Posts

Showing posts from June, 2024

การเล่นหุ้นขาดทุนหนัก ไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นแค่จุดเริ่มต้น คุณแค่สอบไม่ผ่านเท่านั้น คุณแก้ตัวได้เสมอ

Image
การเทรดหุ้น: ก้าวข้ามธรรมชาติของความกลัว สู่วิถี Zero to Hero   "Zero to Hero ภารกิจเปลี่ยนนักเทรดขาดทุนซ้ำซากให้ได้กำไรสม่ำเสมอ" มีจำหน่ายที่ Mebmarket วันที่ 3 กันยายน 2567 ครับ  https://www.mebmarket.com/?action=book_details&book_id=317619 การขาดทุนหนักจากการเล่นหุ้นอาจทำให้คุณรู้สึกว่าตัวเองล้มเหลว แต่แท้จริงแล้ว นั่นเป็นเพียง "หลักไมล์แรก" ของเส้นทางการเทรดเท่านั้นเอง มันบ่งบอกว่าคุณอาจยังสอบไม่ผ่านหรือทำผลงานไม่ถึงมาตรฐานที่ต้องการ แต่ที่สำคัญคือ การไม่ยอมแพ้และพร้อมที่จะปรับปรุงและพัฒนาตัวเอง คุณแค่สอบไม่ผ่าน ทำผลงานไม่ถึงมาตรฐานเท่านั้นเอง ในเส้นทางการเทรด มาตรฐานที่สำคัญคือการสร้างระบบที่มี ความคาดหวังเชิงบวก (Positive Expectancy) ซึ่งหมายความว่ากลยุทธ์การเทรดของคุณต้องมีโอกาสสร้างกำไรได้ในระยะยาว การขาดทุนอาจเกิดจากการที่คุณยังไม่ได้สร้างมาตรฐานนี้ขึ้นมา หรืออาจยังไม่ได้ปรับปรุงกลยุทธ์การเทรดให้เหมาะสมกับสถานการณ์ อีบุ๊ก "Zero to Hero" ชี้ทางสว่างให้คุณ หากคุณกำลังมองหาทางแก้ไขและปรับปรุงผลงานของคุณ อีบุ๊ก **"Zero to Hero: ภารกิจเปลี่ยนน

มีแต่ “ผู้แพ้” เท่านั้น ที่เข้าใจความหมายของคำว่า “ล้มเหลว” แต่ผู้ชนะมองต่าง!? แล้วผู้ชนะมองแบบไหน?

Image
  ภาพนี้คือทวีตของ Mark Minervini ซึ่งเน้นย้ำถึงความสำคัญของการมองเห็นความล้มเหลวเป็นบทเรียน ในภาพมีคำว่า "FAIL" ที่ถูกขยายความเป็น "FIRST ATTEMPT IN LEARNING" หรือแปลเป็นไทยว่า "ความพยายามครั้งแรกในกระบวนการเรียนรู้" ความหมายของภาพนี้คือ 1. FAIL = FIRST ATTEMPT IN LEARNING:    - คำว่า "FAIL" มักจะถูกมองในทางลบ แต่ในภาพนี้ถูกขยายความว่าเป็นเพียง "ความพยายามครั้งแรกในกระบวนการเรียนรู้" ซึ่งทำให้มองเห็นความล้มเหลวในแง่บวกและเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้และพัฒนา 2. ไม่มีความล้มเหลวที่แท้จริง:    - คำพูดในทวีตของ Minervini ระบุว่าไม่มีความล้มเหลวที่แท้จริง มีเพียงคนที่ไม่สามารถมองเห็นบทเรียนจากประสบการณ์และเลิกไป กับคนที่เรียนรู้จากบทเรียนและก้าวต่อไปจนกระทั่งประสบความสำเร็จ การตัดสินใจและการกระทำต่อไป 1. ยอมรับความล้มเหลว:    - มองความล้มเหลวเป็นโอกาสในการเรียนรู้และยอมรับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการพัฒนา 2. เรียนรู้จากประสบการณ์:    - วิเคราะห์และทำความเข้าใจว่าความผิดพลาดเกิดขึ้นได้อย่างไร และนำบทเรียนที่ได้ไปปรับปรุงวิธีการทำงาน 3. มุ่

"เมื่อคุณรู้สึกเหนื่อย ให้พัก แต่อย่ารีบเลิก"

