การเทรดที่ประสบความสำเร็จ นั้น แค่ “ดีกว่าค่าเฉลี่ย” ก็ยังไม่พอ

Image
Alexander Elder กล่าวว่า การเป็นเพียงแค่ “ดีกว่าค่าเฉลี่ย” ยังไม่เพียงพอ คุณต้องโดดเด่นกว่าใครๆ เพื่อที่จะชนะในเกมที่มีผลรวมติดลบ (Being simply “better than average” is not good enough. You have to be head and shoulders above the crowd to win a minus-sum game.) eBook : คิดและสวิงเทรดเป็นระบบแบบพี่แดน (Dan Zanger) มีจำหน่ายที่แอพ Meb ที่เดียว https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTk5MjQzNSI7czo3OiJib29rX2lkIjtpOjM0NDM3MTt9 ในคำพูดนี้ Alexander Elder กำลังเน้นย้ำว่า ในโลกของการเทรด การเป็นเพียงแค่คนที่ "เก่งกว่าค่าเฉลี่ย" อาจไม่เพียงพอที่จะประสบความสำเร็จได้ เพราะการเทรดไม่ใช่เกมที่ทุกคนสามารถชนะพร้อมกันได้ มันคือเกมที่เรียกว่า เกมที่มีผลรวมติดลบ (minus-sum game) ซึ่งหมายความว่า ทรัพยากรที่หมุนเวียนอยู่ในตลาด เช่น กำไรและขาดทุน ถูกกระจายไปในกลุ่มผู้เล่น แต่เมื่อรวมต้นทุนการเทรด เช่น ค่าธรรมเนียม นายหน้า และค่าเสียโอกาสแล้ว จะทำให้โดยรวมตลาดมีผลขาดทุนสุทธิ "เกมที่มีผลรวมติดลบ" หมายถึงอะไร? การเทรดในตลาดไม่ได้มี...

"ผมชอบระบบเทรดที่มีความแม่นยำ 25% มากกว่า 75%" - Mark Minervini

ผู้คนมักจะประหลาดใจเสมอ 

เมื่อได้ยินผมบอกว่า 

"ผมชอบระบบเทรดที่มีความแม่นยำ 25% มากกว่า 75%"

.

ผมมีเหตุผล ว่าทำไม

เพราว่า ระบบเทรดที่มีความแม่นยำ 25% นั้น มันอนุญาตให้ผมทำผิดพลาดได้หลายครั้ง(ผิด 7 ครั้ง จากทั้งหมด10 ครั้ง) แต่ผมก็ยังมีกำไรติดมือ

นี่แหละที่ผมเรียกว่า "การเอาความผิดพลาดมาใส่ในระบบ"

ผมพยายามที่จะสร้างระบบที่ "ความผิดพลาดไม่อาจทำลายผมได้"

ระบบที่แม้ผมจะคิดผิดได้หลายครั้ง แต่ผมก็ยังได้กำไร

.

ในการเทรดนั้น คุณไม่สามารถควบคุมความแม่นยำได้เลย

เพราะคุณไม่อาจควบคุมราคาหุ้นหลังจากที่คุณซื้อไปแล้วได้เลย

พูดง่าย ๆ คือ คุณมีโอกาสผิดพลาดได้เสมอ

ดังนั้นกลยุทธ์ของผมคือ ผมจะต้องไม่พึ่งพาความแม่นยำมากเกินไป

.

ผมจะหันไปจัดการกับสิ่งที่ผมสามารถควบคุมได้แทน

นั่นคือ "ความเสี่ยง"

แม้ผมจะไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของราคาหลังจากที่ซื้อได้

แต่ผมสามารถแบ่งเงินซื้อให้เสี่ยงต่ำได้

ผมสามารถตัดขาดทุนให้เสียน้อยได้

ผมสามารถเลือกที่จะไม่เทรดได้ ฯลฯ

.

ถ้าผมควบคุมขนาดความผิดพลาดจากหุ้นผู้แพ้ได้

แล้วผมสามารถทนรวยในหุ้นผู้ชนะให้ได้กำไรมากกว่าขนาดโดยเฉลี่ยของความเสียหายจากการตัดขาดทุนได้หลาย ๆ เท่า

ด้วยกลยุทธ์บริหารความเสี่ยงที่สัมพันธ์กับรางวัลที่เป็นธุรกิจที่ดีนี่เอง

ที่ช่วยให้ผมยังคงทำเงินได้สม่ำเสมอ...แม้จะผิดพลาดบ่อยก็ตาม

- Mark Minervini

(อาจแปลไม่ตรงกับคำพูดเป๊ะ ๆ นะครับ

แต่มันน่าจะขยายความให้ท่านเข้าใจประเด็นที่แกอยากจะสื่อได้ดีขึ้น"

จากหนังสือ Think and Trade Like a Champion

.

ปล. ขอเสริมข้อเท็จจริงของแกอีกนิด

๑) ความจริงแล้วระบบเทรดของพี่มาร์ค ไม่ได้แม่นยำ 25% หรอก

ความแม่นยำโดยเฉลี่ยประมาณ 50%

๒) ที่แกยก "ความแม่นยำ 25%" มาพูดนั้น เพื่อให้เห็นภาพแตกต่างชัดเจน

๓) แกตั้งใจจะบอกกับเราว่า อย่าไปจริงจังกับความแม่นยำมาก(โดยเฉพาะถ้าคุณเลือกสไตล์สวิงเทรดแบบแกนะ) เพราะไม่มีใครควบคุมความแม่นยำได้หรอก(ขนาดแกเองที่เป็น Market Wizards ผู้ซึ่งปั้นพอร์ตโต 30,000 ยังทำไม่ได้เลย) 

๔) แกต้องการจะสื่อว่า ที่แกทำกำไรจากการเทรดได้สม่ำเสมอนั้น มันมาจากระบบเทรดที่มี "การควบคุมความเสี่ยง + บริหารความเสี่ยงต่อรางวัลที่เป็นธุรกิจ + ทบต้นกำไร" ไม่ใช่ระบบเทรดที่มีความแม่ยำสูงแต่อย่างใด

๕) เหนืออื่นใด ผมตีความว่า แกอยากให้พวกเรา "อย่าได้รังเกียจความผิดพลาดและอย่าได้หนีมัน" แต่จง "เอาความผิดพลาดมาอยู่ในการควบคุม" ให้ได้ดีที่สุดต่างหาก ก็ในเมื่อคุณไม่อาจหนีความผิดพลาดได้ - ทำไมคุณไม่เอาความผิดพลาดนั้นมาเป็นส่วนหนึ่งของระบบไปเลย! นี่ต่างหากที่เป็นประเด็นสำคัญ

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

Marios Stamatoudis สวิงเทรดปั้นพอร์ตโต 291.2% ในปีเดียว เขาทำได้อย่างไร?

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

Oliver Kell: วงจรของการเคลื่อนไหวของราคา (Cycle of Price Action)