Big Mistake ; เซียนหุ้นยังรู้พลั้ง
1/ เบนจามิน เกรแฮม ;
- ขายชอร์ตพลาด ขาดทุน 20%
- จะเอาคืน ด้วยการซื้อ long จากหลักประกันเงินกู้ แต่ตลาดร่วง 50% ขาดทุนหนัก
ระยะเวลา 4 ปีจาก 1929 ถึงจุดต่ำสุดปี 1932 เกรแฮมสูญเงินไปกว่า 70 % นักวิเคราะห์ที่ละเอียดละออและรอบคอบแบบนั้นยังขาดทุนได้ถึง 70%
- การลงทุนแบบเน้นคุณค่าไม่ใช่ยาวิเศษ สิ่งที่เราคิดว่าราคาถูกอยู่แล้วอาจถูกลงได้อีก สิ่งที่ราคาสูงก็เพิ่มขึ้นได้เช่นกัน ส่วนเผื่อความปลอดภัยอาจถูกคำนวณผิดพลาด และมูลค่าที่คาดไว้ก็อาจไม่ได้กลายเป็นความจริง
2/ เจสซี่ ลิเวอร์มอร์;
- อยู่ในวงจรกำไร - หมดตัว - เอาคืน - กำไรเท่าตัว - หมดตัว วนเวียน แล้วจบลงด้วยการไม่เหลืออะไรเลย
- รู้ทั้งรู้ แต่ห้ามใจตนเองไม่ได้ overconfident / lack risk & money management
- ต่อให้ยกคำคมเกี่ยวกับการลงทุนมาเท่าไหร่ ก็ไม่มีทางเปลี่ยนข้อเท็จจริงที่ว่า /การขาดทุนคือส่วนหนึ่งของการลงทุน / และการจัดการความเสี่ยงถึงเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุน / การทำผิดพลาดแบบซ้ำๆก็เป็นส่วนหนึ่งของการลงทุน / ทั้งหมดล้วนเป็นองค์ประกอบของการลงทุน
- ถ้าต้องการหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่เกิดจากการตัดสินใจของตัวเอง คุณไม่จำเป็นต้องสรรหาวลีเกี่ยวกับการลงทุนที่ฟังดูฉลาด เพราะสิ่งที่คำคมเหล่านั้นให้คุณได้ มีเพียงความรู้สึกมั่นคงจอมปลอม
3/ มาร์ก ทเวน;
- เจ๊งเพราะสตอรี่ สิ่งประดิษฐ์(ที่หลงเชื่อว่าจะ)เปลี่ยนโลก
- ไม่ตัดขาดทุน ซื้อ $78 ขายออกที่ $12
- เสพติดการพนัน
4/ จอห์น เมริเวเทอร์; ขีดจำกัดของอัจฉริยะ
- ไอแซค นิวตัน กำไรหุ้น - ขายหมู - ไล่ซื้อด้วยเงินก้อนโตกว่าเดิม 3 เท่าที่ยอดดอย - จบรอบ ขาดทุน 75%
- นักลงทุนจำนวนมากต่างรู้สึกว่าตัวเอง มี ไอแซก นิวตัน ขนาดย่อส่วนอยู่ในตัว เราต่างคิดว่าตัวเองเหนือกว่าค่าเฉลี่ย
- ตลาดไม่อาจอธิบายได้ด้วยสมการเชิงเส้น สูตรคณิตศาสตร์ ส่วนใหญ่มักจะล้มเหลวในท้ายที่สุด บางครั้งมันอาจไม่เคยใช้การได้เลยด้วยซ้ำ
- จอห์น เมริเวเทอร์ จบคณิตศาสตร์วิศวกรรม ช่วงแรกกำไรมหาศาล มีชื่อเสียง - เปิดเผยกลยุทธ์ให้โลกรู้ - ถูกดักทาง - ขาดทุน - กู้เงินมาเทรด - ขาดทุน $1990 ล้าน
- ถ้าเป็นเรื่องของตลาดแล้ว สติปัญญาบวกกับความมั่นใจในตัวเองเกินเหตุ ถือเป็นสูตรสำเร็จของหายนะ
5/ แจ็ก โบเกิล
- การลงทุน เปรียบเสมือนการเดินทางไกล บ่อยครั้งมันต้องใช้เวลาทั้งชีวิต บนเส้นทางมีทั้งความสำเร็จ, ความล้มเหลว, ความฝัน, ความหวัง และเรื่องราวอื่น ๆ