"เมื่อคุณรู้สึกเหนื่อย ให้พัก แต่อย่ารีบเลิก" . **การพัก** เมื่อรู้สึกเหนื่อยนั้นสำคัญมาก เพราะว่าร่างกายและใจของเราต้องการเวลาในการฟื้นฟู  การฝืนต่อเมื่อรู้สึกเหนื่อยล้า อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพทั้งด้านร่างกายและจิตใจ   . **การไม่เลิก** หมายถึงการที่เรามุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมาย  แม้จะเจออุปสรรคหรือความท้อแท้  การพักไม่ใช่การยอมแพ้  แต่เป็นการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการต่อสู้ต่อไป . **วิธีการพัก** เมื่อรู้สึกเหนื่อยนั้น มีหลายวิธี  ขึ้นอยู่กับความชอบและความสะดวกของแต่ละคน   - การพักกาย** เช่น การนอนหลับ การงีบหลับ การออกกำลังกาย การยืดเส้นยืดสาย การนวดผ่อนคลาย การแช่น้ำอุ่น - การพักใจ** เช่น การฟังเพลง การอ่านหนังสือ การทำสมาธิ การใช้เวลากับธรรมชาติ การพูดคุยกับเพื่อนหรือครอบครัว - สิ่งสำคัญคือ** เราต้องเลือกวิธีการพักที่เหมาะกับตัวเอง  และพักให้เพียงพอ  เมื่อรู้สึกดีขึ้นแล้ว  ก็พร้อมที่จะกลับมาลุยต่อได้อีกครั้ง . **นอกจากนี้**  ยังมีวิธีอื่นๆ  ที่ช่วยให้เรามีพลังใจในการต่อสู้  เช่น - การตั้งเป้าหมาย**  เป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้เรามีแรงจูงใจในการทำงาน - การแบ่งเป้าหมายใหญ่ๆ  ออ

วิธีการที่ช่วยนักเทรดที่ขาดทุนซ้ำซาก หมดตัว พอร์ตไม่โต ตลอด 15 ปี พลิกไปได้กำไรสม่ำเสมอหลังจากนั้น

วิธีการที่ช่วยนักเทรดที่ขาดทุนซ้ำซาก หมดตัว พอร์ตไม่โต ตลอด 15 ปี พลิกไปได้กำไรสม่ำเสมอหลังจากนั้น คือ... คิดและเทรดแบบรถถัง + ฟังตลาด + โฟกัสกระบวนการ และเลือกสัญญาณซื้อแค่ 1-2 ตัว . 1. คิดและเทรดแบบรถถัง: ตั้งรับให้ดี เสียให้น้อยก่อน รอจนโอกาสดี ๆ เข้ามาจึงจัดหนัก รีบตัดขาดทุนตั้งแต่เสียหายเล็ก ๆ น้อย เพื่อเก็บเงินสดก้อนโต รอโอกาสดี ๆ  การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงเพียงอย่างเดียวของเขาคือ การปรับความเสี่ยงต่อการเทรดของลงเป็น 0.25-0.5% ของเงินทั้งพอร์ตเท่านั้น การทำแบบนี้จะช่วยให้คุณเสียหายจากหุ้นผู้แพ้น้อยลง . 2. ฟังตลาด: เทรดตามอารมณ์ตลาด ตามความแข็งแรงของหุ้น ไม่ใช่ตามใจตนเอง อย่าดื้อ เถียงตลาด อย่าแก้แค้นหลังจากขาดทุน เพราะมันจะทำให้คุณขาดทุนหนักกว่าเดิม เพราะเทรดตามอารมณ์ ฟัง feedback จากตลาดให้ดี เช่น ถ้าคุณขาดทุนแสดงว่าตลาดแย่(หุ้นตัวนั้นแย่) ก็ให้ถอนตัวออกมา อย่าไปยุ่งกับมันในตอนนั้น แต่ถ้าหากคุณได้กำไร แสดงว่าหุ้นตัวนั้น มันเป็นของดี ควรทนรวยกับมันให้นาน จนกว่ามันจะจบแนวโน้ม คุณควรบุกหนักในตอนที่ตลาดเงินง่าย และเทรดให้น้อยหรือถือเงินสดอยู่เฉยๆ เมื่อตลาดได้เงินยาก  . 3. โฟกัสกระบวน

"ความมั่นใจไม่ได้รับประกันความสำเร็จ แต่เป็นแบบแผนการคิดที่จะเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ (ช่วยให้คุณมี)ความมุ่งมั่นเพื่อหาวิธีทำให้สิ่งต่างๆ สำเร็จ" - John Eliot

"ความมั่นใจไม่ได้รับประกันความสำเร็จ แต่เป็นแบบแผนการคิดที่จะเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ (ช่วยให้คุณมี)ความมุ่งมั่นเพื่อหาวิธีทำให้สิ่งต่างๆ สำเร็จ" - John Eliot . แค่มั่นใจ ไม่ได้การันตีว่าต้องสำเร็จ 100% แต่คุณก็มาได้ 50% แล้ว แค่คุณเชื่อว่าสำเร็จได้แน่ คุณก็มาได้ครึ่งทางแล้ว . ความมั่นใจ จึงเป็นรากฐานสำคัญ ความมั่นใจ คือกระดูกสันหลังที่เชื่อมโยงคุณไปสู่ความสำเร็จได้ . ความมั่นใจ คือขุมพลังที่สำคัญ ความมั่นใจ ให้คุณเชื่อว่า คุณสามารถสำเร็จได้แน่ . ความมั่นใจช่วยให้คุณคิดบวก ความมั่นใจ ช่วยให้คุณมีความหวัง ความมั่นใจ ช่วยให้คุณพยายามมองหาวิธีการที่จะช่วยให้คุณชนะได้ ความมั่นใจ ช่วยให้คุณกล้าเผชิญอุปสรรค เพื่อหาเบาะแสช่วยให้คุณชนะ . ความมั่นใจช่วยให้คุณไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ ความมั่นใจช่วยให้คุณโฟกัสที่การพัฒนาตนเองเพื่อมห้ชนะให้ได้ ความมั่นใจจะพยายามค้นหาวิธีแก้ไขปัญหาอยู่เสมอจนกว่าจะสำเร็จ  คุณจะมีความมุ่งมั่นและพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย . ความมั่นใจ จึงมีแนวโน้มที่จะช่วยให้คุณดีขึ้น เก่งขึ้น พัฒนาขึ้น เมื่อคุณดีขึ้น พัฒนาขึ้น คุณก็เข้าใกล้ความสำเร็จมากขึ้นทุกวันแ

worst case ของคนที่มีเงินเก็บ 2 ล้าน แล้วถามความเห็นคนอื่นว่าครรลงทุนหุ้นอะไรดี ผลร้ายที่อาจเกิดขึ้นมีอะไรบ้าง

