หุ้นหรือการจัดการ

การไม่ยอมเลือก Setup (หน้าเทรด) เดียว ก็ถือว่าเป็นความผิดพลาด

ความผิดพลาดที่นักเทรดมือโปรเคยทำในช่วงแรก กลัวตกรถ - เสียใจที่ตกรถ - ไม่เลือกสไตล์เดียว/หน้าเทรดเดียว - ขาดวินัยไม่ทำตามแผน . น่าสังเกตนะครับว่าการที่คนไม่ยอมเลือก Setup (หน้าเทรด) เดียวก็ถือว่าเป็นความผิดพลาดเช่นกัน มาดูเหตุผลกัน: . 1. ขาดความชำนาญ: การพยายามใช้หลายสไตล์หรือ setup หลายแบบทำให้นักเทรดไม่สามารถเรียนรู้และเข้าใจลึกซึ้งในสไตล์ใดสไตล์หนึ่งได้เต็มที่  ...ขณะที่ ความชำนาญในสไตล์หรือหน้าเทรดเดียวช่วยให้นักเทรดมีความมั่นใจและความสามารถในการรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ในตลาด 2. สับสนและเครียด: การต้องติดตามและใช้หลายสไตล์ทำให้เกิดความสับสนและเครียด เนื่องจากต้องวิเคราะห์ข้อมูลและตัดสินใจหลายรูปแบบ ทำให้การตัดสินใจอาจไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ . 3. ขาดการวัดผลที่ชัดเจน: การใช้หลายสไตล์หรือหน้าเทรดหลายแบบทำให้ยากต่อการวัดผลและประเมินความสำเร็จของแต่ละกลยุทธ์  ....ขณะที่ การโฟกัสไปที่สไตล์เดียวช่วยให้นักเทรดสามารถติดตามผลลัพธ์ได้ชัดเจนและปรับปรุงกลยุทธ์ได้ตามผลลัพธ์ที่ได้รับ . การเลือกแค่สไตล์เดียวและหน้าเทรดเดียว จึงมีประโยชน์อย่างมาก ดังนี้: 1. พัฒนาความชำนาญได้ไวกว่า:  นักเทรดสามารถ

บริหารการเทรดดี แม้เงินทุนเริ่มน้อยก็รวยได้ แต่ถ้าบริหารไม่ดี แม่มีเงินทุนเริ่มเยอะก็เจ๊งยับไม่ยาก

Image
"ถ้าคุณบริหารจัดการการเทรดของคุณอย่างถูกต้อง เงินจำนวนน้อยก็สามารถกลายเป็นความมั่งคั่งที่เปลี่ยนชีวิตได้ แต่ถ้าคุณบริหารจัดการการเทรดที่ผิด  แม้จะมีเงินทุนเริ่มต้นจำนวนมาก ก็สามารถถูกทำลายจนเหลือแค่พอซื้อลูกอมได้ในเวลาไม่นาน" - Mark Minervini บทเรียนที่พี่มาร์คอยากบอกมือใหม่คือ: 1. การบริหารจัดการที่ถูกต้องสำคัญมาก:  - ไม่ว่าคุณจะมีเงินเริ่มต้นเท่าไหร่ การจัดการเงินและการวางแผนการเทรดอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จและเติบโตในระยะยาว 2. การบริหารจัดการที่ผิดอาจทำให้ขาดทุน:  - แม้ว่าคุณจะมีเงินทุนจำนวนมาก แต่ถ้าคุณไม่จัดการอย่างถูกต้อง คุณก็อาจขาดทุนได้ ซึ่งหมายความว่าความรู้และการมีวินัยในการเทรดมีความสำคัญไม่แพ้กัน 3. เริ่มต้นที่ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง:  - การเริ่มต้นด้วยวิธีการที่ถูกต้องและมีการวางแผนที่ดีตั้งแต่แรกจะช่วยให้คุณสร้างความมั่งคั่งในระยะยาวได้ สำหรับมือใหม่ การมองเห็นความสำคัญของการจัดการเงินและการมีวินัยในการเทรดเป็นสิ่งที่จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในโลกของการเทรดได้มากยิ่งขึ้นครับ การจัดการการเทรดอย่างถูกต้อง ควรมีลักษณะอย่างไร?: . 1.

Position Sizing กับ Progressive Exposure คือจุดเปลี่ยนของยอดนักเทรด ผู้ปั้นพอร์ตโต 800% ในปีเดียว

Image
2 กระบวนที่สำคัญมากที่คุณ Goverdhan Gajjala ยอดนักเทรดผู้ปั้นพอร์ตโต 800% ในปีเดียวใช้เพื่อให้บรรลุการจัดการความเสี่ยงอย่างปลอดภัย  คือ Position Sizing กับ Progressive Exposure(ปรับขนาดตามโอกาสความเสี่ยง) . ๑) ทุกครั้งที่คุณ Goverdhan Gajjala เข้าเทรดครั้งใหม่ เขาจะเริ่มต้นซื้อด้วยเงินที่เขาจะยอมเสียได้เท่านั้น(ซึ่งเป็นเงินก้อนเล็กมาก) ๒) จากนั้นเขาจะค่อยๆ เพิ่มหรือลดความเสี่ยงของบัญชีต่อการเทรด ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของหุ้นตัวนั้น . ๓) เขาจึงเริ่มเทรดไม้แรกด้วยเงินเพียงเล็กน้อย โดยเสี่ยง 0.25% ของบัญชีทั้งหมดของเขาต่อการเทรด  ๔) หากการเทรดนั้นมันไปได้ดีและมีผลตอบแทนเป็นบวก เขาจะค่อยๆ เพิ่มขนาดและ % ความเสี่ยงต่อการเทรด ๖) แต่ถ้าหากการเทรดนั้นมันไม่ดีและขาดทุน เขาจะค่อยๆ ลดความเสี่ยงต่อการเทรดลง (นี่คือหลักการ Progressive Exposure) . ๗) แสดงว่าเขาจะเพิ่มเงินลงทุนให้ขนาดใหญ่ขึ้นในหุ้นผู้ชนะ และลงเงินให้น้อยที่สุดเมื่อการเทรดนั้นแย่ที่สุด (นี่คือหลักการ Progressive Exposure) . ๘) การมีกระบวนการแบบนี้เอง ที่มันเพิ่มผลตอบแทนให้เขาแบบทวีคูณในเดือนที่ได้ผู้ชนะรอบใหญ่(Easy Dollars) และลดกา

