เส้นทางการเทรดและวิธีเทรดปั้นพอร์ต 100% ++ ของ Leoš Mikulka

Image
Leoš Mikulka กับการบริหารความเสี่ยงอย่างเป็นรูปธรรมและการจดบันทึกการเทรด   การแสวงหาการวัดผลเป็นตัวเลข: วิธีบริหารอารมณ์ขณะเทรด แปลจาก https://tradingresourcehub.substack.com/p/leos-mikulka-practical-risk-management-journaling อินโทรเวิร์ท เทรดเดอร์: สร้างเงินล้านด้วยธุรกิจตัวคนเดียว https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTk5MjQzNSI7czo3OiJib29rX2lkIjtpOjM1NjkwMjt9 PART 1: เส้นทางการเทรดของฉัน    ตลอดอาชีพการเทรดของฉัน ฉันได้ผ่านช่วงเวลาหวือหวาขึ้นลงมากมาย (ช่วง ‘รุ่งเรืองและล่มสลาย’ – Boom and Bust)   ฉันเกือบล้างพอร์ตครั้งแรกในปีที่สามของการเทรด   หลังจากทำกำไรได้ 40–50% ในปีที่สอง ฉันก็ตกหลุมพรางยอดฮิตของนักเทรดมือใหม่ที่ได้แรงหนุนจากตลาดที่ดี แม้ว่าจะตัดสินใจผิดพลาดก็ตาม:   ฉายภาพกำไรเหล่านั้นไปสู่จินตนาการว่าอีกไม่กี่ปีจะกลายเป็นมหาเศรษฐี   โดยไม่มีความเข้าใจที่แท้จริงเกี่ยวกับ การบริหารความเสี่ยง (Risk Management) หรือ การกำหนดขนาดสถานะ (Position Sizing) ฉันจึงไม่พ...

ทำไมช่วง 6 ปีแรกของอาชีพนักเทรดของพี่ Mark Minervini จึงพอร์ตพัง-หมดตัว? และจุดเปลี่ยนที่ทำให้กลับมาเป็นผู้ชนะคืออะไร?

"เพื่อให้ทุกอย่างมันเคลียร์ 100% 

ผม(จะบอกความจริงให้คุณรู้ทั่วกันว่า)ได้ทำผิดพลาดนับพันครั้งตลอดเส้นทาง โดยเฉพาะในช่วง 10 ปีแรก(ผมพลาดเละเทะมาก)

... แต่กุญแจสู่ความสำเร็จในระยะยาวของผมคือ การหลีกเลี่ยงความเสียหายจากความผิดพลาดครั้งใหญ่ และยอมให้หุ้นที่ดีที่สุดเป็นแนวทางในการลงทุนของผมเสมอ โดยผมจะไม่โต้เถียงกับคำตัดสินของตลาดเด็ดขาด"

- Mark Minervini


จากภาพบน ตรงที่เป็นกรอบสีแดงคือช่วงแรกที่พี่มาร์คเข้าสู่ตลาด

ทั้ง ๆ ที่ตลาดเป็นขาขึ้นแต่แกก็ยังทำเงินไม่ได้

๑) เหตุผลคือในตอนนั้น แกใช้กลยุทธ์ซื้อหุ้น laggard หุ้นที่ทำจุดต่ำสุดใหม่แบบวีไอมือสมัครเล่นทำ หาหุ้นไม่เป็น ซื้อหุ้นตามคำแนะนำของมาร์เก็ตติ้งให้เล่นหุ้นปั่นสตอรี่ ซ้ำร้ายคือ

- แกไม่ขายไม่ขาดทุน

- และ ถัวเฉลี่ยขาดทุน

จึงทำให้พอร์ตพัง หมดตัวไป

(ปัญหาไม่ใช่แนวทางวีไอ - แต่เป็นเพราะแกรู้ไม่จริง และไม่มีการบริหารความเสี่ยงเลย)


๒) แกกลับมาอีกครั้ง พร้อมเงินก้อนใหม่ และเปลี่ยนมาร์เก็ตติ้งใหม่ แต่ด้วยความที่คบกันแบบคู่คิดคู่แข่ง ทำให้ตอนที่ขาดทุนไม่กล้าบอกให้ตัดขาดทุน(ในอดีตนั้น จะซื้อขายหุ้นต้องให้มาร์เก็ตติ้งทำให้) จึงอมพะนำไว้ ทนเก็บหุ้นขาดทุนไว้ก่อน รอให้ราคากลับมาเท่าทุนก่อนจึงค่อยเกทับกัน แต่ปัญหากลับร้ายแรงหุ้นนั้นยังลงหนักต่อ ก็ยังหน้าบางไม่ให้มาร์เก็ตติ้งคู่ซี้ขาย จึงหมดตัวไปอีกรอบ (ปัญหาคือ -ไม่ขายไม่ขาดทุน)


๓) จุดเปลี่ยน คือแกได้เรียนวิชาจากปู่โอนีล กับ พี่เดวิด ไรอัน จึงได้แนวทางคัดหุ้นแบบ CAMSLIM ใช้พื้นฐาน+เทคนิคอล มาปรับใช้

- ตั้งปณิธานว่า อยากจะเก่งเหมือน เดวิด ไรอัน (ซึ่งเป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกัน) ให้ได้

- โดยกุญแจสำคัญคือแกจริงจังกับ

-- การตัดขาดทุน 

-- การบริหาร Risk Reward ที่เป็นธุรกิจ 

-- รู้จักรอคอย-ตลาดแย่ไม่เทรด 

- - จะเทรดแบบจัดหนักเฉพาะตอนที่ตลาดเป็น Easy Money เท่านั้น

-- มุ่งเน้น ทบต้นกำไร แทนที่จะทบต้นความผิดพลาด


๔) จากนั้นผลงานก็ดีขึ้น และกลับมาปั้นพอร์ต เติบโตพุ่งทะยาน และแข่ง US Investing Championship ได้แชมป์อีกต่างหาก

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

เส้นทางการเทรดและวิธีเทรดปั้นพอร์ต 100% ++ ของ Leoš Mikulka

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

Oliver Kell: วงจรของการเคลื่อนไหวของราคา (Cycle of Price Action)

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

VCP หรือ Volatility Contraction Pattern

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่