Image
Worst case scenario สำหรับคนที่มีเงินเก็บ 2 ล้านแล้วขอความเห็นคนอื่นในการลงทุนหุ้นมีดังนี้: 1. เลือกหุ้นผิดพลาด: ถ้าคนอื่นแนะนำหุ้นที่ไม่ดี หรือมีความเสี่ยงสูง อาจทำให้คุณสูญเสียเงินทั้งหมดหรือส่วนใหญ่ของเงินลงทุน 2. ไม่มีการกระจายความเสี่ยง: ถ้าลงทุนทั้งหมดในหุ้นเดียวหรือในกลุ่มเดียวของหุ้น ความเสี่ยงจะสูงมากเพราะหากเกิดปัญหากับหุ้นนั้นหรืออุตสาหกรรมนั้น คุณอาจสูญเสียเงินเกือบทั้งหมด 3. ความผันผวนของตลาด: ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง มูลค่าของหุ้นสามารถลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาสั้นๆ อาจทำให้เกิดการสูญเสียมูลค่าของการลงทุน 4. การไม่ทำการศึกษาเอง: การพึ่งพาความคิดเห็นของคนอื่นโดยไม่มีการศึกษาหรือวิเคราะห์ด้วยตนเองอาจทำให้คุณตกลงใจในทางที่ผิดพลาด 5. ปัญหาจากข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน: ความเห็นของคนอื่นอาจจะไม่สมบูรณ์หรือไม่ทันสมัย อาจทำให้การตัดสินใจผิดพลาด 6. อิทธิพลของอารมณ์: การตัดสินใจจากความคิดเห็นของคนอื่นอาจทำให้คุณไม่ได้ใช้การวิเคราะห์เหตุผล อาจทำให้เกิดการลงทุนที่ไม่รอบคอบ ผลร้ายที่อาจเกิดขึ้น 1. สูญเสียเงินทั้งหมดหรือบางส่วน: การลงทุนที่ผิดพลาดอาจทำให้สูญเสียเงินทั้งหมดหรือบางส่วนของเงินเ

สละเวลาทำงานหนักเพื่อลงทุนในตัวเอง vs อยู่ไปวัน ๆ คุณเลือกได้

Image
คุณสามารถทำงานอย่างหนัก มีวิสัยทัศน์ และเสียสละในตอนนี้เพื่อทำสิ่งที่ถูกต้องและสร้างอนาคต  หรือคุณจะเลือกทางลัดที่ดูเหมือนง่ายและรวดเร็ว แต่ไม่เคยสร้างชีวิตที่คุณต้องการ ชีวิตของคุณ การตัดสินใจของคุณ  เริ่มต้นวันนี้! ทุกคนมีทางเลือกในชีวิต ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร อยู่ที่ไหน หรือกำลังทำอะไร การเลือกเส้นทางที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญที่จะนำพาเราไปสู่ความสำเร็จ แม้ว่ามันจะต้องใช้ความพยายามมาก แต่ผลลัพธ์ที่ได้มักจะคุ้มค่า การทำงานหนักเป็นสิ่งที่หลายคนอาจจะมองข้าม  แต่จริงๆ แล้วมันเป็นปัจจัยที่สำคัญมากในการสร้างอนาคตที่มั่นคง การมีวิสัยทัศน์หรือการมองเห็นภาพใหญ่ของสิ่งที่เราต้องการทำหรือสิ่งที่เราต้องการเป็น ก็เป็นส่วนหนึ่งของการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ การเสียสละในตอนนี้เพื่อสิ่งที่ดีกว่าในอนาคต เป็นการตัดสินใจที่ต้องใช้ความกล้าหาญ การตัดสินใจที่ถูกต้องในวันนี้จะส่งผลดีต่ออนาคตของเรา ดังนั้น เราจึงควรให้ความสำคัญกับการทำสิ่งที่ถูกต้องในตอนนี้ เพื่อที่จะได้มีอนาคตที่สดใสและมั่นคง แต่ในทางตรงกันข้าม การเลือกทางลัดที่ดูเหมือนง่ายและรวดเร็ว อาจจะทำให้เราเสียเวลาและทรัพยากรไปโดยเปล่าประโยชน์ และสุดท้ายอา