ถ้าคุณรู้สึกไม่แน่ใจเกี่ยวกับสถานะการลงทุนในหุ้นหรือตำแหน่งใดๆ - ให้ออกไปก่อน

“Get out if you become unsure about a position.” - Michael Marcus คำกล่าวนี้หมายถึง ถ้าคุณรู้สึกไม่แน่ใจเกี่ยวกับสถานะการลงทุนในหุ้นหรือตำแหน่งใดๆ ควรจะขายหุ้นหรือปิดตำแหน่งนั้นๆ ทันที การตัดสินใจเช่นนี้เป็นการป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากการไม่มั่นใจในข้อมูลหรือการวิเคราะห์ของตัวเอง อธิบายเพิ่มเติม - ไม่แน่ใจเกี่ยวกับสถานะ: หมายถึงคุณรู้สึกไม่แน่ใจว่าหุ้นนั้นจะขึ้นหรือลง หรือข้อมูลที่คุณมีอาจไม่เพียงพอที่จะตัดสินใจอย่างมั่นใจ - การขายหรือปิดตำแหน่ง: การออกจากตำแหน่งนั้นเป็นวิธีป้องกันความเสี่ยง เมื่อคุณไม่แน่ใจในการตัดสินใจ การอยู่ในสถานะที่ไม่แน่ใจอาจทำให้เกิดความเสี่ยงและความเสียหายทางการเงิน ข้อคิดสำหรับนักเทรดมือใหม่ 1. ป้องกันความเสี่ยง: การออกจากตำแหน่งเมื่อไม่แน่ใจเป็นการป้องกันความเสี่ยงที่ดี เพราะจะช่วยลดการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นจากการตัดสินใจที่ไม่แน่นอน 2. มีแผนการเทรดที่ชัดเจน: ควรมีแผนการเทรดที่ชัดเจนและปฏิบัติตามแผนนั้นอย่างเคร่งครัด เพื่อให้มีเกณฑ์ในการตัดสินใจที่แน่นอนและมั่นคง 3. การควบคุมอารมณ์: การไม่แน่ใจอาจเกิดจากอารมณ์และความกังวล การออกจากตำแหน่งที่ไม่แน่ใจช่

มีการเทรดแค่ 10%-20% ของทั้งหมด ที่ทำกำไรให้ 80%-90% ของทั้งหมด

Image
ตลอด 48 ปีของผมในฐานะนักเก็งกำไร  นักเทรดมืออาชีพทุกคนที่ผมรู้จัก ปั้นพอร์ตภายใต้หลักการ Pareto นั่นคือมีการเทรดแค่ 10%-20% ของทั้งหมด ที่ทำกำไรให้ 80%-90% ของทั้งหมด -- ปีแล้วปีเล่า มีน้อยนักที่เข้าใจสิ่งนี้ (ไม่ว่าพวกเขาจะอ้างถึง Pareto หรือไม่ก็ตาม) และเขาก็จะประสบความสำเร็จได้ในท้ายที่สุด . ทำไมเป็นเช่นนั้น? เนื่องจาก ๑) ความสามารถในการทำกำไรในระยะยาวในการเก็งกำไรในตลาดนั้นเกี่ยวข้องกับวิธีจัดการกับความสูญเสีย(ตัดขาดทุน)มากกว่าการค้นหาหุ้นผู้ชนะที่วิเศษ(หุ้นกำไรก้อนโต) ๒) ผู้ชนะ(หุ้นกำไรก้อนโต)จะมาหาเฉพาะนักเทรดที่จำกัด Drawdown ได้ดีที่สุดให้ทุนเหลือมากที่สุด (พอร์ตไม่เสียหายหนักเมื่อต้องเจอตลาดที่เลี่ยงการขาดทุนต่อเนื่องไม่ได้) . เป็นเรื่องง่ายที่จะทำเงินจากการเทรด ความท้าทายคือการรักษามันไว้ และต้องรักษาไว้ให้นานพอ จนกว่าจะได้พบโอกาสดี ๆ และต้องรอให้กำไรก้อนงามออกดอกผล . ผมพบว่าโซเชียลมีเดียนั้น มีวัยรุ่นที่เสพฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนเกินขนาดชอบคุยโวเกี่ยวกับการเทรดได้กำไร 5 เท่า, 10 เท่า, 30 เท่า ของพวกเขา - มันน่าขัน เกินกว่าที่จะเป็นไปได้จริง . การอวดรูปถ่ายกับ Lambo โชว์จอคอมพิวเ

