Mindset การทนรวยขั้นเทพให้ได้กำไรหลายเด้งของ ของ Marios Stamatoudis

Image
จาก  https://x.com/stamatoudism/status/1869037676424208885 สำหรับนักเทรดมือใหม่ คำถามนี้ถามถึงกระบวนการคิดและจิตวิทยาของ Marios Stamatoudis ในการถือหุ้น QUBT เป็นเวลานาน และเปรียบเทียบกับการถือหุ้น LUNR ที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ โดยคำตอบของเขาได้แสดงถึงแนวคิดที่น่าสนใจเกี่ยวกับการจัดการอารมณ์และการวางกลยุทธ์ในตลาดหุ้น สนับสนุนโดย อีบุ๊ค "เคล็ดลึก สวิงเทรด ให้ได้กำไรสม่ำเสมอ"   https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTk5MjQzNSI7czo3OiJib29rX2lkIjtpOjMzNjYyMjt9 Marios Stamatoudis อธิบายว่า: 1. ไม่ตามติดทุกการเคลื่อนไหวเล็กน้อยของหุ้น     - เขาเลือกที่จะไม่ตรวจสอบแท่งเทียนทุกแท่งหลังจากเข้าซื้อหุ้น เพราะการเฝ้าดูใกล้ชิดเกินไปอาจทำให้เกิดความกังวลและอารมณ์ที่ไม่จำเป็น    - เขายอมรับว่าเขาไม่มีความสามารถที่จะคาดเดาศักยภาพของหุ้นได้ทั้งหมด ดังนั้นการเข้าไปแทรกแซงจึงเพิ่มแรงกดดันและอารมณ์ที่ไม่ดีต่อผลลัพธ์ 2. การยอมรับในความสุ่มของตลาด      - เขาเปลี่ยนมุมมองโดยยอมรับว่าตลาดมีคว...

จะรู้ได้ไงว่าหุ้นจะขึ้นหรือลง?

 


การทำนายการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและไม่มีวิธีใดที่สามารถรับประกันได้ว่าหุ้นจะขึ้นหรือลง อย่างไรก็ตาม มีหลายวิธีที่นักลงทุนใช้ในการวิเคราะห์เพื่อคาดการณ์แนวโน้มของราคาหุ้น:



1. การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis)

การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นการศึกษาข้อมูลราคาหุ้นและปริมาณการซื้อขายในอดีตเพื่อตัดสินใจว่าราคาหุ้นจะเคลื่อนไหวอย่างไรในอนาคต โดยใช้เครื่องมือและชาร์ตต่าง ๆ เช่น:

- เส้นแนวโน้ม (Trend Lines): การวาดเส้นแนวโน้มขึ้นและลงเพื่อหาทิศทางของตลาด

- เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages): การใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เพื่อหาทิศทางและแนวโน้ม

- รูปแบบชาร์ต (Chart Patterns): การวิเคราะห์รูปแบบต่าง ๆ บนชาร์ต เช่น หัวและไหล่ (Head and Shoulders), ถ้วยและหู (Cup and Handle)

- ตัวบ่งชี้ (Indicators): การใช้ตัวบ่งชี้ต่าง ๆ เช่น RSI (Relative Strength Index), MACD (Moving Average Convergence Divergence)


2. การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis)

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานใช้ข้อมูลทางการเงินและปัจจัยอื่น ๆ เพื่อประเมินมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นและคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคา:

- งบการเงิน: การวิเคราะห์งบการเงินของบริษัท เช่น งบกำไรขาดทุน งบดุล และกระแสเงินสด

- อัตราส่วนทางการเงิน: การคำนวณอัตราส่วนต่าง ๆ เช่น P/E Ratio, P/B Ratio, ROE, ROA

- ปัจจัยเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม: การพิจารณาปัจจัยเศรษฐกิจและการวิเคราะห์อุตสาหกรรมที่บริษัทนั้นอยู่

- ข่าวสารและประกาศ: การติดตามข่าวสารเกี่ยวกับบริษัท เช่น การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ การประกาศผลประกอบการ


3. การวิเคราะห์เชิงปริมาณ (Quantitative Analysis)

การใช้โมเดลทางคณิตศาสตร์และสถิติในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาหุ้น ซึ่งรวมถึง:

- การสร้างแบบจำลองทางสถิติ: การใช้วิธีการเชิงสถิติ เช่น การถดถอยเชิงเส้น (Linear Regression) การวิเคราะห์ความแปรปรวน (ANOVA)

- การใช้วิธีการเชิงปริมาณในเชิงการเงิน: เช่น การใช้ Value at Risk (VaR) หรือการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างหุ้น


4. การติดตามข่าวสารและเหตุการณ์ที่มีผลต่อหุ้น

- ข่าวเศรษฐกิจ: ข่าวเกี่ยวกับนโยบายการเงินของธนาคารกลาง การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย

- ข่าวบริษัท: ประกาศผลประกอบการ การเปลี่ยนแปลงในคณะผู้บริหาร การควบรวมกิจการ

- เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด: การเกิดภัยพิบัติ การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง


5. การใช้ความรู้และประสบการณ์

นักลงทุนที่มีประสบการณ์มากจะสามารถใช้ประสบการณ์ที่ผ่านมาในการคาดการณ์แนวโน้มของตลาด การเรียนรู้จากความสำเร็จและความล้มเหลวในการลงทุนจะช่วยในการตัดสินใจที่ดีขึ้น


การคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน แต่วิธีการและเครื่องมือต่าง ๆ ที่กล่าวมาจะช่วยให้นักลงทุนมีข้อมูลและพื้นฐานในการตัดสินใจลงทุนที่ดีขึ้น


7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

แชร์วิธีการหารายได้จากการช่วยขาย ebook ที่ mebmarket.com

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