16 ประเด็นน่าสนใจจากหนังสือ Skill before Passion
- Get link
- X
- Other Apps
๑) จงเก่ง จนใครๆ ก็ไม่กล้าเมิน
ทำไมคนอื่นถึงไม่กล้าเมิน?
เพราะถ้าคุณเชี่ยวชาญในเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากพอ คนอื่นก็จะมาหาคุณเอง
ยิ่งเชี่ยวชาญ รายได้ มูลค่าของคุณก็ยิ่งสูงตามเท่านั้น
ยิ่งเชี่ยวชาญ ยิ่งทำแล้วได้ คุณก็จะหลงใหลในงานนั้นไปเอง
ความเชี่ยวชาญ = ต้นทุนทางอาชีพ
ยิ่งอาชีพไหนที่หายากและมีคุณค่า ตลาดต้องการมาก ๆ = ต้นทุนยิ่งสูงตาม
ไอเดียง่าย ๆ คือ งานที่คุณจะให้อะไรแก่โลกนี้ ไม่ใช่โลกจะให้อะไรแก่คุณ
ยิ่งให้โลกให้สังคมได้มากเท่าไหร่ มูลค่าก็จะสูงตามเท่านั้น
มุ่งมั่นสร้างความเชี่ยวชาญ สร้างต้นทุนทางอาชีพให้ได้ก่อน
เมื่อคุณมีต้นทุน เมื่อนั้นคุณจะมีอำนาจในการเลือก การทำ และอิสระในการใช้ชีวิต
ปล. หนังสือเล่มนี้ มีส่วนผสมระหว่างหนังสือ
เปลี่ยนเลนเป็นเศรษฐี กับ Talent is Overrated
๒) ศาสตร์แห่งความหลงใหล
- ความหลงใหลในอาชีพเป็นสิ่งที่หายาก
- ความหลงใหลต้องอาศัยเวลา
- ความหลงใหลเป็นผลพลอยได้จากความเชี่ยวชาญ
๓) แรงจูงใจ มาจากความรู้สึกถึงอิสระ+อำนาจในการควบคุม, รู้สึกว่าตนเองเก่ง, รู้สึกเชื่อมโยงกับคนอื่น
๔) สมมติฐานเรื่องความหลงใหลทำให้ผู้คนเชื่อว่างานที่ใช่กำลังรออยู่ที่ไหนสักแห่งและเมื่อค้นพบงานนั้นพวกเขาก็จะรู้ทันทีว่าพวกเขาเกิดมาเพื่อทำสิ่งนี้แต่ปัญหาคือเมื่อพวกเขารู้สึกว่าตัวเองยังไม่พบงานที่ใช่เรื่องแย่ๆก็จะตามมาเช่นการเปลี่ยนงานบ่อยครั้งหรือการสงสัยในตัวเองอย่างรุนแรง
๕) ถ้าใครสักคนครุ่นคิดว่าฉันต้องทำอย่างไรจึงจะเก่งจริงในเรื่องนี้แล้วทุ่มเทความพยายามเพื่อพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องสุดท้ายผู้คนก็จะหลั่งไหลมาหาเขาเอง
๖) กรอบคิดแบบยึดความหลงใหลให้ความสำคัญกับ #สิ่งที่โลกจะมอบให้กับเขา แต่กรอบคิดแบบช่างฝีมือให้ความสำคัญกับ #สิ่งที่เขาจะมอบให้กับโลกใบนี้
๗) การจดจ่อกับความสนใจอยู่กับความคิดว่างานจะมอบใครให้กับคุณจะทำให้คุณสังเกตเห็นสิ่งที่ไม่ชอบเกี่ยวกับงานนั้นได้ง่ายสุดๆส่งผลให้คุณไม่มีความสุขแบบเรื้อรัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของงานในตำแหน่งระดับเริ่มต้น
และที่สำคัญก็คือมันมีแนวโน้มสูงที่ทำให้คุณทุกข์ใจและสับสนบ่อยครั้ง
๘) สิ่งที่ควรสนใจคือวิธีการในการนำกรอบคิดแบบช่างฝีมือไปใช้งาน ถ้าคุณทำตามกรอบความคิดแบบช่างฝีมือให้ได้ก่อนแล้วความหลงใหลจึงจะตามมาเอง