Being Right or Making Money ความต่างที่มือใหม่ ไม่เข้าใจ

Image
ทัศนคติการเทรด "Being Right" กับ "Making Money" มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ และสามารถส่งผลต่อผลลัพธ์ของการเทรดได้อย่างชัดเจน ดังนี้: 1. ทัศนคติ "Being Right" (การต้องถูกต้อง) - ลักษณะของทัศนคติ: นักเทรดที่มีทัศนคตินี้มักจะมุ่งเน้นไปที่การพิสูจน์ว่าตัวเองถูกต้องเสมอ พยายามที่จะทำให้การคาดการณ์และการตัดสินใจในการเทรดถูกต้อง - ผลลัพธ์:   - อารมณ์และจิตใจ: นักเทรดอาจรู้สึกเสียใจหรือโกรธเมื่อการเทรดไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ทำให้เกิดความเครียดและความกดดัน   - การจัดการการขาดทุน: การไม่ยอมรับความผิดพลาดอาจทำให้นักเทรดไม่ยอมปิดตำแหน่งที่ขาดทุน และถือครองตำแหน่งนานเกินไป จนกระทั่งขาดทุนหนักขึ้น   - การตัดสินใจที่ไม่เป็นระบบ: การพยายามที่จะพิสูจน์ว่าตนเองถูกต้องอาจทำให้นักเทรดเปลี่ยนกลยุทธ์บ่อยๆ ซึ่งนำไปสู่การตัดสินใจที่ไม่เป็นระบบและไม่สอดคล้องกับแผนการเทรด 2. ทัศนคติ "Making Money" (การทำกำไร) - ลักษณะของทัศนคติ: นักเทรดที่มีทัศนคตินี้มุ่งเน้นไปที่การทำกำไรในระยะยาวมากกว่าการพิสูจน์ว่าตนเองถูกต้อง พวกเขายอมรับความเสี่ยงและเข้าใจว่าการขาดทุนเป็นส่วนหนึ่

ทำไมการซื้อหุ้น 52 week low จึงอันตรายมากสำหรับนักเล่นหุ้นมือใหม่

Image
  การซื้อหุ้นที่มีราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ (52 week low) อาจดูน่าสนใจสำหรับนักลงทุนมือใหม่ เพราะพวกเขาอาจมองว่าราคาหุ้นอยู่ในจุดต่ำสุดและมีโอกาสในการทำกำไรจากการฟื้นตัวของราคา แต่การซื้อหุ้นในจุดนี้อาจมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากเหตุผลต่อไปนี้: 1. ปัญหาพื้นฐานของบริษัท: หุ้นที่มีราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์อาจเป็นสัญญาณว่าบริษัทนั้นมีปัญหาทางการเงินหรือปัญหาอื่น ๆ ที่สำคัญ การที่ราคาหุ้นลดลงมาอยู่ในระดับต่ำสุดไม่ได้แปลว่าหุ้นนั้นจะมีการฟื้นตัวในอนาคตเสมอไป 2. แนวโน้มขาลง: หุ้นที่มีราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์อาจอยู่ในแนวโน้มขาลง ซึ่งหมายความว่าราคาหุ้นอาจยังคงลดลงต่อไป การซื้อในจุดนี้อาจทำให้นักลงทุนประสบปัญหาขาดทุนต่อเนื่อง 3. การจับมีดที่ตกลงมา: การซื้อหุ้นที่มีราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์เป็นการเสี่ยงที่คล้ายกับการพยายามจับมีดที่ตกลงมา ซึ่งมีโอกาสที่นักลงทุนจะเจ็บตัวจากการซื้อหุ้นในจุดที่ยังไม่ถึงจุดต่ำสุดจริง ๆ 4. อารมณ์และจิตวิทยาตลาด: นักลงทุนมือใหม่อาจมีปัญหาในการควบคุมอารมณ์และจิตวิทยาเมื่อเห็นราคาหุ้นลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจทำให้เกิดการตัดสินใจที่ผิดพลาด เช่น การขายหุ้นในจุดที่ต่ำเ

5 เหตุผล ที่นักเทรดต้องปรับตัวให้เข้ากับตลลาดก่อน จึงจะทำเงินจากตลาดได้?

Image
 การปรับตัวให้เข้ากับตลาดเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักเทรดมือใหม่ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้: 1. ความผันผวนของตลาด - การเปลี่ยนแปลงของราคา: ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง ราคาหุ้นสามารถขึ้นหรือลงได้อย่างรวดเร็ว การปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปจึงเป็นสิ่งจำเป็น - การตอบสนองต่อข่าวสาร: ราคาหุ้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามข่าวสารต่าง ๆ การปรับตัวให้เข้ากับข้อมูลใหม่ ๆ จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจการซื้อขายได้ถูกต้อง 2. การบริหารความเสี่ยง - การจัดการความเสี่ยง: การปรับตัวให้เข้ากับตลาดช่วยให้นักเทรดมือใหม่เรียนรู้ที่จะจัดการกับความเสี่ยงได้ดีขึ้น เช่น การตั้งค่า Stop-Loss และการกำหนดขนาดของการลงทุน - ลดความเสี่ยงในการขาดทุน: การเรียนรู้และปรับตัวทำให้นักเทรดสามารถระบุและหลีกเลี่ยงการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงเกินไป 3. การทำความเข้าใจกับพฤติกรรมตลาด - การวิเคราะห์และพยากรณ์: การปรับตัวช่วยให้นักเทรดสามารถทำความเข้าใจรูปแบบและแนวโน้มของตลาดได้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยให้สามารถวิเคราะห์และพยากรณ์การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นได้แม่นยำขึ้น - การเรียนรู้จากประสบการณ์: การปรับตัวช่วยให้นักเทรดเรียนรู้จากการซื้อขายที่ผ่านมา แ

"ถ้าคุณรอข่าวดีจึงซื้อหุ้น รอข่าวร้ายจึงขาย ก็เตรียมตัววอดวายได้เลย"

