Setup เงินล้านของ Kristjan Kullamägi

Image
บทความนี้แปลบางส่วนจาก  https://qullamaggie.com/my-3-timeless-setups-that-have-made-me-tens-of-millions/ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผมทำเงินได้หลายสิบล้านจากการเทรดโดยใช้เพียง 3 กลยุทธ์(Setups)ง่ายๆ ที่คลาสสิกและไร้กาลเวลา กลยุทธ์เหล่านี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ว่าจะเป็นปีที่แล้ว 10 ปีก่อน 50 ปีก่อน หรือแม้กระทั่ง 100 ปีก่อน พวกมันเกิดขึ้นซ้ำๆ เสมอ ไม่ว่าจะในตลาดหุ้นญี่ปุ่น สวีเดน หรืออินเดีย และสำหรับตลาดหุ้นสหรัฐฯ นั้น ถือว่าเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด และมีความท้าทายที่สุด จึงเป็นสนามล่าที่ดีที่สุด หากคุณมีกลยุทธ์ที่มีข้อได้เปรียบ(Edge) 3 Setups ที่ว่านี้คือ 1. Breakouts (if you want to learn this setup this is a mandatory video: https://www.youtube.com/watch?v=xx8GvtAxilk&feature=youtu.be&t=1 Note: that’s one of my moderator Youtube channel, not mine) 2. The Episodic Pivot (EP) 3. The Parabolic short (or long) (ปล. ในที่นี้ผมจะนำเสนอแค่ 2 Setup แรกเท่านั้นนะ) Risk management ก่อนที่เราจะลงลึกในเรื่องของจุดซื้อ จุดขายทำกำไร การจัดการขนาดสถานะการลงทุน (Position Sizing) และการตัดส

ถ้าคุณเล่นหุ้นเหมือนการทำธุรกิจ-ก็จะได้เงินเหมือนทำธุรกิจ ถ้าคุณเล่นหุ้นเหมือนงานอดิเรก-ก็มีโอกาสขาดทุนซ้ำซาก

นี่คือซีรี่ส์ "Minervini Wisdom" ที่เป็นการเอาคำพูดของพี่มาร์คมาขยายความให้นักเทรดมือใหม่ได้เข้าใจไอเดียได้มากขึ้นนะครับ ซึ่งมีถึง 50++ บทความ ถ้าคุณสนใจอยากอ่านทั้งหมด เข้าไปดูตามลิงค์นี้นะครับ https://www.zyo71.com/search/label/Minervini%20Wisdom

คำพูด "ถ้าคุณเทรดเหมือนการทำธุรกิจ คุณก็จะได้เงินเหมือนทำธุรกิจ ถ้าคุณเทรดเหมือนงานอดิเรก คุณก็ได้เงินเหมือนงานอดิเรก แต่งานอดิเรกไม่ได้เงินหรอก เพราะคุณจ่ายออกมากกว่า" เป็นคำพูดของพี่มาร์ค มิเนอร์วินี ที่อยู่ในหนังสือ "เทรดอย่างพ่อมดตลาดหุ้น" ครับ

แนะนำเลยครับเล่มนี้ เหมาะมากสำหรับนักเล่นหุ้นมือใหม่ ที่ขาดทุนซ้ำซาก แล้วรู้สึกว่า "ฉันไม่ไหวแล้ว...ฉันอยากดีกว่านี้" 