๘) ทฤษฎีต้นทุนทางอาชีพของงานที่ยอดเยี่ยม
1 องค์ประกอบของงานที่ยอดเยี่ยมนั้นหายากและมีคุณค่า
2 ทฤษฎีอุปสงค์-อุปทานกล่าวว่า ถ้าคุณอยากให้งานมีองค์ประกอบเหล่านี้ก็ต้องแลกมาด้วยทักษะที่หายากและมีคุณค่า พูดง่ายๆว่าทักษะที่หายากและมีคุณค่าก็คือ #ต้นทุนทางอาชีพ ของคุณ
3 กรอบคิดแบบช่างฝีมือซึ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาตัวเองให้เก่งจนใครก็ไม่กล้าเมิน เป็นกลยุทธ์ที่เหมาะอย่างยิ่งในการสั่งสมต้นทุนทางอาชีพ
๙) ขั้นตอนของช่างฝีมือ
- คุณต้องเพลิดเพลินกับการฝึกที่ยากลำบากและเกินขีดความสามารถตนเองให้มากขึ้นเรื่อยๆ รับฟีดแบ็กแบะแก้ไขทันที แม้จะเครียดก็ต้องทำให้ได้ ไม่ใช่แค่เล่นแต่ต้องฝึกฝนให้จริงจัง
- แค่ฝึก 10,000 ชั่วโมงยังไม่พอ การฝึกฝนอย่างมุ่งมั่นคือปัจจัยที่ทำให้เกิดความเชี่ยวชาญ
- ถ้าคุณทำงานหนักแต่ขาดการฝึกฝนอย่างมุ่งมั่นในไม่ช้าคุณก็จะเข้าสู่ภาวะคงตัวและไม่สามารถพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นได้
๑๐) ขั้นตอนทั้ง 5 ของช่างฝีมือ
1. ประเมินว่าสายงานของคุณอยู่ในตลาดต้นทุนประเภทใด : ตลาดแบบผู้ชนะกินรวบ กับ ตลาดแบบการประมูล
ตลาดแบบผู้ชนะกินรวบมีต้นทุนทางอาชีพเพียงหนึ่งเดียว
ตลาดแบบการประมูลต้องใช้ต้นทุนทางอาชีพหลายอย่าง
2. ระบุต้นทุนทางอาชีพที่ต้องมี: นั่นคือ การมองหาประตูที่เปิดอยู่ซึ่งหมายถึงโอกาสในการสั่งสมต้นทุนทางอาชีพที่เข้ามาหาคุณเองถึงที่
3. นิยาม "ความเก่ง": แบบไหนจึงเรียกว่าเก่งแล้วพัฒนาตัวเองให้มีทักษะความรู้จนถึงขั้นนั้น "ความเก่ง" นั้น-สูงกว่า "ระดับที่ยอมรับได้"
4. เพิ่มขีดความสามารถและทำลายสิ่งที่ดี: จงตั้งใจฝึกฝนอย่างมุ่งมั่นด้วยการจดจ่อและมีสมาธิ แต่การฝึกฝนอย่างมุ่งมั่นมักไม่ใช่เรื่องที่น่าสนุก คุณต้องเปลี่ยนการให้คุณค่าของมันเช่นใช้คำว่าเพิ่มขีดความสามารถแทน คุณก็จะไม่ตึงเครียดกับการฝึกฝนอย่างมุ่งมั่น - คุณควรรู้สึกอึดอัดใจระหว่างที่พยายามพัฒนาความเก่งเพราะถ้าคุณไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นก็หมายความว่าคุณอาจกำลังติดแหง็ดอยู่ในระดับที่ยอมรับได้เท่านั้น
5. จงอดทน: การสั่งสมต้นทุนทางอาชีพต้องใช้เวลา ถ้าคุณไม่เต็มใจที่จะอดทนและปฏิเสธเป้าหมายใหม่ที่เย้ายวนใจคุณอาจจะล้มเลิกความพยายามไปก่อนที่จะได้ต้นทุนทางอาชีพที่ต้องการ