คำพูดนี้เป็นการเตือนถึงพฤติกรรมการซื้อขายหุ้นที่อาจนำไปสู่การขาดทุนใหญ่ คำอธิบายเบื้องหลังมีดังนี้: 1. ตลาดหุ้นตอบสนองต่อความคาดหวัง: ข่าวดีและข่าวร้ายส่วนใหญ่ถูกสะท้อนในราคาหุ้นแล้วโดยนักลงทุนที่มีข้อมูลก่อนหน้า การซื้อขายตามข่าวจึงมักทำให้เราเข้าตลาดช้าเกินไป 2. ปฏิกิริยาตลาด: เมื่อข่าวออกมา ราคาหุ้นมักจะปรับตัวอย่างรวดเร็ว การรอข่าวดีก่อนซื้อหรือข่าวร้ายก่อนขาย อาจทำให้เราซื้อที่ราคาสูงและขายที่ราคาต่ำ ซึ่งเป็นการทำตรงข้ามกับหลักการซื้อถูกขายแพง 3. จิตวิทยานักลงทุน: การรอข่าวดีหรือข่าวร้ายแสดงถึงการพึ่งพาการตัดสินใจตามความรู้สึกมากกว่าการวิเคราะห์เชิงเทคนิคหรือพื้นฐาน ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ยั่งยืน 4. การวิเคราะห์เชิงพื้นฐานและเทคนิค: นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมักจะทำการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียดก่อนการลงทุน ไม่ใช่เพียงแค่รอข่าว การมีแผนการซื้อขายที่ชัดเจนและการปฏิบัติตามแผนจะช่วยลดความเสี่ยง การซื้อขายตามข่าวเป็นกลยุทธ์ที่เสี่ยงและอาจนำไปสู่การขาดทุน การวางแผนและการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียดเป็นวิธีที่ดีกว่าในการลงทุนหุ้น

ทำไมมือใหม่จึงไม่สามารถ Cut losses short and let profits run ได้ ทั้งๆ ที่เป็นเบสิค?

ทำไมมือใหม่จึงไม่สามารถ Cut losses short and let profits run ได้ ทั้งๆ ที่เป็นเบสิค? มือใหม่มักไม่สามารถทำตามหลักการ "Cut your losses short and let your profits run" ได้ทั้ง ๆ ที่เป็นพื้นฐานสำคัญ เนื่องจากหลายสาเหตุ ดังนี้: 1. การขาดประสบการณ์และความรู้ - ความรู้ที่จำกัด: มือใหม่มักยังไม่มีความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับตลาดการเงินหรือการเทรด ทำให้ขาดความสามารถในการวิเคราะห์และการตัดสินใจที่ดี - การขาดประสบการณ์: การขาดประสบการณ์ทำให้มือใหม่ยังไม่คุ้นเคยกับความผันผวนของตลาดและการจัดการกับความเสี่ยง 2. อารมณ์และจิตวิทยาการเทรด - ความกลัวและความโลภ: อารมณ์เหล่านี้มักเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้มือใหม่ไม่สามารถตัดขาดทุนได้เมื่อควรทำ และมักปิดกำไรเร็วเกินไปเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสีย - ความหวัง: มือใหม่มักมีความหวังว่าราคาจะกลับมาแม้จะขาดทุนหนักแล้ว ทำให้ไม่กล้าตัดขาดทุน 3. การขาดแผนการและวินัย - ไม่มีแผนการเทรดที่ชัดเจน: มือใหม่มักไม่มีแผนการเทรดที่เป็นระบบและไม่มีกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยง - ขาดวินัย: การไม่มีวินัยในการปฏิบัติตามแผนการเทรดที่กำหนดไว้ ทำให้ไม่สามารถตัดขาดทุนหรือปล่อยกำไรวิ่ง

"ไม่คัทเพราะกลัวขาดทุนหนัก สุดท้ายขาดทุนหนักกว่าเดิม" เกิดจากอะไร? มาดูกันครับ

Image
อาการ "ไม่คัทเพราะกลัวขาดทุนหนัก สุดท้ายหนักกว่าเดิม" เป็นพฤติกรรมที่พบนักเล่นหุ้นมือใหม่หลายๆ คน และสามารถอธิบายได้ผ่านหลายเหตุผลทางจิตวิทยา ประสบการณ์ และธรรมชาติของมนุษย์ ดังนี้: 1. Loss Aversion (ความกลัวการสูญเสีย) มนุษย์มักจะกลัวการสูญเสียมากกว่าที่จะได้รับกำไรในจำนวนเดียวกัน ความกลัวการสูญเสียทำให้ผู้คนยอมเสี่ยงที่จะขาดทุนมากขึ้นเพื่อไม่ให้เห็นการขาดทุนจริง ๆ ในปัจจุบัน 2. Confirmation Bias (อคติต่อการยืนยัน) นักลงทุนมักจะมองหาข้อมูลที่สนับสนุนความเชื่อหรือการตัดสินใจของตนเอง และมองข้ามหรือไม่ยอมรับข้อมูลที่ขัดแย้งกับความเชื่อเหล่านั้น การไม่ยอมคัทขาดทุนอาจเกิดจากการเชื่อว่าหุ้นจะกลับมาฟื้นตัว 3. Overconfidence (ความมั่นใจเกินไป) นักลงทุนมือใหม่อาจมีความมั่นใจในความสามารถของตนเองมากเกินไป ทำให้เชื่อว่าตนเองจะสามารถทนรอจนกว่าหุ้นจะฟื้นตัวกลับมาได้ 4. Sunk Cost Fallacy (ความผิดพลาดในการคิดคำนวณต้นทุนที่จม) มนุษย์มักจะยึดติดกับการลงทุนที่เคยทำมาแล้ว แม้ว่าจะรู้ว่ามันไม่คุ้มค่าอีกต่อไป การไม่คัทขาดทุนเป็นการยึดติดกับต้นทุนที่จมไปแล้ว หวังว่าจะไม่สูญเสียไปมากกว่านี้ 5. Emot

นักเทรดที่โฟกัสสิ่งที่ควบคุมไม่ได้จะแพ้ซ้ำซาก ถ้าโฟกัสสิ่งที่คุมได้จะกำไรสม่ำเสมอ

