การเทรดที่ประสบความสำเร็จ นั้น แค่ “ดีกว่าค่าเฉลี่ย” ก็ยังไม่พอ

Image
Alexander Elder กล่าวว่า การเป็นเพียงแค่ “ดีกว่าค่าเฉลี่ย” ยังไม่เพียงพอ คุณต้องโดดเด่นกว่าใครๆ เพื่อที่จะชนะในเกมที่มีผลรวมติดลบ (Being simply “better than average” is not good enough. You have to be head and shoulders above the crowd to win a minus-sum game.) eBook : คิดและสวิงเทรดเป็นระบบแบบพี่แดน (Dan Zanger) มีจำหน่ายที่แอพ Meb ที่เดียว https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTk5MjQzNSI7czo3OiJib29rX2lkIjtpOjM0NDM3MTt9 ในคำพูดนี้ Alexander Elder กำลังเน้นย้ำว่า ในโลกของการเทรด การเป็นเพียงแค่คนที่ "เก่งกว่าค่าเฉลี่ย" อาจไม่เพียงพอที่จะประสบความสำเร็จได้ เพราะการเทรดไม่ใช่เกมที่ทุกคนสามารถชนะพร้อมกันได้ มันคือเกมที่เรียกว่า เกมที่มีผลรวมติดลบ (minus-sum game) ซึ่งหมายความว่า ทรัพยากรที่หมุนเวียนอยู่ในตลาด เช่น กำไรและขาดทุน ถูกกระจายไปในกลุ่มผู้เล่น แต่เมื่อรวมต้นทุนการเทรด เช่น ค่าธรรมเนียม นายหน้า และค่าเสียโอกาสแล้ว จะทำให้โดยรวมตลาดมีผลขาดทุนสุทธิ "เกมที่มีผลรวมติดลบ" หมายถึงอะไร? การเทรดในตลาดไม่ได้มี...

(ตอบคำถาม) หัวใจหลักของการเทรด Odds, RR 1:2 vs 1:3, ทบต้นกำไรน้อย vs Big shot

 



Q: หัวใจหลักของการเทรด คือ กำไรทบต้นที่จะทวีคูณในระยะยาวใช่ไหมครับ ไม่ใช่การมัวแต่หากำไรมากๆ จากการเทรดแต่ละครั้ง

A: เอาทั้งสองอย่างดีกว่าครับ ถ้าได้แบบหลังก็สุดยอดเลย เราคุมตลาดไม่ได้ 

ถ้ามันร้าย-การอยู่รอดและกำไรน้อย คือสิ่งที่ควรทำ หากมันดี ก็ต้องกำไรมาก ๆ มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ ยืดหยุ่นตามตลาดดีกว่า ยึดหลักทฤษฎีนะ

Q: เคยเห็นนักเทรดที่ประสบความสำเร็จ ใช้ RR ส่วนใหญ่แค่ 1:2 แต่สามารถได้กำไร 17 เท่าใน 1 ปี จากการทบต้น และเมื่อดูสถิติได้กำไรรวมมากกว่า RR 1:3 อีก แถม win rate ยังแค่ 55% ซึ่งมากกว่าการทายหัวก้อยเพียงเล็กน้อย

A: ภาพระยะยาวนับสิบปี ค่าเฉลี่ยจะลงไปที่ 1:2 เสมอครับ // แต่ในภาพระยะสั้น ทุกคนจะพยายามทำให้ได้ 1:3 หรือกระทั่ง 1:5 ให้ได้ก่อนครับ เพราะเขาไม่รู้ว่าครั้งหน้าเขาออาจจะผิดพลาดติดต่อกัน Losing streak กี่รอบ จะ Drawdown หนักแค่ไหน จำไว้เสมอว่า คุณไม่สามารถควบคุมตลาดได้ ถ้าตลาดให้เงินเซียนจะบุกหนักมาก เพราะเป็นการการันตีกำไรเอาไปถัวเผื่อ Drawdown ด้วยครับ คุณคือ Growth stock ที่ไม่มีวันจบรอบ ไม่ใช่หุ้นปั่น

Q: การได้กำไรจาก RR มากๆในการเทรด เหมือนโบนัสจากการทำงานของนักเทรดที่ชำนาญเท่านั้น แต่ถ้าจะมุ่งหากำไรมากๆในการเทรดแต่ละครั้ง มันเป็น mindset ที่ไม่ถูกต้อง

A: ใช่ครับ กำไรโต = โบน้ส แต่การมุ่งหากำไรโตไม่ใช่ Mindset ที่ผิดครับ ถ้าคุณมีการบริหารความเสี่ยงที่รัดกุมทุกครั้ง (Trend Following คือสไตล์ที่คาดหวังกำไรโตมหาศาล Market Wizards เกือบครึ่งมีสไตล์นี้) ในเมื่อ ผลการเทรดมีโชคเข้ามาเกี่ยวข้องครึ่งหนึ่งเสมอ (อ่าน Black Swan, Random Walk ของ Taleb กับ Psychology of Money) ถ้าโชคไม่เข้าข้างต้องรอด หากโชคเข้าข้างต้องเอาให้เยอะครับ

Q: การเทรดในช่วงแรก จะเป็นไปได้ช้า เพราะ ต้องใช้เวลาในการเพิ่มทุน แต่พอทุนมากขึ้นแล้ว จะยิ่งได้กำไรมากขึ้นๆไปอีกจากการทบต้น

A: ความเชื่องช้าในช่วงแรก มักจะมาจากการลองผิดลองถูกเพื่อสร้างระบบที่ลงตัวสำหรับการทำเงิน คุณต้องเอาตัวรอดให้ได้ก่อน สะสมทักษะ ประสบการณ์ให้ได้ก่อน ไม่มีใครเข้ามาแล้วนับหนึ่งได้ทันที คุณต้องปรับตัวให้เข้ากับตลาด หาสไตล์ ระบบที่สอดคล้องกับความเชื่อ จริตของคุณ (ถ้าไม่สอดคล้องก็จะหมดตัวหมดไฟหมดใจไปก่อน) มีไม่น้อยที่ต้องใช้เวลาในการฟื้นจาก Drawdown หลายปี // เมื่อตั้งหลักได้แล้ว การทบต้นจึงเริ่มขึ้น ซึ่งต้องใช้เวลา-ถ้าคุณมีทุนน้อย แต่ถ้าทุกอย่าลงตัว คุณมีเงินก้อนโต-การทบต้นก็จะมี impact มากกว่าครับ

Q: การเทรดไม่ใช่งานที่จะต้องรีบทำกำไรเกินตัว เพราะ จะทำให้เรา over trade และ ใช้ risk มากเกิน ทุนที่ตัวเองมี จนเจ๊ง

A: ถูกต้องครับ

Q: การโฟกัสกับการคุมความเสี่ยง จึงสำคัญที่สุด เพื่อที่จะสามารถยืนระยะ จนเกิดพลังการทบต้นได้ในระยะยาว

A: ถูกต้องครับ


7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

Marios Stamatoudis สวิงเทรดปั้นพอร์ตโต 291.2% ในปีเดียว เขาทำได้อย่างไร?

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

Oliver Kell: วงจรของการเคลื่อนไหวของราคา (Cycle of Price Action)