เล่มนี้เหมาะมาก เพราะเขียนโดยนักเทรดที่เริ่มต้น 6 ปีแรกนั้นหมดตัวไป 2 ครั้ง แต่เขาไม่ยอมแพ้ เขาเรียนรู้วิธีที่จะกลับไปเป็นผู้ชนะ และก็พบวิธีนั้น ซึ่งทำให้เขาร่ำรวยมหาศาลจากการเทรด (ในเล่มบอกหมดครับว่าเขาทำยังไง) ถ้าคุณได้อ่านเล่มนี้ คุณจะได้ทั้งแรงบันดาลใจ กำลังใจ และวิธีการ ซึ่งมีเนื้อหาสาระครอบคลุมทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับมือใหม่ผู้ตั้งใจจะเอาดี+จะร่ำรวยจากการเทรด(เล่นหุ้น)ให้ได้ครับ แนวทางที่เขาใช้มันเวิร์คสำหรับตลาดหุ้นบ้านเรา - ถ้าเข้าใจและใช้เป็น (ถ้าไม่เข้าใจ ก็ติดตามงานผมได้ ที่เพจ Zyo Books นะครับ)

กลับมาเข้าประเด็นครับ

"ถ้าคุณเทรดเหมือนการทำธุรกิจ คุณก็จะได้เงินเหมือนทำธุรกิจ ถ้าคุณเทรดเหมือนงานอดิเรก คุณก็ได้เงินเหมือนงานอดิเรก แต่งานอดิเรกไม่ได้เงินหรอก เพราะคุณจ่ายออกมากกว่า" เป็นการเปรียบเทียบระหว่างการเทรด (หรือลงทุนในตลาดทุน) กับการทำธุรกิจและงานอดิเรก ครับ

มันมีความต่างดังนี้ครับ:

**** ต้องออกตัวก่อนนะครับ  ว่าไม่ใช่เรื่องผิดนะครับ ที่คุณจะเข้ามาเล่นหุ้นแบบงานอดิเรก

เพราะมันเป็นเงินของคุณเอง มันเป็นความสะดวกสบายใจของคุณเอง

ที่ผมเขียนบทความนี้ขึ้นมาก็เพราะอยากจะให้แนวทางสำหรับคนที่ "ทนไม่ไหวจากการขาดทุนซ้ำซาก + อยากจะเทรดได้กำไรสม่ำเสมอ + อยากมีความสุขจากการเล่นหุ้นกว่านี้ + อยากมีกลยุทธ์การเทรดที่ได้กำไรสม่ำเสมอ + อยากได้แนวคิดผู้ชนะว่าเขาทำยังไง + อยากจะเป็นผู้ชนะในเกมนี้ให้ได้ ฯลฯ" ได้ไอเดียไปทำความเข้าใจและหาข้อมูลต่อนะครับ

การเทรด(เล่นหุ้น)เหมือนการธุรกิจ:

- **การมองเทรดเป็นธุรกิจ**: เทรดหุ้นถือเป็นการดำเนินกิจกรรมทางการเงินที่มีวัตถุประสงค์หลักในการทำกำไร

- **การวางแผนและการดำเนินงาน**: เหมือนกับการทำธุรกิจที่ต้องมีการวางแผน การวิเคราะห์ และการดำเนินงานเพื่อให้ได้กำไร

- **การคาดการณ์และการควบคุมความเสี่ยง**: คล้ายกับการทำธุรกิจที่ต้องมีการประเมินและการควบคุมความเสี่ยงเพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร

**10 ลักษณะของการเล่นหุ้นแบบทำธุรกิจ

การเล่นหุ้นแบบทำธุรกิจมีลักษณะที่เน้นการดำเนินกิจกรรมในตลาดทุนเพื่อทำกำไรอย่างมีเหตุผลและยั่งยืน 

นี่คือ 10 ลักษณะของการเล่นหุ้นแบบทำธุรกิจ:

1. **การวางแผนและการวิเคราะห์อย่างรอบคอบ**: นักลงทุนทำการวิเคราะห์หุ้นอย่างละเอียดก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน ซึ่งรวมถึงการศึกษาข้อมูลทางการเงินและประวัติศาสตร์ของบริษัท

2. **การเลือกหุ้นที่มีความน่าสนใจ**: การเล่นหุ้นแบบทำธุรกิจมักจะเน้นการเลือกหุ้นที่มีศักยภาพในการเติบโตและมีความน่าสนใจตามโอกาสธุรกิจ