๑๑) ถ้าเป้าหมายของคุณคือการรักในสิ่งที่ทำก่อนอื่นคุณต้องสั่งสมต้นทุนทางอาชีพจากนั้นก็นำต้นทุนไปแลกกับองค์ประกอบของงานที่ยอดเยี่ยม หนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดคืออำนาจในการควบคุม
๑๒) "ผมมีกฎเกี่ยวกับเงินอยู่ข้อหนึ่ง ซึ่งสำคัญกว่าทุกกฎในชีวิต คือจงทำในสิ่งที่คนอื่นเต็มใจจะจ่ายเงินให้", "เงินคือตัวบ่งชี้ที่เป็นกลางเกี่ยวกับคุณค่าดังนั้นการตั้งเป้าหมายว่าจะหาเงินจริงหมายถึงการตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นคนที่มีคุณค่า", "ถ้าคุณไม่สามารถหาเงินได้จากการทำงาน 1 หรือคิดว่าจะทำงานอื่นเพื่อหาเงินมาสนับสนุนให้คุณสามารถทำงานนั้นต่อไปได้ก็หมายความว่าคุณต้องทบทวนเกี่ยวกับงานนั้นใหม่" - เดเรก ซิเวอร์ส
๑๓) คำว่า "เต็มใจจ่าย" ในกฎนี้มีหลายความหมายในบางกรณีก็หมายถึงการที่ลูกค้าจ่ายเงินค่าสินค้าหรือบริการให้คนจริงๆและในบางกรณีก็หมายถึงการอนุมัติเงินกู้หรือการได้รับเงินลงทุนจากภายนอกแต่ในกรณีที่พบได้บ่อยกว่านั้นคือการที่นายจ้างเลือกที่จ้างคนหรือยังคงจ้างคุณต่อไปเมื่อเข้าใจนิยามอันแสนยืดหยุ่นของคำว่าเต็มใจจ่ายแล้วคุณก็จะเริ่มสังเกตเห็นกฏข้อนี้ในทุกที่
๑๔) กฎแห่งความเป็นไปได้ทางการเงิน: เมื่อต้องตัดสินใจว่าจะลงมือทำสิ่งน่าดึงดูดใจซึ่งจะช่วยเพิ่มอำนาจในการควบคุมชีวิตการทำงานของคุณหรือไม่ คุณต้องมองหาหลักฐานที่บ่งบอกว่าคนอื่นจะเต็มใจจ่ายเงินให้คุณเพื่อสิ่งนั้น ถ้าเจอหลักฐานดังกล่าวก็ลุยได้เลย ถ้าไม่เจอก็พับความคิดนี้เก็บไปก่อน
๑๕) ภารกิจ คือจุดรวมความสนใจด้านอาชีพการงานของคุณมันไม่ใช่แค่งานอย่างหนึ่งหรือตำแหน่งบางตำแหน่งภารกิจคือคำตอบของคำถามที่ว่าฉันควรทำอะไรกับชีวิตของตัวเองซึ่งยังเป็นสิ่งที่ทรงพลังเพราะมันทำให้คนทุ่มเทพลังงานให้กับเป้าหมายที่มีประโยชน์ส่งผลให้คนสามารถสร้างผลกระทบต่อโลกได้มากที่สุดซึ่งนี่เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้คุณรักในสิ่งที่ทำ
๑๖) ถ้าอยากสร้างงานที่คนรักคุณก็ต้องสั่งสมต้นทุนทางอาชีพ ด้วยการพัฒนาความเชี่ยวชาญในทักษะที่หายากและมีคุณค่า จากนั้นก็นำต้นทุนดังกล่าวไปแลกกับองค์ประกอบของงานที่ยอดเยี่ยม และภารกิจก็เป็นหนึ่งในองค์ประกอบดังกล่าว โดยภารกิจต้องอาศัยต้นทุนทางอาชีพเช่นเดียวกันกับองค์ประกอบอื่นๆของงานยอดเยี่ยมคนจึงไม่สามารถกำหนดภารกิจที่ยิ่งใหญ่ได้หากไม่มีความเชี่ยวชาญในแวดวงของตัวเอง
(((3 วันสุดท้าย)))
- Get link
- X
- Other Apps