มูลค่าที่แท้จริงของหุ้น ดูยังไง

Image
การประเมินมูลค่าที่แท้จริงของหุ้น (Intrinsic Value) เป็นการพิจารณามูลค่าที่แท้จริงของหุ้นโดยใช้ข้อมูลทางการเงินและปัจจัยอื่น ๆ เพื่อหามูลค่าที่เหมาะสมที่สุด วิธีการที่นิยมใช้มีหลายวิธี ได้แก่: 1. การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานจะใช้ข้อมูลทางการเงิน เช่น งบการเงิน รายได้ กำไร และการเติบโตของบริษัท รวมถึงการวิเคราะห์อุตสาหกรรมและภาวะเศรษฐกิจ มักใช้เครื่องมือดังนี้: - กำไรต่อหุ้น (Earnings Per Share - EPS): คำนวณจากกำไรสุทธิหารด้วยจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่าย - อัตราส่วนราคาต่อกำไร (Price-to-Earnings Ratio - P/E Ratio): คำนวณจากราคาหุ้นหารด้วยกำไรต่อหุ้น - อัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (Price-to-Book Ratio - P/B Ratio): คำนวณจากราคาหุ้นหารด้วยมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น - กระแสเงินสดอิสระ (Free Cash Flow - FCF): กระแสเงินสดสุทธิที่เหลือหลังจากหักค่าใช้จ่ายการดำเนินงานและการลงทุน 2. การวิเคราะห์ส่วนลดเงินสด (Discounted Cash Flow - DCF) เป็นการประเมินมูลค่าหุ้นโดยใช้กระแสเงินสดในอนาคตที่คาดว่าจะได้รับ แล้วลดมูลค่ากลับมาที่ปัจจุบันด้วยอัตราผลตอบแทนที่คาดหวัง ข

scenario อันเลวร้ายหลังจากที่เธอตั้งคำถาม "ซื้อหุ้นตัวไหนดีคะถือใว้ยาวๆ" ในเว็บบอร์ดแห่งหนึ่ง

Image
Scenario: ผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิดหลังตั้งกระทู้ "ซื้อหุ้นตัวไหนดีคะ ถือใว้ยาวๆ" 1. คำแนะนำจากผู้ใช้หลายคน:    - กระทู้ได้รับความสนใจอย่างมาก มีผู้ใช้หลายคนเข้ามาตอบคำถาม โดยให้คำแนะนำหุ้นที่พวกเขาคิดว่าดีและเหมาะสมสำหรับการถือยาวๆ    - บางคนแนะนำหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี บางคนแนะนำหุ้นกลุ่มพลังงาน หรือกลุ่มการเงิน ทำให้เธอสับสนและไม่แน่ใจว่าจะเลือกหุ้นตัวไหน 2. การตัดสินใจลงทุน:    - เธอตัดสินใจเลือกหุ้นจากคำแนะนำของผู้ใช้หลายคน โดยใช้เงินเก็บทั้งชีวิตของเธอในการลงทุน หวังว่าจะได้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว    - เธอลงทุนในหุ้นหลายตัวเพื่อลดความเสี่ยง แต่เน้นไปที่หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีที่ผู้ใช้หลายคนบอกว่าเป็นแนวโน้มที่ดีในอนาคต 3. เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด:    - หลังจากนั้นไม่นาน เกิดวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ทั่วโลก ส่งผลให้ตลาดหุ้นตกอย่างรวดเร็ว หุ้นที่เธอซื้อราคาตกลงอย่างมาก    - หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีที่เธอลงทุนส่วนใหญ่สูญเสียมูลค่าไปกว่าครึ่งในเวลาเพียงไม่กี่เดือน 4. ผลกระทบต่อชีวิตส่วนตัว:    - เธอรู้สึกเครียดและผิดหวังกับการตัดสินใจของตัวเอง การสูญเสียเงินเก็บทำให้เธอประสบปัญหาทางการเงินอย่างรุ

ข้อมูลพื้นฐานใด ที่มีผลต่อราคาหุ้นมากที่สุด

Image
ข้อมูลพื้นฐานที่มีผลต่อราคาหุ้นมากที่สุดประกอบด้วยหลายปัจจัย ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มหลัก ๆ ได้ดังนี้: 1. ผลประกอบการและงบการเงิน (Financial Performance) - รายได้ (Revenue): รายได้ที่บริษัทสร้างได้ในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ หากรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มักจะส่งผลบวกต่อราคาหุ้น - กำไรสุทธิ (Net Profit): กำไรที่บริษัททำได้หลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมด กำไรที่เพิ่มขึ้นมักจะดึงดูดนักลงทุนและทำให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น - กำไรต่อหุ้น (Earnings Per Share - EPS): กำไรสุทธิหารด้วยจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่าย เป็นตัวชี้วัดสำคัญในการประเมินความสามารถในการทำกำไรของบริษัท 2. งบดุล (Balance Sheet) - สินทรัพย์รวม (Total Assets): สินทรัพย์ที่บริษัทถือครอง - หนี้สินรวม (Total Liabilities): หนี้สินที่บริษัทต้องชำระ - ส่วนของผู้ถือหุ้น (Shareholder's Equity): ส่วนต่างระหว่างสินทรัพย์และหนี้สิน แสดงถึงมูลค่าที่แท้จริงของบริษัท 3. กระแสเงินสด (Cash Flow) - กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (Operating Cash Flow): กระแสเงินสดที่เกิดจากกิจกรรมหลักของบริษัท - กระแสเงินสดอิสระ (Free Cash Flow - FCF): กระแสเงินสดที่เหลือหลังหักค่าใช้

Indicator ตัว ไหน ดี ที่สุด?