 สิ่งที่คุณสามารถควบคุมได้: - เลือกหุ้น หรือ สินทรัพย์ - เงินลงทุน จำนวนขาดทุนต่อการเทรด (การควบคุมความเสี่ยง) - เข้า, ออก และ ไม่เทรด (กระบวนการเทรด) . สิ่งที่คุณไม่สามารถควบคุมได้: - การเคลื่อนไหวของตลาด(ราคาหุ้น) - กำไร . มือใหม่โฟกัสไปที่สิ่งที่พวกเขาไม่สามารถควบคุมได้ จึงประสบกับความขึ้นๆ ลงๆ ของผลการเทรด และมักจะขาดทุนซ้ำซาก เนื่องจากเทรดตามอารมณ์ (ทำเยอะ ได้น้อย) . ขณะที่ นักเทรดได้กำไรสม่ำเสมอจะโฟกัสไปที่สิ่งที่พวกเขาสามารถควบคุมได้เท่านั้น และ ทำแค่สิ่งนี้ให้ดีที่สุดก็พอ (ทำน้อย ได้เยอะ) . . โฟกัสสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ ทำเยอะ ได้น้อย ในการเทรด มีหลายปัจจัยที่เราไม่สามารถควบคุมได้ เช่น: - การเคลื่อนไหวของตลาด: ราคาหุ้น, สินค้าโภคภัณฑ์, หรือสกุลเงินสามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า โดยปัจจัยที่มีผลอาจมาจากเศรษฐกิจโลก, ข่าวสาร, หรือปัจจัยอื่นๆ - ข่าวสารและเหตุการณ์สำคัญ: ข่าวการเมือง, เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจ, หรือภัยพิบัติธรรมชาติที่ส่งผลกระทบต่อราคาตลาด - พฤติกรรมของเทรดเดอร์คนอื่น: การตัดสินใจและการกระทำของนักลงทุนคนอื่นที่มีผลต่อราคาตลาด เมื่อเราโฟกัสและพยายามคาดการณ์หรือ

เป้าหมาย กับ ระบบ ต้องมาคู่กัน

Image
  เป้าหมายเป็นงานของนักพนัน แต่การมีระบบเพื่อพาไปสู่เป้าหมาย คืองานของนักธุรกิจ ภาพนี้แสดงถึงความสำคัญของการมีทั้ง "เป้าหมาย" และ "ระบบ" ในการบรรลุผลสำเร็จ ในภาพจะมีการเปรียบเทียบสามสถานการณ์ ได้แก่: 1. มีเป้าหมายเพียงอย่างเดียว (Goal Only):     - ในภาพนี้ แสดงให้เห็นคนที่มีเป้าหมายแต่ไม่มีวิธีการหรือระบบที่จะไปถึงเป้าหมายนั้น ซึ่งทำให้เป้าหมายนั้นยากที่จะบรรลุผล 2. มีระบบเพียงอย่างเดียว (System Only):     - ในภาพนี้ แสดงให้เห็นคนที่มีระบบหรือขั้นตอนการทำงานที่ดี แต่ไม่มีเป้าหมายที่จะไปถึง จึงทำให้การทำงานนั้นไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ชัดเจน 3. มีทั้งเป้าหมายและระบบ (Goal + System):     - ในภาพนี้ แสดงให้เห็นคนที่มีทั้งเป้าหมายและระบบที่ดี ซึ่งจะช่วยให้การบรรลุเป้าหมายเป็นไปได้ง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในบริบทของการเทรด: 1. การมีเป้าหมายเพียงอย่างเดียว (Goal Only):     - นักเทรดที่มีเป้าหมายในการทำกำไร แต่ไม่มีระบบการเทรดที่ชัดเจน อาจจะทำให้การเทรดไม่มีกลยุทธ์ที่ดี ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสียเงิน 2. การมีระบบเพียงอย่างเดียว (System Only):     - นักเทรดที่มีระบบการเท

Asymmetric leverage + always getting odds on your money = Holy grail

Image
 Asymmetric leverage + always getting odds on your money = Holy grail "ผมสร้างอาชีพและโชคลาภจากการเทรดที่ผิดพลาดบ่อย(False breakout)พอๆ กับการเทรดหุ้นที่ถูกต้อง(Breakout แล้วไปต่อ)  สิ่งสำคัญคือ Asymmetric leverage (นั่นคือ)เก็บกำไรจากผู้ชนะของคุณให้ได้เงินก้อนโตมากกว่าที่คุณตัดขาดทุนให้กับหุ้นผู้แพ้ และทำให้เงินของคุณเติบโตอยู่เสมอ นี่คือ Holy grail!" - Mark Minervini . พี่มาร์คบอกว่าแกได้สร้างอาชีพและความมั่งคั่งจากการเทรดหุ้นโดยการยอมรับว่าตนเองทำผิดพลาดบ่อยครั้งเท่าๆ กับที่ทำถูกต้อง  สิ่งสำคัญที่ทำให้ผมประสบความสำเร็จคือการใช้ "asymmetric leverage" หมายถึง การทำให้กำไรจากการเทรดที่ประสบความสำเร็จก้อนโตกว่าการตัดขาดทุนจากการเทรดที่ล้มเหลว"  . นี่คือแนวทางที่มือใหม่สามารถเอาไปประยุกต์ใช้ได้: 1. ยอมรับว่าคุณจะผิดพลาด: ในการเทรด คุณจะไม่สามารถทำกำไรได้ทุกครั้ง คุณต้องยอมรับความผิดพลาดและไม่ท้อแท้เมื่อขาดทุน . 2. ใช้กลยุทธ์ที่มี Risk:Reward 1:2 ขึ้นไป: พยายามหากลยุทธ์ที่ทำให้เมื่อคุณชนะ คุณจะได้กำไรมากกว่าตอนที่คุณแพ้ ตัวอย่างเช่น การใช้ stop loss เพื่อลดการขาดท

