การเทรดที่ประสบความสำเร็จ นั้น แค่ “ดีกว่าค่าเฉลี่ย” ก็ยังไม่พอ

Image
Alexander Elder กล่าวว่า การเป็นเพียงแค่ “ดีกว่าค่าเฉลี่ย” ยังไม่เพียงพอ คุณต้องโดดเด่นกว่าใครๆ เพื่อที่จะชนะในเกมที่มีผลรวมติดลบ (Being simply “better than average” is not good enough. You have to be head and shoulders above the crowd to win a minus-sum game.) eBook : คิดและสวิงเทรดเป็นระบบแบบพี่แดน (Dan Zanger) มีจำหน่ายที่แอพ Meb ที่เดียว https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTk5MjQzNSI7czo3OiJib29rX2lkIjtpOjM0NDM3MTt9 ในคำพูดนี้ Alexander Elder กำลังเน้นย้ำว่า ในโลกของการเทรด การเป็นเพียงแค่คนที่ "เก่งกว่าค่าเฉลี่ย" อาจไม่เพียงพอที่จะประสบความสำเร็จได้ เพราะการเทรดไม่ใช่เกมที่ทุกคนสามารถชนะพร้อมกันได้ มันคือเกมที่เรียกว่า เกมที่มีผลรวมติดลบ (minus-sum game) ซึ่งหมายความว่า ทรัพยากรที่หมุนเวียนอยู่ในตลาด เช่น กำไรและขาดทุน ถูกกระจายไปในกลุ่มผู้เล่น แต่เมื่อรวมต้นทุนการเทรด เช่น ค่าธรรมเนียม นายหน้า และค่าเสียโอกาสแล้ว จะทำให้โดยรวมตลาดมีผลขาดทุนสุทธิ "เกมที่มีผลรวมติดลบ" หมายถึงอะไร? การเทรดในตลาดไม่ได้มี...

ศัตรูตัวใหญ่ที่สุด 3 ประการของเทรดเดอร์ผู้ทะเยอทะยาน

 

ศัตรูตัวใหญ่ที่สุด 3 ประการของเทรดเดอร์ผู้ทะเยอทะยาน ได้แก่:

1. กลัวการสูญเสีย

2. ต้องถูกเสมอ

3. ใช้เลเวอเรจมากเกินไป

- Peter Brandt

.

การเทรดเป็นกิจกรรมที่ต้องมีความรอบคอบสูงและเข้าใจถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง นี่คือเหตุผลที่ทำไมลุงปีเตอร์ จึงบอกเช่นนี้

.

1. **กลัวการขาดทุน (Fear of Losses)**:

    - **สาเหตุ**: การขาดทุนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ในการซื้อขาย และนักเทรดทุกคนต้องเผชิญ การกลัวการขาดทุนมักจะทำให้นักเทรดไม่กล้าที่จะทำการซื้อขายหรือปิดการซื้อขายก่อนเวลาอันควร เพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุน

    - **ผลกระทบ**: การกลัวการขาดทุนทำให้นักเทรดไม่สามารถทนต่อความผันผวนของตลาดได้ ส่งผลให้พลาดโอกาสในการทำกำไรที่ดี นอกจากนี้ยังอาจทำให้นักเทรดเลือกที่จะไม่ทำการซื้อขายเลย ซึ่งทำให้ขาดโอกาสในการสร้างผลตอบแทน

.

2. **ความต้องการที่จะถูกเสมอ (Need to be Right)**:

    - **สาเหตุ**: การที่นักเทรดต้องการที่จะถูกเสมอในการทำนายทิศทางของตลาดเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความมั่นใจเกินไปในการตัดสินใจ ซึ่งอาจนำไปสู่การยึดติดกับมุมมองของตนเองโดยไม่ยอมรับข้อมูลใหม่ ๆ หรือไม่ปรับกลยุทธ์

    - **ผลกระทบ**: ความต้องการที่จะถูกเสมอทำให้นักเทรดไม่สามารถปรับตัวตามตลาดได้ ซึ่งเป็นการขัดขวางความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับตัว ซึ่งจำเป็นในการรับมือกับความไม่แน่นอนของตลาด การยึดติดกับมุมมองที่ผิดพลาดสามารถนำไปสู่การขาดทุนมากขึ้น

.

3. **การใช้เลเวอเรจมากเกินไป (Becoming Over-Leveraged)**:

    - **สาเหตุ**: เลเวอเรจเป็นเครื่องมือที่สามารถเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนได้ แต่ในขณะเดียวกันก็เพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุน การใช้เลเวอเรจมากเกินไปเป็นการเพิ่มขนาดของการลงทุนโดยใช้เงินที่ยืมมา ซึ่งทำให้นักเทรดมีความเสี่ยงสูงขึ้น

    - **ผลกระทบ**: การใช้เลเวอเรจมากเกินไปทำให้นักเทรดสามารถขาดทุนมากกว่าที่ลงทุนจริง ๆ ได้ ถ้าตลาดเคลื่อนไหวตรงกันข้ามกับการคาดการณ์ การขาดทุนจากการใช้เลเวอเรจอาจส่งผลกระทบต่อการเงินอย่างรุนแรงและทำให้นักเทรดต้องออกจากตลาด

.

**สรุป**: ความกลัวการขาดทุน ความต้องการที่จะถูกเสมอ และการใช้เลเวอเรจมากเกินไป เป็นศัตรูหลักของนักเทรดเพราะเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการตัดสินใจที่ไม่รอบคอบและขาดการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ดี การเข้าใจและการบริหารจัดการปัจจัยเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่นักเทรดต้องทำเพื่อให้ประสบความสำเร็จในการซื้อขาย





7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

Marios Stamatoudis สวิงเทรดปั้นพอร์ตโต 291.2% ในปีเดียว เขาทำได้อย่างไร?

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

Oliver Kell: วงจรของการเคลื่อนไหวของราคา (Cycle of Price Action)