Image
  การเลือกใช้ Indicator ที่ดีที่สุดนั้นขึ้นอยู่กับลักษณะการลงทุนและสไตล์การเทรดของนักลงทุนแต่ละคน ไม่มี Indicator ใดที่สามารถใช้ได้ดีที่สุดในทุกสถานการณ์ การเลือกใช้ Indicator ที่เหมาะสมต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น ประเภทของตลาด สภาวะตลาด เป้าหมายการลงทุน และระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ นี่คือตัวอย่าง Indicator ที่ได้รับความนิยมและเหมาะสมกับการใช้งานในสถานการณ์ต่าง ๆ: 1. Moving Averages (MA) - Simple Moving Average (SMA): ใช้ค่าเฉลี่ยราคาหุ้นในช่วงเวลาที่กำหนด เป็นเครื่องมือที่เรียบง่ายและใช้งานง่าย - Exponential Moving Average (EMA): ให้ความสำคัญกับราคาล่าสุดมากกว่า เหมาะสำหรับการติดตามแนวโน้มระยะสั้น 2. Relative Strength Index (RSI) - เป็นเครื่องมือวัดความแข็งแรงและความอ่อนแอของราคาในช่วงเวลาที่กำหนด ช่วยระบุระดับ Overbought (ซื้อมากเกินไป) และ Oversold (ขายมากเกินไป) 3. Moving Average Convergence Divergence (MACD) - ใช้ในการระบุแนวโน้มและจุดกลับตัวของราคา ประกอบด้วยเส้น MACD เส้น Signal และ Histogram ช่วยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มและแรงกระตุ้นของตลาด 4. Bollinger Bands - ประกอบ

จะรู้ได้ไงว่าหุ้นจะขึ้นหรือลง?

Image
  การทำนายการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและไม่มีวิธีใดที่สามารถรับประกันได้ว่าหุ้นจะขึ้นหรือลง อย่างไรก็ตาม มีหลายวิธีที่นักลงทุนใช้ในการวิเคราะห์เพื่อคาดการณ์แนวโน้มของราคาหุ้น: 1. การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นการศึกษาข้อมูลราคาหุ้นและปริมาณการซื้อขายในอดีตเพื่อตัดสินใจว่าราคาหุ้นจะเคลื่อนไหวอย่างไรในอนาคต โดยใช้เครื่องมือและชาร์ตต่าง ๆ เช่น: - เส้นแนวโน้ม (Trend Lines): การวาดเส้นแนวโน้มขึ้นและลงเพื่อหาทิศทางของตลาด - เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages): การใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เพื่อหาทิศทางและแนวโน้ม - รูปแบบชาร์ต (Chart Patterns): การวิเคราะห์รูปแบบต่าง ๆ บนชาร์ต เช่น หัวและไหล่ (Head and Shoulders), ถ้วยและหู (Cup and Handle) - ตัวบ่งชี้ (Indicators): การใช้ตัวบ่งชี้ต่าง ๆ เช่น RSI (Relative Strength Index), MACD (Moving Average Convergence Divergence) 2. การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานใช้ข้อมูลทางการเงินและปัจจัยอื่น ๆ เพื่อประเมินมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นและคาดการณ์การเคลื่อน

ทำยังไงให้รวยด้วยหุ้น

Image
  การลงทุนในหุ้นเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีและสามารถสร้างความมั่งคั่งได้ต้องการความรู้ การวางแผน และความอดทน นี่คือขั้นตอนและคำแนะนำที่สามารถช่วยคุณในการลงทุนหุ้น: 1. ศึกษาหาความรู้ การลงทุนในหุ้นต้องการความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับตลาดหุ้นและวิธีการวิเคราะห์หุ้น ศึกษาหนังสือ, เข้าร่วมการสัมมนา หรือเข้าคอร์สออนไลน์เกี่ยวกับการลงทุนในหุ้น 2. วางแผนการลงทุน การวางแผนการลงทุนที่ดีต้องมีการกำหนดเป้าหมายทางการเงิน ระยะเวลาที่ต้องการลงทุน และระดับความเสี่ยงที่สามารถรับได้ 3. กระจายความเสี่ยง (Diversification) การกระจายการลงทุนในหุ้นหลาย ๆ ตัวหรือหลายอุตสาหกรรมเพื่อลดความเสี่ยง เช่น ไม่ควรลงทุนในหุ้นของบริษัทเดียวหรืออุตสาหกรรมเดียว 4. ลงทุนในหุ้นคุณภาพดี มองหาหุ้นของบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เช่น บริษัทที่มีการเติบโตของรายได้และกำไรอย่างสม่ำเสมอ มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง และมีแนวโน้มการเติบโตในอนาคต 5. ลงทุนในระยะยาว การลงทุนในระยะยาวสามารถลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดในระยะสั้น และเพิ่มโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่ดี การลงทุนในหุ้นควรใช้วิธี "ซื้อและถือ" (Buy and Hold) 6. ติดตามข่าวสารแล

กราฟหุ้นขึ้นลงเพราะอะไร?