52 Week Low ท่ายากที่มือใหม่ชอบทำ(ลายตนเอง)

52 Week Low ท่ายากที่มือใหม่ชอบทำ(ลายตนเอง) (หลงผิด ๑) น่าจะไปฟัง เซียนวีไอ ที่ใช้หลักการนี้แล้วได้กำไรมหาศาล แต่ไม่รู้ว่าเซียนเหล่านั้นเขาทำวิจัยหุ้นละเอียดมาก ๆ ก่อนเลือกซื้อแต่ละตัว - ไม่ใช่สักแต่ซื้อไปเรื่อยแบบมือใหม่ . (หลงผิด ๒) จึงมโนไปเองว่า ถ้าซื้อหุ้นขาลงแล้วจะได้กำไร เพราะมีส่วนต่างเยอะ มองโลกในแง่ดีแบบไร้เดียงสา - อยากรวยไว ได้หุ้นพลิกชีวิต . (ไม่รู้เรื่อง) เขาไม่รู้ว่ากำลังเทรดสวนแนวโน้มอยู่ - ซื้อหุ้นหวังให้ขึ้น แต่ดันไปซื้อหุ้นที่กำลังร่วงลงด้วยความรุนแรง อุปมาเหมือน คุณ(ที่อยู่กรุงเทพ)อยากจะไปเชียงใหม่ แต่ดันขับรถออกเส้นพระรามสองไปหัวหิน โดยหวังว่ามันจะพาคุณไปเชียงใหม่ - เสียเวลา เสียพลังงาน . (ท่ายาก ๑) คุณกำลังเล่นเกมสู้กับตลาด - เกมพิสูจน์ว่าตลาดคิดผิด แต่คุณคิดถูก ถ้าคุณเล่นเกมสู้กับตลาด รับประกันแพ้ยับเยินแน่นอน เพราะเมื่อดัชนีบวกต่อเนื่อง แต่หุ้นตัวนั้นยังเป็นขาลงอยู่ คนที่ฉลาดกว่าจะขายออกเพื่อไปซื้อตัวที่ดีกว่าที่วิ่งขึ้น แล้วราคาหุ้ที่คุณถือจะลงแรงต่อได้อีก . (ท่ายาก ๒) ถ้าคุณไม่เก่งจริง ๆ ถ้าไม่เชี่ยวชาญการคำนวนมูลค่าจริง ๆ อย่าซื้อหุ้นขาลง มันเสี่ยงถูกทำลาย มา

โฟกัสกระบวนการจริงจัง - ปล่อยวางผลลัพธ์ : Mindset การเทดรแบบมืออาชีพของพี่ Mark Minervini

Image
"เมื่อคุณกำลังจะทำการซื้อขายและแม้แต่ในระหว่างการซื้อขาย ให้ตัดสินใจราวกับว่านี่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในโลก  แต่เมื่อมันจบไปแล้ว - ชนะหรือแพ้ - คุณทำอะไรกับมันไม่ได้แล้ว  ไม่มีคำว่ารู้งี้; "ฉันควรจะ" "ฉันสามารถมีได้" อีกต่อไป Move on เดินหน้า...ต่อไป! The show must go on! . Mindset นี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะช่วยให้คุณมีอิสระในความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการเทรดครั้งถัดไป ด้วยความจริงจัง ความรอบคอบ และความหลงใหลเช่นเดียวกับครั้งก่อนๆ  และนั่นคือสิ่งที่ความเป็นมืออาชีพ ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับ... ความสม่ำเสมอ" - มาร์ค มิเนอร์วินี ขยายความประโยคทองนี้ ส่วนที่ 1: การตัดสินใจในการเทรด - เมื่อคุณกำลังจะทำการเทรด หรือแม้แต่ขณะที่กำลังทำการเทรด:  คุณควรทำการตัดสินใจอย่างจริงจัง เหมือนกับว่ามันเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในโลก - ทำการตัดสินใจด้วยความตั้งใจเต็มที่: ให้ความสำคัญและความรอบคอบในการตัดสินใจแต่ละครั้ง . ส่วนที่ 2: ปล่อยวางและความต่อเนื่อง - แต่เมื่อการเทรดนั้นผ่านไปแล้ว ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้: มันก็ผ่านไปแล้ว - No Monday Morning Quarterbacking: หมายถึงไม่ควรย้อนกลับไปคิ

แนวทางดึงดูดโชค ให้มาหาคุณบ่อยกว่าคนทั่วไปร้อยเท่าพันเท่า สูตร พี่มาร์ค มิเนอร์วินี (และคนที่ประสบความสำเร็จขั้นสูงทำกัน)

Image
แนวทางดึงดูดโชค ให้มาหาคุณบ่อยกว่าคนทั่วไปร้อยเท่าพันเท่า สูตร พี่มาร์ค มิเนอร์วินี (และคนที่ประสบความสำเร็จขั้นสูงทำกัน) "สิ่งที่ยิ่งใหญ่และคงทน ไม่ได้เกิดขึ้นมาโดยบังเอิญ  โชคชะตาคาดเดาไม่ได้ ที่อเมริกามีคนถูกล็อตเตอรี่ทุกสัปดาห์ แต่คนถูกไม่เคยซ้ำหน้า  แต่ถ้าคุณทำงานให้หนักขึ้น ฝึกให้ดีขึ้น คุณยิ่งได้รับโชคบ่อยขึ้น" - มาร์ค มิเนอร์วินี . การสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่และคงทนไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ โชคชะตาเป็นสิ่งที่ไม่สามารถพึ่งพาได้เสมอไป    - ในการทำสิ่งใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างธุรกิจ การทำงาน การเรียน หรือการพัฒนาตัวเอง เราไม่ควรพึ่งพาโชคเพียงอย่างเดียว แต่ควรใช้ความพยายามและการวางแผนที่ดี . 2. มีคนถูกรางวัลลอตเตอรี่ทุกสัปดาห์ แต่ชื่อของผู้ชนะจะเปลี่ยนไปทุกครั้ง    - การที่มีคนโชคดีถูกรางวัลลอตเตอรี่เป็นเพียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญและไม่สามารถควบคุมได้ ดังนั้นการพึ่งพาโชคเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอในการประสบความสำเร็จในชีวิต . 3. ยิ่งคุณทำงานหนักและฝึกฝนได้ดีเท่าไหร่ คุณจะรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากขึ้น และได้รับโชคมากขึ้นตาม    - การทำงานหนักและการฝึกฝนจะเพิ่มโอกาสในการปร