- เริ่มต้นกองทุนเวลลิงตันสำเร็จพอร์ตโตมหาศาล - ขาลง(เพราะกลยุทธ์ไม่เวิร์ค) - ควบรวม - ไม่ฟื้น - ไล่ออก
- เรียนรู้ความผิดพลาด พัฒนาให้ดีกว่าเดิม - เริ่มกองทุนใหม่ และก็สำเร็จ/ยิ่งใหญ่มากกว่าเดิม
- สิ่งสำคัญคือการค้นให้พบระเบียบวิธีที่คุณใช้แล้วสบายใจ แต่ระเบียบวิธีหมายถึงสิ่งที่กระทำซ้ำได้ /สิ่งที่ต้องมีกระบวนการ / ตลาดหุ้นมีเรื่องคาดไม่ถึงมากเกินกว่าที่คุณจะลงทุนโดยการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปเรื่อยๆแบบไร้กลยุทธ์
- การลงทุนคือการเดินทางค้นหาตัวเองและต้องใช้เวลายาวนานตลอดชีวิต ถ้าคุณยังตัดสินใจไม่ได้ก็จงเดินหน้าค้นหาต่อไป
6/ ไมเคิล สไตน์ฮาดต์ คือหนึ่งในไม่กี่คนที่เกิดมาพร้อมความสามารถในการเลือกหุ้นที่แม่นยำ ตั้งแต่เด็ก
- นักลงทุนที่จำกัดตัวเองให้ลงทุนเฉพาะสิ่งที่ตัวเองรู้จักแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ทำยากยิ่งแต่เขาก็จะได้เปรียบเหนือคนอื่นๆหลายขุม เซท คลาร์แมน
- ตั้งเฮดจ์ฟันด์ พอร์ตโตมหาศาล - เป็นคนก้าวร้าว ดุดัน คุมอารมณ์ตนเองไม่ได้ / เผด็จการ - ใช้เทคนิคเทรดเร็ว แต่เพราะทุนใหญ่มาก จึงต้องไปหาเทรดตลาดที่ไร้ความเชี่ยวชาญ - ทำได้ดี แต่ว่า กฎเกณฑ์การเงินเปลี่ยน (ปรับดอกเบี้ย) ขาดทุน $800M ใน 4 วัน - หมดใจ เกษียณ
- ถ้าคุณเล่นเกมที่คนอื่นๆมีทักษะ แต่คุณไม่มี รับรองว่าคุณแพ้แน่นอน ชาลี มังเกอร์
- ถ้าคุณกำลังจะเริ่มลงทุนในหลักทรัพย์ที่ไม่ค่อยรู้จักจงใช้เวลาศึกษาอย่างละเอียดลงทุนก้อนแรกด้วยเงินจำนวนน้อยและจำกัดผลขาดทุนเพื่อถนอมแรงไว้สู้ในวันข้างหน้า
7/ เจอรี่ ไช่; คุณอาจไม่ได้ฉลาดอย่างที่คุณคิด
- อย่าสับสนระหว่างความฉลาดกับตลาดขาขึ้น ฮัมฟรีย์ บี นีลล์ คนเรามักเข้าใจผิดว่าตัวเองมีความสามารถในการเลือกหุ้นที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยทั้งที่ความจริงภาวะตลาดทำให้หุ้นทุกตัวราคาขึ้น
- เจอรี่ ไช่; เป็นผู้บริหารเงินคนดัง ฟิเดลลิตี แคพิทอล ฟันด์ เขาซื้อขายหุ้นจำนวนมากเข้าและออกด้วยความรวดเร็วทั้งตัวนั้นขึ้นเร็วกว่าตลาดเขาจะเข้าซื้อเมื่อกระแสเริ่มตกเขาจะขายแล้วไปหาหุ้นตัวใหม่
- พอร์ตโต ผลตอบแทน 296% - ตั้งแมนแฮตตันฟันด์ กำไรหุ้นในช่วงตลาดขาขึ้นคึกคะนอง - ตลาดพลิกกลับ ยังไม่รู้ตัว ยิ่งเทรดยิ่งขาดทุน - ขายบริษัททิ้ง
8/ วอร์เรน บัฟเฟตต์ โปรดระมัดระวังความมั่นใจที่เกินพอดี
- ไม่ใช่สิ่งที่คุณไม่รู้หรอกที่ทำให้คุณตกที่นั่งลำบาก
แต่เป็นสิ่งที่คุณรู้ดีแต่ว่าไม่เป็นไปตามคาดต่างหาก
มาร์ก ทเวน