Image
กราฟหุ้นขึ้นหรือลงขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่มีผลต่อราคาหุ้น โดยทั่วไป ปัจจัยเหล่านี้สามารถแบ่งเป็นสองกลุ่มหลักคือ ปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก: 1. ปัจจัยภายใน (Internal Factors)    - ผลประกอบการของบริษัท: กำไรหรือขาดทุนของบริษัทสามารถมีผลต่อราคาหุ้น ถ้าบริษัทมีผลประกอบการดี ราคาหุ้นอาจจะขึ้น    - การบริหารจัดการ: ความสามารถของทีมบริหารในการดำเนินธุรกิจ และการตัดสินใจที่ถูกต้องสามารถมีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน    - ข่าวสารเกี่ยวกับบริษัท: การประกาศข่าวสารสำคัญ เช่น การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ การควบรวมกิจการ หรือการเปลี่ยนแปลงในคณะผู้บริหาร 2. ปัจจัยภายนอก (External Factors)    - เศรษฐกิจ: สภาพเศรษฐกิจทั่วไปมีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งอาจทำให้ราคาหุ้นขึ้น    - การเมือง: เหตุการณ์ทางการเมือง เช่น การเลือกตั้ง การเปลี่ยนแปลงนโยบาย หรือสถานการณ์ทางการเมืองอื่น ๆ    - ตลาดโลก: ราคาหุ้นในตลาดโลกหรือราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น น้ำมัน หรือทองคำ    - อัตราดอกเบี้ย: การปรับขึ้นหรือลงของอัตราดอกเบี้ยโดยธนาคารกลางสามารถมีผลต่อการลงทุนในตลาดหุ้น นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ เช่น

Easy money vs Hard money ต่างกันตรงไหน?

Image
  คุณเคยประสบกับช่วงเวลาที่คุณทำเงินง่ายๆ และตามมาด้วยช่วงที่ทุกอย่างหยุดทำงานและคุณค่อย ๆ คืนให้ทั้งหมดหรือไม่? ถ้าใช่ คุณเคยสงสัยบ้างไหมว่าทำไม? เราทุกคนเรียนรู้จุดซื้อจากหนังสือและเอกสารฟรี จุดซื้อ = Setup = Price pattern, price action, Buy signal จากอินดิเคเตอร์ แต่ไม่มีใครสอนถึงความสำคัญของสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมซึ่งจำเป็นสำหรับความเวิร์คของจุดซื้อเหล่านั้น การไม่เรียนรู้เรื่องนี้ทำให้เราเทรดแบบเดิมวันแล้ววันเล่า ส่งผลให้คืนกำไรในอดีตทั้งหมดกลับไป สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม + จุดซื้อ = Breakout ได้กำไรดี = เงินง่าย ๆ Easy money สภาพแวดล้อมที่ไม่ดี + จุดซื้อ = Breakout ไม่ได้กำไร = เงินที่ยาก Hard money

กลยุทธ์การเทรดที่ดีที่สุด คืออะไร? มันคือ กลยุทธ์ที่มันเวิร์คกับคุณ

Image
กลยุทธ์การเทรดที่ดีที่สุด คืออะไร? มันคือ กลยุทธ์ที่มันเวิร์คกับคุณ แต่จงจำไว้ว่า ไม่ว่ากลยุทธ์นั้นจะยอดเยี่ยมแค่ไหน  มันก็ไม่ได้เวิร์คตลอดเวลา มันไม่มีทางทำกำไรได้ตลอดเวลา . แต่ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่คุณได้กำไร(กลยุทธ์เวิร์ค) คุณขาดทุน(ไม่เวิร์ค) มันก็เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางของ Performance การเทรดคุณ . ด้วยเหตุนี้ แค่กลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยม จึงยังไม่เพียงพอ แต่มันเป็นเรื่องของการบริหาร บริหารการเทรดของคุณและบริหารวินัยของคุณเอง บริหารเพื่อ รักษาพอร์ตของคุณ บริหารเพื่อ การอยู่รอดให้นานขึ้น บริหารเพื่อ ให้รอด ให้ผ่านช่วงเวลายากลำบากให้ได้ บริหารเพื่อให้คุณได้กำไรมากที่สุดในช่วงที่กลยุทธ์คุณเวิร์ค(easy dollar) . ความศรัทธา เชื่อมั่น ในกลยุทธ์ คือหัวใจของการอยู่รอด ให้ผ่านช่วงเวลายากลำบาก คุณต้องใช้ความศรัทธาเช่นเดียวกับในความสัมพันธ์  นึกภาพว่า "ถ้าแต่งงานแล้วไม่ซื่อสัตย์และถูกนอกใจ มันจะเป็นยังไง???" กลยุทธ์การเทรดก็ไม่แตกต่างกัน คุณต้องซื่อสัตย์ต่อมันและไม่หลงทางเพื่อให้มันตอบแทนคุณในระยะยาว - Mark Minervini . . กลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยม คืออะไร วัดได้มั้ย? วัดง่าย ๆ ครับ คือได้ Positive E

วิธีสร้างโชคขึ้นมาด้วยตนเอง สำหรับนักเทรด Luck is predictable. In trading, here's how you create it