สาเหตุของการเทรดแก้แค้น ที่มือใหม่ควรรู้

Image
สาเหตุของการเทรดแก้แค้น ที่มือใหม่ควรรู้ • การให้คุณค่ากับการชนะและการแพ้ที่ผิด • เชื่อการขาดทุน = ความเลวร้าย • ไม่เข้าใจว่าการตัดขาดทุนก็มีข้อได้เปรียบเช่นกัน • ความนับถือตนเองขึ้นอยู่กับผลการเทรด • ความรู้สึกว่าตนเองพ่ายแพ้ • ความเข้าใจผิดว่าตลาดสามารถควบคุมได้ • มุมมองระยะสั้นและความปรารถนาที่จะรู้สึกดีขึ้นทันที • ขาดวินัยในตนเอง • ความเย่อหยิ่ง เชื่อวิจารณญาณส่วนตัว > กฎการเทรดที่กำหนดไว้ • ขาดความเข้าใจในงานของนักเทรด • ขาดความไว้วางใจหรือความเข้าใจในระบบ • ขาดความเข้าใจเกี่ยวกับการสุ่มของตลาด • ขาดความเข้าใจถึงความสำคัญของการบริหารความเสี่ยง • ขาดหรือไม่ปฏิบัติตามแผนการซื้อขาย . คุณอาจคิดว่าปัญหาของการเทรดแก้แค้นคือการไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ แต่สาเหตุของอารมณ์เหล่านี้เกิดจากการคิดที่ไม่ถูกต้องและขาดความเข้าใจ . ก่อนที่จะถือว่าทุกอย่างเป็นปัญหาในการควบคุมอารมณ์ คุณจำเป็นต้องเข้าใจ-ความเข้าใจที่จำเป็นเกี่ยวกับงานและกระบวนการคิดของนักเทรดอย่างถี่ถ้วน . หากคุณเข้าใจอย่างแท้จริงว่าการเทรดแบบแก้แค้นเป็นอุปสรรคต่อความสำเร็จของคุณมากเพียงใด และโดยพื้นฐานแล้วมันเป็นการทำลายอาชีพตัวเอ

24 มุมมองส่วนตัวเกี่ยวกับชีวิต ความสำเร็จ และจักรวาล ของพี่มาร์ค มิเนอร์วินี

24 มุมมองส่วนตัวเกี่ยวกับชีวิต ความสำเร็จ และจักรวาล ของพี่มาร์ค มิเนอร์วินี  https://x.com/markminervini/status/1808598102888362309 1. ชีวิตไม่แฟร์หรอก จงชินกับมันซะ!  แต่อย่าปล่อยให้มันทำให้คุณรู้สึกว่าคุณต้องเล่นอย่างไม่แฟร์ด้วย  คุณไม่จำเป็นต้องทำ 2. การผิดสัญญาและทำร้ายคนอื่น  ในที่สุดจะย้อนกลับมาเล่นงานคุณคืน 3. ยาเสพติดทำลายความฝันและแอลกอฮอล์จะทำให้ชีวิตคุณยาก  การใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตามธรรมชาตินั้นดีที่สุด 4. ไม่มีใครสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่และยั่งยืนโดยบังเอิญ  โชคมาแล้วก็ไป(ควบคุมไม่ได้)  ทุกสัปดาห์จะมีคนถูกลอตเตอรี่ แต่ชื่อจะแตกต่างออกไปทุกสัปดาห์  แต่ยิ่งคุณทำงานหนักและฝึกฝนได้ดีเท่าไร คุณก็จะยิ่งโชคดีมากขึ้นเท่านั้น 5. ความรักคือสภาวะธรรมชาติของคุณ  หากคุณต้องการเปลี่ยนโลก  จงเรียนรู้ที่จะรัก(ตัวเองให้มากขึ้นและ)ศัตรูของคุณ 6. อย่าบอกคนอื่นว่าต้องทำอะไร  ให้แรงบันดาลใจเขาด้วยการลงมือทำให้เขาเห็น 7. ก้าวแรกสู่ความร่ำรวยคือไปที่ที่มีเงินอยู่  ขั้นตอนที่สองคือการลืมเรื่องเงิน และโฟกัสไปที่การเป็น the best ในสิ่งที่คุณทำ  ขั้นตอนที่สามคือการสร้างคุณค่าให้กับคนอื่น 8. เมื่อตั้งเ