- ความมั่นใจที่เกินพอดีฝังแน่นอยู่ใน DNA ของเรา แม้ว่าเราจะตระหนักว่ามีมันอยู่ แต่การป้องกันตัวเองไม่ให้ถูกสิ่งนี้ครอบงำ ก็เป็นเรื่องที่ยากยิ่ง
- พลาดซื้อหุ้นบริษัทเด็กซ์เตอร์ มองข้ามความสามารถในการแข่งขันระยะยาวของธุรกิจแต่กลับให้ความสำคัญเพียงราคาซื้อที่คิดว่าน่าดึงดูดใจ
- วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันความมั่นใจเกินพอดีเวลาลงทุนเพื่อเก็งกำไรก็คือต้องวางแผนล่วงหน้า ควรตั้งเกณฑ์ที่ช่วยบอกได้ว่าคุณกำลังพลาด เช่น กำหนดเป็นระดับราคามูลค่าความเสียหาย หรือเปอร์เซ็นต์ที่ขาดทุน การตัดสินใจล่วงหน้าโดยเฉพาะตัดสินใจยอมรับความพ่ายแพ้ คือสิ่งที่ช่วยให้สามารถเอาชนะอุปสรรคสำคัญที่สุดสำหรับการลงทุน
6/ ไมเคิล สไตน์ฮาดต์ คือหนึ่งในไม่กี่คนที่เกิดมาพร้อมความสามารถในการเลือกหุ้นที่แม่นยำ ตั้งแต่เด็ก
- นักลงทุนที่จำกัดตัวเองให้ลงทุนเฉพาะสิ่งที่ตัวเองรู้จักแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ทำยากยิ่งแต่เขาก็จะได้เปรียบเหนือคนอื่นๆหลายขุม เซท คลาร์แมน
- ตั้งเฮดจ์ฟันด์ พอร์ตโตมหาศาล - เป็นคนก้าวร้าว ดุดัน คุมอารมณ์ตนเองไม่ได้ / เผด็จการ - ใช้เทคนิคเทรดเร็ว แต่เพราะทุนใหญ่มาก จึงต้องไปหาเทรดตลาดที่ไร้ความเชี่ยวชาญ - ทำได้ดี แต่ว่า กฎเกณฑ์การเงินเปลี่ยน (ปรับดอกเบี้ย) ขาดทุน $800M ใน 4 วัน - หมดใจ เกษียณ
- ถ้าคุณเล่นเกมที่คนอื่นๆมีทักษะ แต่คุณไม่มี รับรองว่าคุณแพ้แน่นอน ชาลี มังเกอร์
- ถ้าคุณกำลังจะเริ่มลงทุนในหลักทรัพย์ที่ไม่ค่อยรู้จักจงใช้เวลาศึกษาอย่างละเอียดลงทุนก้อนแรกด้วยเงินจำนวนน้อยและจำกัดผลขาดทุนเพื่อถนอมแรงไว้สู้ในวันข้างหน้า
7/ เจอรี่ ไช่; คุณอาจไม่ได้ฉลาดอย่างที่คุณคิด
- อย่าสับสนระหว่างความฉลาดกับตลาดขาขึ้น ฮัมฟรีย์ บี นีลล์ คนเรามักเข้าใจผิดว่าตัวเองมีความสามารถในการเลือกหุ้นที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยทั้งที่ความจริงภาวะตลาดทำให้หุ้นทุกตัวราคาขึ้น
- เจอรี่ ไช่; เป็นผู้บริหารเงินคนดัง ฟิเดลลิตี แคพิทอล ฟันด์ เขาซื้อขายหุ้นจำนวนมากเข้าและออกด้วยความรวดเร็วทั้งตัวนั้นขึ้นเร็วกว่าตลาดเขาจะเข้าซื้อเมื่อกระแสเริ่มตกเขาจะขายแล้วไปหาหุ้นตัวใหม่
- พอร์ตโต ผลตอบแทน 296% - ตั้งแมนแฮตตันฟันด์ กำไรหุ้นในช่วงตลาดขาขึ้นคึกคะนอง - ตลาดพลิกกลับ ยังไม่รู้ตัว ยิ่งเทรดยิ่งขาดทุน - ขายบริษัททิ้ง
8/ วอร์เรน บัฟเฟตต์ โปรดระมัดระวังความมั่นใจที่เกินพอดี
- ไม่ใช่สิ่งที่คุณไม่รู้หรอกที่ทำให้คุณตกที่นั่งลำบาก
แต่เป็นสิ่งที่คุณรู้ดีแต่ว่าไม่เป็นไปตามคาดต่างหาก
