Setup เงินล้านของ Kristjan Kullamägi

Image
บทความนี้แปลบางส่วนจาก  https://qullamaggie.com/my-3-timeless-setups-that-have-made-me-tens-of-millions/ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผมทำเงินได้หลายสิบล้านจากการเทรดโดยใช้เพียง 3 กลยุทธ์(Setups)ง่ายๆ ที่คลาสสิกและไร้กาลเวลา กลยุทธ์เหล่านี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ว่าจะเป็นปีที่แล้ว 10 ปีก่อน 50 ปีก่อน หรือแม้กระทั่ง 100 ปีก่อน พวกมันเกิดขึ้นซ้ำๆ เสมอ ไม่ว่าจะในตลาดหุ้นญี่ปุ่น สวีเดน หรืออินเดีย และสำหรับตลาดหุ้นสหรัฐฯ นั้น ถือว่าเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด และมีความท้าทายที่สุด จึงเป็นสนามล่าที่ดีที่สุด หากคุณมีกลยุทธ์ที่มีข้อได้เปรียบ(Edge) 3 Setups ที่ว่านี้คือ 1. Breakouts (if you want to learn this setup this is a mandatory video: https://www.youtube.com/watch?v=xx8GvtAxilk&feature=youtu.be&t=1 Note: that’s one of my moderator Youtube channel, not mine) 2. The Episodic Pivot (EP) 3. The Parabolic short (or long) (ปล. ในที่นี้ผมจะนำเสนอแค่ 2 Setup แรกเท่านั้นนะ) Risk management ก่อนที่เราจะลงลึกในเรื่องของจุดซื้อ จุดขายทำกำไร การจัดการขนาดสถานะการลงทุน (Position Sizing) และการตัดส

จะรู้ได้ไงว่าหุ้นจะขึ้นหรือลง?

 


การทำนายการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและไม่มีวิธีใดที่สามารถรับประกันได้ว่าหุ้นจะขึ้นหรือลง อย่างไรก็ตาม มีหลายวิธีที่นักลงทุนใช้ในการวิเคราะห์เพื่อคาดการณ์แนวโน้มของราคาหุ้น:



1. การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis)

การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นการศึกษาข้อมูลราคาหุ้นและปริมาณการซื้อขายในอดีตเพื่อตัดสินใจว่าราคาหุ้นจะเคลื่อนไหวอย่างไรในอนาคต โดยใช้เครื่องมือและชาร์ตต่าง ๆ เช่น:

- เส้นแนวโน้ม (Trend Lines): การวาดเส้นแนวโน้มขึ้นและลงเพื่อหาทิศทางของตลาด

- เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages): การใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เพื่อหาทิศทางและแนวโน้ม

- รูปแบบชาร์ต (Chart Patterns): การวิเคราะห์รูปแบบต่าง ๆ บนชาร์ต เช่น หัวและไหล่ (Head and Shoulders), ถ้วยและหู (Cup and Handle)

- ตัวบ่งชี้ (Indicators): การใช้ตัวบ่งชี้ต่าง ๆ เช่น RSI (Relative Strength Index), MACD (Moving Average Convergence Divergence)


2. การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis)

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานใช้ข้อมูลทางการเงินและปัจจัยอื่น ๆ เพื่อประเมินมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นและคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคา:

- งบการเงิน: การวิเคราะห์งบการเงินของบริษัท เช่น งบกำไรขาดทุน งบดุล และกระแสเงินสด

- อัตราส่วนทางการเงิน: การคำนวณอัตราส่วนต่าง ๆ เช่น P/E Ratio, P/B Ratio, ROE, ROA

- ปัจจัยเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม: การพิจารณาปัจจัยเศรษฐกิจและการวิเคราะห์อุตสาหกรรมที่บริษัทนั้นอยู่

- ข่าวสารและประกาศ: การติดตามข่าวสารเกี่ยวกับบริษัท เช่น การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ การประกาศผลประกอบการ


3. การวิเคราะห์เชิงปริมาณ (Quantitative Analysis)

การใช้โมเดลทางคณิตศาสตร์และสถิติในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาหุ้น ซึ่งรวมถึง:

- การสร้างแบบจำลองทางสถิติ: การใช้วิธีการเชิงสถิติ เช่น การถดถอยเชิงเส้น (Linear Regression) การวิเคราะห์ความแปรปรวน (ANOVA)

- การใช้วิธีการเชิงปริมาณในเชิงการเงิน: เช่น การใช้ Value at Risk (VaR) หรือการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างหุ้น


4. การติดตามข่าวสารและเหตุการณ์ที่มีผลต่อหุ้น

- ข่าวเศรษฐกิจ: ข่าวเกี่ยวกับนโยบายการเงินของธนาคารกลาง การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย

- ข่าวบริษัท: ประกาศผลประกอบการ การเปลี่ยนแปลงในคณะผู้บริหาร การควบรวมกิจการ

- เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด: การเกิดภัยพิบัติ การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง


5. การใช้ความรู้และประสบการณ์

นักลงทุนที่มีประสบการณ์มากจะสามารถใช้ประสบการณ์ที่ผ่านมาในการคาดการณ์แนวโน้มของตลาด การเรียนรู้จากความสำเร็จและความล้มเหลวในการลงทุนจะช่วยในการตัดสินใจที่ดีขึ้น


การคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน แต่วิธีการและเครื่องมือต่าง ๆ ที่กล่าวมาจะช่วยให้นักลงทุนมีข้อมูลและพื้นฐานในการตัดสินใจลงทุนที่ดีขึ้น


7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

จิตวิทยา การวิเคราะห์และใช้งาน แท่งเทียน Doji

Setup เงินล้านของ Kristjan Kullamägi

แชร์วิธีการหารายได้จากการช่วยขาย ebook ที่ mebmarket.com