Image
วิธีสร้างโชคขึ้นมาด้วยตนเอง สำหรับนักเทรด "โชค(Luck)" ในที่นี้ผมตีความว่า "โอกาสได้กำไรก้อนงาม" เมื่อ โชค = "โอกาสได้กำไรก้อนงาม" เราก็สามารถทำนาย(คาดหวังได้)  ด้วยการ "เตรียมตัว" เพื่อ "รอโอกาส" . นี่คือวิธีการ 1) Have a proven system: มีระบบเทรดที่มีความได้เปรียบ ระบบ/กลยุทธ์คุณพิสูจน์มาแล้วนับไม่ถ้วนว่าทำเงินได้ ทำซ้ำได้ และได้ Positive expectancy มาโดยตลอด . 2) Maintain confidence in that system: คุณต้องเชื่อมั่นในระบบที่คุณใช้อยู่  แม้ว่าหลายครั้งมันทำให้คุณขาดทุนติดต่อกัน(Losing streak) จนดูเหมือนว่ามันไม่เวิร์คเลยก็ตาม แต่ความเชื่อมั่นในวิธีการของคุณเป็นสิ่งสำคัญเพื่อหลีกเลี่ยงการตัดสินใจตามอารมณ์ที่เบี่ยงเบนไปจากแผนของคุณ (วิธีการคือ กลับไปดูข้อ 1) . 3) Show up for the opportunities it identifies: เข้าตามสัญญาณ โดยไม่ตั้งคำถาม (ถ้าคุณศรัทธาในระบบ ข้อ 1 คุณจะทำตามได้ทันที) . 4) Master your mind—discipline, patience, diligence: การเทรกต้องการกรอบความคิดที่แข็งแกร่ง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการมีวินัยในการปฏิบัติตามกลยุทธ์ของคุณ อดทนในการร

รวม 35 บทความ "เล่นหุ้นขาดทุน" - Losing Trade ที่อาจช่วยให้มือใหม่เข้าใจและเพิ่มโอกาสรอดและรวยได้มากขึ้น

Image
  มีจำหน่ายที่  https://www.mebmarket.com/?action=book_details&book_id=240758 เท่านั้นครับ รวมบทความ "เล่นหุ้นขาดทุน" 1)   วิธีแก้แค้นจากการขาดทุนหนัก คือ ต้องเป็นนักเทรดที่ดีกว่าเดิม 2)  10 วิธีป้องกันใม่ให้เจ๊งหุ้น สำหรับมือใหม่ 3)   18 เหตุผลที่ทำให้นักลงทุน นักเล่นหุ้น 80% (ส่วนใหญ่) ยังไม่รวยเสียที 4)   7 เหตุผลที่การเทรด การเล่นหุ้น ประสบความสำเร็จยาก 5)   แฟนเทรดขาดทุนหนัก เตือนกันไม่ฟัง  ทำไงดี? 6)   เล่นหุ้นอย่างไร ไม่ขาดทุน 7)   เมื่อไหร่ที่ควรเลิกเล่นหุ้น 8)   เล่นหุ้นขาดทุนอย่าเพิ่งขาดใจ อ่านบทความนี้ก่อน! 9)   มือใหม่ เทรด FOREX ด้วยระบบที่ Backtest มาดี แต่ขาดทุนติดต่อกัน ท้อแท้มาก ทำไงดี 10)   เล่นหุ้นเจ๊ง ไม่ได้หมายความว่าคนนั้นโง่ 11)   การเล่นหุ้นขาดทุน แสดงว่าคุณยังรู้ไม่จริง 12)   สรุปหนังสือ Market Wizards - พ่อมดก็เคยเจ๊งหุ้นมาก่อน 13)   วิธีใช้ประโยชน์จากการขาดทุน 14)   สรุปหนังสือ ล้มไปข้างหน้า - Failing Forward 15)   เล่นหุ้นขาดทุน เจ็บปวดมาก ทำไงดี? 16)   คำสารภาพของ เซียนหุ้น ประสบการณ์ 20 ปี จงหมั่นตรวจสอบตนเอง ระวัง Overconfidence 17)   ก่อนเ