3. **การรับผลตอบแทนในระยะยาว**: นักลงทุนมุ่งหวังในการรับผลตอบแทนทางการเงินในระยะยาวจากการลงทุนในหุ้น

4. **การควบคุมความเสี่ยง**: การคำนึงถึงความเสี่ยงและการใช้เครื่องมือการบริหารจัดการความเสี่ยง เช่น การตั้ง Stop Loss เพื่อป้องกันการขาดทุน

5. **การรับรู้และการใช้ข้อมูลตลาด**: การรับรู้ข้อมูลตลาดและการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมเพื่อใช้ในการตัดสินใจการลงทุน

6. **การทำการศึกษาเพื่อเรียนรู้**: การเรียนรู้เกี่ยวกับการลงทุนในหุ้นและการทำธุรกิจในตลาดทุนเพื่อเพิ่มความรู้และทักษะ

7. **การสร้างพอร์ตโฟลิโอหลากหลาย**: การกระจายการลงทุนในหลายบริษัทและสายงานเพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร

8. **การมองเห็นโอกาสในตลาด**: การระบุและนำเสนอโอกาสในตลาดทุน รวมถึงการตระหนักถึงโอกาสที่มาพร้อมกับความเสี่ยง

9. **การมีแผนธุรกิจยาวระยะ**: การสร้างแผนการลงทุนที่เน้นความยาวระยะ และการปรับแผนตามเปลี่ยนแปลงของตลาดและสภาพเศรษฐกิจ

10. **การมีความต่อเนื่องและมุ่งมั่น**: การมีความมุ่งมั่นและมุ่งหวังที่จะพัฒนาพอร์ตโฟลิโอการลงทุนในระยะยาวโดยการทำธุรกิจในตลาดทุน

การเทรด(เล่นหุ้น)เหมือนงานอดิเรก:

- **การมองเทรดเป็นงานอดิเรก**: บางครั้งนักลงทุนทำเทรดหุ้นเป็นงานอดิเรก หรือกิจกรรมที่ทำเพื่อความสนุกสนานหรือใช้เวลาว่าง

- **ขาดการวางแผนและวิเคราะห์**: คนบางคนอาจจะไม่ทำการวางแผนหรือวิเคราะห์อย่างรอบคอบก่อนที่จะเริ่มเทรด ทำให้มีโอกาสเสี่ยงขาดทุนมากขึ้น

- **การมีการตัดสินใจแบบจิตใจหรืออารมณ์**: บางครั้งนักลงทุนอาจตัดสินใจซื้อหรือขายโดยใช้อารมณ์หรืออิทธิพลจากสถานการณ์ ไม่สามารถคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำ

10 ลักษณะของการเล่นหุ้นแบบงานอดิเรก

แนวคิดในการเล่นหุ้นแบบงานอดิเรกมีลักษณะที่แตกต่างจากการเทรดหุ้นเป็นธุรกิจ 

โดยมักจะเน้นความสนุกสนานและความตื่นเต้นมากกว่าการทำกำไรเป็นหลัก 

นี่คือ 10 ลักษณะของการเล่นหุ้นแบบงานอดิเรก:

1. **ขาดการวางแผน**: นักลงทุนอาจไม่จำเป็นต้องทำการวิเคราะห์หุ้นหรือวางแผนการเทรดล่วงหน้าอย่างรอบคอบ มักจะซื้อหุ้นโดยใช้อารมณ์หรือสมมติฐาน

2. **พูดถึงหุ้นอย่างไม่เป็นระเบียบ**: การสนทนาเกี่ยวกับหุ้นอาจเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ทางการเงินหรือข้อมูลข่าวสาร

3. **เล่นด้วยเงินที่สามารถขาดเสียได้**: การลงทุนเพื่อความสนุกสนานและความตื่นเต้นอาจทำให้นักลงทุนใช้เงินที่ไม่สำคัญมากกว่า

