เส้นทางการเทรดและวิธีเทรดปั้นพอร์ต 100% ++ ของ Leoš Mikulka

Image
Leoš Mikulka กับการบริหารความเสี่ยงอย่างเป็นรูปธรรมและการจดบันทึกการเทรด   การแสวงหาการวัดผลเป็นตัวเลข: วิธีบริหารอารมณ์ขณะเทรด แปลจาก https://tradingresourcehub.substack.com/p/leos-mikulka-practical-risk-management-journaling อินโทรเวิร์ท เทรดเดอร์: สร้างเงินล้านด้วยธุรกิจตัวคนเดียว https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTk5MjQzNSI7czo3OiJib29rX2lkIjtpOjM1NjkwMjt9 PART 1: เส้นทางการเทรดของฉัน    ตลอดอาชีพการเทรดของฉัน ฉันได้ผ่านช่วงเวลาหวือหวาขึ้นลงมากมาย (ช่วง ‘รุ่งเรืองและล่มสลาย’ – Boom and Bust)   ฉันเกือบล้างพอร์ตครั้งแรกในปีที่สามของการเทรด   หลังจากทำกำไรได้ 40–50% ในปีที่สอง ฉันก็ตกหลุมพรางยอดฮิตของนักเทรดมือใหม่ที่ได้แรงหนุนจากตลาดที่ดี แม้ว่าจะตัดสินใจผิดพลาดก็ตาม:   ฉายภาพกำไรเหล่านั้นไปสู่จินตนาการว่าอีกไม่กี่ปีจะกลายเป็นมหาเศรษฐี   โดยไม่มีความเข้าใจที่แท้จริงเกี่ยวกับ การบริหารความเสี่ยง (Risk Management) หรือ การกำหนดขนาดสถานะ (Position Sizing) ฉันจึงไม่พ...

จะรู้ได้ไงว่าหุ้นจะขึ้นหรือลง?

 


การทำนายการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและไม่มีวิธีใดที่สามารถรับประกันได้ว่าหุ้นจะขึ้นหรือลง อย่างไรก็ตาม มีหลายวิธีที่นักลงทุนใช้ในการวิเคราะห์เพื่อคาดการณ์แนวโน้มของราคาหุ้น:



1. การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis)

การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นการศึกษาข้อมูลราคาหุ้นและปริมาณการซื้อขายในอดีตเพื่อตัดสินใจว่าราคาหุ้นจะเคลื่อนไหวอย่างไรในอนาคต โดยใช้เครื่องมือและชาร์ตต่าง ๆ เช่น:

- เส้นแนวโน้ม (Trend Lines): การวาดเส้นแนวโน้มขึ้นและลงเพื่อหาทิศทางของตลาด

- เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages): การใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เพื่อหาทิศทางและแนวโน้ม

- รูปแบบชาร์ต (Chart Patterns): การวิเคราะห์รูปแบบต่าง ๆ บนชาร์ต เช่น หัวและไหล่ (Head and Shoulders), ถ้วยและหู (Cup and Handle)

- ตัวบ่งชี้ (Indicators): การใช้ตัวบ่งชี้ต่าง ๆ เช่น RSI (Relative Strength Index), MACD (Moving Average Convergence Divergence)


2. การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis)

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานใช้ข้อมูลทางการเงินและปัจจัยอื่น ๆ เพื่อประเมินมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นและคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคา:

- งบการเงิน: การวิเคราะห์งบการเงินของบริษัท เช่น งบกำไรขาดทุน งบดุล และกระแสเงินสด

- อัตราส่วนทางการเงิน: การคำนวณอัตราส่วนต่าง ๆ เช่น P/E Ratio, P/B Ratio, ROE, ROA

- ปัจจัยเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม: การพิจารณาปัจจัยเศรษฐกิจและการวิเคราะห์อุตสาหกรรมที่บริษัทนั้นอยู่

- ข่าวสารและประกาศ: การติดตามข่าวสารเกี่ยวกับบริษัท เช่น การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ การประกาศผลประกอบการ


3. การวิเคราะห์เชิงปริมาณ (Quantitative Analysis)

การใช้โมเดลทางคณิตศาสตร์และสถิติในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาหุ้น ซึ่งรวมถึง:

- การสร้างแบบจำลองทางสถิติ: การใช้วิธีการเชิงสถิติ เช่น การถดถอยเชิงเส้น (Linear Regression) การวิเคราะห์ความแปรปรวน (ANOVA)

- การใช้วิธีการเชิงปริมาณในเชิงการเงิน: เช่น การใช้ Value at Risk (VaR) หรือการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างหุ้น


4. การติดตามข่าวสารและเหตุการณ์ที่มีผลต่อหุ้น

- ข่าวเศรษฐกิจ: ข่าวเกี่ยวกับนโยบายการเงินของธนาคารกลาง การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย

- ข่าวบริษัท: ประกาศผลประกอบการ การเปลี่ยนแปลงในคณะผู้บริหาร การควบรวมกิจการ

- เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด: การเกิดภัยพิบัติ การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง


5. การใช้ความรู้และประสบการณ์

นักลงทุนที่มีประสบการณ์มากจะสามารถใช้ประสบการณ์ที่ผ่านมาในการคาดการณ์แนวโน้มของตลาด การเรียนรู้จากความสำเร็จและความล้มเหลวในการลงทุนจะช่วยในการตัดสินใจที่ดีขึ้น


การคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน แต่วิธีการและเครื่องมือต่าง ๆ ที่กล่าวมาจะช่วยให้นักลงทุนมีข้อมูลและพื้นฐานในการตัดสินใจลงทุนที่ดีขึ้น


7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

เส้นทางการเทรดและวิธีเทรดปั้นพอร์ต 100% ++ ของ Leoš Mikulka

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

Oliver Kell: วงจรของการเคลื่อนไหวของราคา (Cycle of Price Action)

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

VCP หรือ Volatility Contraction Pattern

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่