รวม 70 บทความ "คำแนะนำสำหรับนักเล่นหุ้นมือใหม" Tips for new traders

Image
ปล. ท่านใดที่อยู่ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ สามารถเรียนกับผมตัวต่อตัวได้เลยครับ inbox ทักมาที่เฟสส่วนตัว  https://www.facebook.com/zyoit 20 คำแนะนำสำหรับนักเล่นหุ้นมือใหม่: 1. ศึกษาและทำความเข้าใจ: เริ่มต้นด้วยการศึกษาพื้นฐานของตลาดหุ้น วิธีการซื้อขายหุ้น และวิธีการวิเคราะห์หุ้น 2. ตั้งเป้าหมายการลงทุน: กำหนดเป้าหมายการลงทุนที่ชัดเจน เช่น การลงทุนระยะสั้นหรือระยะยาว 3. ลงทุนในสิ่งที่รู้จัก: เริ่มต้นด้วยการลงทุนในหุ้นของบริษัทที่คุณรู้จักและเข้าใจธุรกิจ 4. กระจายการลงทุน: อย่าลงทุนในหุ้นเพียงตัวเดียว กระจายการลงทุนในหุ้นหลาย ๆ ตัวเพื่อกระจายความเสี่ยง 5. ติดตามข่าวสาร: ติดตามข่าวสารและเหตุการณ์ที่อาจมีผลกระทบต่อตลาดหุ้น 6. อย่าตกใจเมื่อราคาหุ้นลดลง: การลดลงของราคาหุ้นเป็นเรื่องปกติในตลาดหุ้น อย่าตื่นตกใจและขายหุ้นทิ้งโดยไม่พิจารณาอย่างรอบคอบ 7. ศึกษาวิธีการวิเคราะห์หุ้น: เรียนรู้วิธีการวิเคราะห์หุ้นทั้งเชิงพื้นฐาน (Fundamental Analysis) และเชิงเทคนิค (Technical Analysis) 8. กำหนดงบประมาณการลงทุน: กำหนดงบประมาณการลงทุนที่คุณสามารถรับความเสี่ยงได้ 9. ติดตามผลงานการลงทุน: ติดตามแล

รวมคลิป Market Cycle, Dow Theory และ Wyckoff Methods

Image
  Market Cycle ๔ ช่วงชีวิตของราคาหุ้น และวิธีทำเงินกับมัน https://www.youtube.com/watch?v=Hb03SujZ6Vc เอาทฤษฎีวัฏจักรตลาด มาอธิบายขาลง ตั้งแต่ต้นจนจบ มีอะไรบ้าง เอามายำรวมกัน - Bear market theory. https://www.youtube.com/watch?v=Ft96SwyU9mg สรุป Mastering Market Cycle แนวทางการทำความเข้าใจวัฏจักรตลาดหุ้น https://www.youtube.com/watch?v=0vc_SdfdsN8 Dow Theory Dow Theory ฉบับประยุกต์ สไตล์ Zyo https://www.youtube.com/watch?v=RE0ZQKXExMo จุดสังเกตลักษณะแท่งเทียน ที่มักจะปรากฎใน Dow theory ทั้ง 6 ระยะ : Candlestick in Dow Theory https://www.youtube.com/watch?v=W48iu2MaGtQ เทคนิคสวิงเทรด ด้วย Dow Theory : Excess Phase https://www.youtube.com/watch?v=fnGsuXg5PkI Distribution + Selling Climax https://www.youtube.com/watch?v=twGyBhNu7Vs Wyckoff Methods ทฤษฎีวัฏจักรตลาด Market Cycle https://www.youtube.com/watch?v=Txme5hzou-E ระยะสะสม Accumulation Phase https://www.youtube.com/watch?v=Hnhgi8j8ehs สัญญาณการเก็บหุ้นของเจ้ามือ : How to identify Accumulation Phase https://www.youtube.com/watch?v=x7

หากคุณเลิกกังวลว่า "ตลาด" จะไปในทิศทางไหน? มันจะถึงจุดต่ำสุดแล้วหรือยัง? คุณอาจมีโอกาสค้นหาหุ้นที่ดีที่สุดและเทรดได้สำเร็จ

Image
หากคุณเลิกกังวลว่า "ตลาด" จะไปในทิศทางไหน? มันจะถึงจุดต่ำสุดแล้วหรือยัง? มันจะขึ้นไปด้านบนไหม? และการใช้ป้ายกำกับ เช่น กระทิงและหมี ....เพื่อกำหนดการซื้อขายของคุณ  คุณอาจมีโอกาสค้นหาหุ้นที่ดีที่สุดและเทรดได้สำเร็จ Mark Minervini . คำกล่าวของเขาเน้นย้ำถึงความสำคัญของการมุ่งเน้นไปที่หุ้นแต่ละตัวและผลงานเฉพาะของหุ้นแต่ละตัว แทนที่จะกังวลมากเกินไปกับทิศทางของตลาดโดยรวมหรือติดป้ายว่า "มีแนวโน้มขาขึ้น" หรือ "มีแนวโน้มขาลง" เพื่อกำหนดการตัดสินใจซื้อขาย  นี่คือเหตุผลที่เขาพูดประเด็นนี้และวิธีใช้คำแนะนำของเขา: . 1. การจับจังหวะตลาดเป็นเรื่องยาก: - การคาดการณ์การเคลื่อนไหวที่แน่นอนของตลาดทั้งหมดเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่งและมักไม่น่าเชื่อถือ ปัจจัยหลายประการมีอิทธิพลต่อตลาด ทำให้ไม่สามารถคาดเดาได้ในระยะสั้น . 2. โอกาสเฉพาะหุ้น: - แม้ในตลาดที่ตกต่ำ ก็อาจมีหุ้นแต่ละตัวที่ทำผลงานได้ดี โดยการมุ่งเน้นไปที่หุ้นเหล่านี้ เทรดเดอร์สามารถค้นพบโอกาสที่ทำกำไรได้โดยไม่คำนึงถึงแนวโน้มตลาดโดยรวม . 3. วินัยทางอารมณ์: - ป้ายกำกับเช่น "ขาขึ้น" และ "ขาลง" อาจนำไปส

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

จิตวิทยา การวิเคราะห์และใช้งาน แท่งเทียน Doji

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่