ทำไม ทัศนคติเหยื่อ ทำง่ายกว่า ทัศนคติผู้ชนะ

เพิ่มเติมจากบทความ  นักเล่นหุ้นที่มีทัศนคติ "เหยื่อ" กับ "ผู้ชนะ" แตกต่างกันยังไง? ทำอย่างไรจึงจะเป็นผู้ชนะ? ที่เขียนไว้ที่พันทิพครับ ทัศนคติเหยื่อมักจะดูทำง่ายกว่าเพราะมันเป็นการตอบสนองทางธรรมชาติที่ไม่ต้องใช้ความพยายามหรือการเผชิญหน้ากับความยากลำบาก ตรงข้ามกับทัศนคติผู้ชนะที่ต้องใช้ความพยายาม ความตั้งใจ และการเผชิญหน้ากับปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ เหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้ทัศนคติเหยื่อดูง่ายกว่ามีดังนี้: 1. การหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ: การมีทัศนคติเหยื่อหมายถึงการไม่ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต ซึ่งทำให้ง่ายกว่าเพราะไม่ต้องพยายามหาทางแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงอะไร 2. การหลีกเลี่ยงความเสี่ยง: การเผชิญหน้ากับปัญหาและการพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์หมายถึงการต้องเผชิญหน้ากับความเสี่ยงและความล้มเหลว ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากลัวและไม่สบายใจสำหรับหลาย ๆ คน 3. การได้รับความสนใจและความเห็นใจ: คนที่มีทัศนคติเหยื่อมักจะได้รับความสนใจและความเห็นใจจากผู้อื่น ซึ่งสามารถให้ความรู้สึกที่ดีในระยะสั้น ทำให้รู้สึกดีใจที่มีคนเข้าใจและสนับสนุน 4. การเลียนแบบพฤติกรรม: ถ้าคนรอบข้างมีทัศนค

ขยายความประเด็นทบต้น ไม่ทบต้น จากหนังสือคิดและเทรดอย่างแชมป์ หน้า 120

Image
 มีนักเรียนที่ลงคอร์ส Swing trade ถามประเด็นนี้ครับ ซึ่งเป็นคำถามที่ดีมาก ผมเลยเขียนบทความตอบไปดังนี้ คำถามคือเขาลงสัย "นัย" ของตารางนี้ครับ หน้า 120 ของหนังสือ คิดและเทรดอย่างแชมป์ มันหมายความแบบนี้ครับ : (ผมตีเป็นเงินบาทก็แล้วกันนะ) ๑) ช่องแรกที่ไม่ทบต้นนั้น เขาจะ fix position size ที่ 100,000 ทุกครั้ง หมายความว่า ครั้งที่เขาได้กำไร 50,000 แม้จะได้เงินรวมเป็น 150,000 แต่เขาจะกันเอากำไร 50,000 เก็บเข้ากระเป๋าไว้ไม่เอาไปลงเทรดด้วย เขาจะเทรดแค่ 100,000 เดียวเท่านั้น(เสมอ) วิธีนี้ทำให้เขามีกำไรติดกระเป๋าไว้เสมอ และ ควบคุมความเสี่ยงได้ดีกว่าครับ ๒) ข้อดีของแนวทางนี้คือ เมื่อเขาขาดทุน จะเสียเท่าที่ size ที่ลงไป เท่านั้น ครั้งที่สอง position size ที่ 100,000 เขาขาดทุนเสียไป 40,000 ก็จริง แต่เขาก็เหลือเงินสดออกมา 60,000 บาท เมื่อเอาไปรวมกับที่ติดกระเป๋าไว้ก่อนหน้านี้ 50,000 ก็จะมีเงินรวม 110,000 ซึ่งครั้งต่อไปเขาก็จะ ดึงเอาไปเทรดแค่ 100,000 เหมือนเดิม (มีเงินสดติดกระเป๋าไว้ 10,000) ๓) พอครั้งต่อไป ลงเงินเทรดแค่ 100,000 เขาได้ชนะกำไร 50% ก็จะได้เงินสดเข้ามาเพิ่มอีก 50,000 บาท เมื่อร

Mindset ของ นักเทรดตามเทรนด์ Trend following

ความกลัวสองเรื่อง ที่นักลงทุนและนักเทรดจำเป็นต้องเอาชนะ: 1.กลัวเสียเงิน 2.กลัวพลาด . 1. ไม่ใช่ทุกการเทรด/ลงทุนที่จะได้กำไร  - ทุกคนต้องเจอการขาดทุน ไม่เว้นแต่ ดรักเคนมิลเลอร์ บัฟเฟตต์ ทุกคนต้องเจอการขาดทุน ไม่มีใครได้กำไรทุกครั้ง  - เมื่อคุณเลี่ยงการขาดทุนไม่ได้ ก็ต้องกำหนดการยอมรับความเสี่ยงของคุณตั้งแต่แรก ผ่านการ Entry, Stop loss และ Position size  - หากคุณยอมรับความเสี่ยงที่จะขาดทุนจากการ Entry ด้วยใจ มันจะทำให้ง่ายต่อการถือผ่านความผันผวนปกติ การพักตัวของราคา ฯลฯ แม้แต่การเคลื่อนไหวของเทรนด์ใหญ่ก็ยังมีความผันผวนในระยะสั้นอยู่มาก . 2. คุณจะไม่สามารถมีหุ้นผู้ชนะทุกตัวได้แน่นอน  คุณจะไม่สามารถเข้าซื้อทุกตัวที่ Breakout ได้แน่นอน  เพื่อความร่ำรวย...คุณไม่จำเป็นต้องทำเงินให้ได้ตลอดเวลา  ขอแค่อยู่ข้างเดียวกับแนวโน้มหลักก็พอ  อย่าซื้อขายมากเกินไป และอย่าพยายามจับทุก ๆ การเคลื่อนไหวทุกวัน กรอบเวลาที่ใหญ่กว่ามักจะนำไปสู่ผู้ชนะที่กำไรก้อนโตกว่า  ** และบางครั้งเพื่อที่จะรักษาผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ คุณจะต้องยอมพลาดการเคลื่อนไหวของตัวอื่นๆ ไป

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

จิตวิทยา การวิเคราะห์และใช้งาน แท่งเทียน Doji

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่