4. **ไม่ใช้กฎเกณฑ์หรือกลยุทธ์ที่ชัดเจน**: การเล่นหุ้นอาจไม่มีกฎเกณฑ์หรือกลยุทธ์การเทรดที่ชัดเจน เป็นไปตามอารมณ์หรือสมมติฐาน

5. **มีการลงทุนในหุ้นที่เป็นที่รู้จักเท่านั้น**: การเล่นหุ้นอาจจำกัดอยู่เฉพาะการลงทุนในหุ้นที่เคยได้ยินชื่อเท่านั้น โดยไม่คำนึงถึงการวิเคราะห์หรือการศึกษาเพิ่มเติม

6. **มีการรับผลตอบแทนที่ไม่แน่นอน**: การเล่นหุ้นแบบงานอดิเรกมักมีการรับผลตอบแทนที่ไม่แน่นอนและมีความเสี่ยงสูง

7. **การตัดสินใจโดยใช้อารมณ์**: การตัดสินใจในการเลือกซื้อหุ้นอาจส่งผลมาจากอารมณ์หรือความตื่นเต้นต่อสถานการณ์

8. **ไม่มีการตั้ง Stop Loss**: นักลงทุนอาจไม่ใช้การตั้ง Stop Loss เพื่อป้องกันการขาดทุน ซึ่งเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการจัดการความเสี่ยง

9. **ความเชื่อในโชคชะตา**: การเล่นหุ้นแบบงานอดิเรกอาจมีความเชื่อในโชคชะตาหรือการสวมโชคชะตามากขึ้น

10. **ไม่มีการเรียนรู้และพัฒนาทักษะ**: นักลงทุนอาจไม่มีการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเทรดหุ้นหรือการวิเคราะห์ทางการเงิน เน้นการสนุกสนานมากกว่าการพัฒนาทักษะการเทรด

การเล่นหุ้นแบบงานอดิเรกมักจะเน้นความสนุกสนานและความตื่นเต้น แต่มักมีความเสี่ยงสูงและมีโอกาสขาดทุนมากขึ้น การเล่นหุ้นแบบนี้ไม่เหมาะสมสำหรับการลงทุนที่มุ่งหวังในผลตอบแทนทางการเงินในระยะยาว

แตกต่างระหว่างการทำธุรกิจและงานอดิเรก:

- **การทำธุรกิจ** มักจะมีเป้าหมายในการทำกำไรและเติบโตในระยะยาว และมักจะมีการวางแผนและการจัดการอย่างรอบคอบ

- **งานอดิเรก** อาจไม่มีเป้าหมายทางการเงินหรือเป้าหมายในการเติบโต และมักจะเน้นความสนุกสนานและความพอเพียงในเวลาว่าง

### สรุป:

การเทรดหุ้นเป็นกิจกรรมทางการเงินที่มีลักษณะเฉพาะตน เราสามารถมองได้เหมือนการทำธุรกิจหรืองานอดิเรก การมีการวางแผน การคาดการณ์และการควบคุมความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เรามีโอกาสในการทำกำไรอย่างมีประสิทธิภาพครับ

***แนะนำแหล่งความรู้ฟรี ๆ สำหรับมือใหม่

*** คลังความรู้การเทรดออนไลน์ ชมฟรี 1000++ คลิป เหมาะสำหรับนักเล่นหุ้นมือใหม่มากที่สุดครับ

https://www.zyo71.com/p/index-of-zyo.html

*** (อ่านฟรี!) คลังความรู้เรียนเทรดหุ้น 600 ++ บทความ

https://www.zyo71.com/p/index.html

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

จิตวิทยา การวิเคราะห์และใช้งาน แท่งเทียน Doji

Setup เงินล้านของ Kristjan Kullamägi

แชร์วิธีการหารายได้จากการช่วยขาย ebook ที่ mebmarket.com