มาร์ก ทเวน
- ความมั่นใจที่เกินพอดีฝังแน่นอยู่ใน DNA ของเรา แม้ว่าเราจะตระหนักว่ามีมันอยู่ แต่การป้องกันตัวเองไม่ให้ถูกสิ่งนี้ครอบงำ ก็เป็นเรื่องที่ยากยิ่ง
- พลาดซื้อหุ้นบริษัทเด็กซ์เตอร์ มองข้ามความสามารถในการแข่งขันระยะยาวของธุรกิจแต่กลับให้ความสำคัญเพียงราคาซื้อที่คิดว่าน่าดึงดูดใจ
- วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันความมั่นใจเกินพอดีเวลาลงทุนเพื่อเก็งกำไรก็คือต้องวางแผนล่วงหน้า ควรตั้งเกณฑ์ที่ช่วยบอกได้ว่าคุณกำลังพลาด เช่น กำหนดเป็นระดับราคามูลค่าความเสียหาย หรือเปอร์เซ็นต์ที่ขาดทุน การตัดสินใจล่วงหน้าโดยเฉพาะตัดสินใจยอมรับความพ่ายแพ้ คือสิ่งที่ช่วยให้สามารถเอาชนะอุปสรรคสำคัญที่สุดสำหรับการลงทุน
9/ บิลล์ แอ็กแมน
- สาเหตุสำคัญที่สุดที่นักลงมุนไม่อาจทำกำไรในตลาดได้ก็คือ คนเหล่านี้ขาดสามารถในการประมวลข้อมูลที่ขัดแย้งกับัตตาของตนเอง
- บิลล์ แอ็กแมน เริ่มต้นอาชีพ สำเร็จอย่างรวดเร็ว ด้วยการลงทุนแบบเน้นคุณค่า ซื้อหุ้นต่ำกว่ามูลค่า จาก 3 ล้าน โตเป็น 568 ล้านดอลล่าร์
- มั่นใจเกินเหตุ ไม่มีวินัยเหมือนเคย กะจังหวะพลาด ไม่กระจายความเสี่ยง
- ปิดกองทุน
- เปิดกองทุนใหม่ ด้วยกลยุทธ์ที่ดีขึ้น ไม่ซื้อหุ้นต่ำมูลค่าทิ้งรออีกต่อไป เขาลงทุนแบบดุดัน/ก้าวร้าวมากขึ้น ด้วยการกดดันผู้บริหารให้ทำในสิ่งที่เพิ่มมูลค่าหุ้น อาทิ เวนดี้ส์ แมคโดนัล ทาร์เกต เซียรส์ เจซี เพนนีส์ ได้กำไรมหาศาล 1400 ล้านดอลล่าร์
- โจมตี รวบรวมข้อมูล เฮอร์บาไลฟ์ ว่าเป็นแชร์ลูกโซ่ จะถล่มให้มูลค่าเป็นศูนย์ ทุ่มชอร์ต แต่ราคาไม่ร่วง กลับพุ่งสูงกว่าเดิม 70% เจ๊ง
10/ สแตนลี ดรักเคนมิลเลอร์ /บทเรียนราคาแพง อาจเป็นสิ่งจำเป็น
- ความกลัวและความโลภทำให้เราตอบสนองได้ไม่ดีนักเมื่ออยู่ในภาวะตื่นตระหนกตลาดหุ้นมีชื่อฉาวโฉ่ในการสะกิดนักลงทุนให้ทำเรื่องโง่ๆโดยสมัครใจ
- ลงทุนชนะมาโดยตลอด กำไรมหาศาล แต่มาตกม้าตาย ขาดทุนยับเยิน เพียงเพราะอิจฉาเด็กรุ่นใหม่ ที่ได้กำไรหุ้นเทคโนโลยี(ดอทคอม) จึงเข้าซื้อตาม ที่ยอดดอยพอดี ฟองสบู่แตก ขาดทุนยับเยิน
- เขาทนไม่ไหวที่ควอนตัมจะต้องนั่งดูเด็กใหม่รายชื่อเสียงสร้างผลตอบแทนมูลค่ามหาศาล
- บางทีเราทุกคนอาจต้องยอมปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นสักครั้งสองครั้งบางเรื่องเป็นสิ่งที่สอนกันไม่ได้มันจำเป็นต้องเรียนรู้ด้วยความเจ็บปวดแม้ว่าเหตุการณ์นั้นจะไม่ได้ทำให้เรารู้อะไรเพิ่มขึ้นก็ตาม
11/ ซีคัวยา ความเสี่ยงจากการลงทุนแบบกระจุกตัว
- ซีคัวยา ลงทุนแบบเน้นคุณค่า สไตล์บัฟเฟตต์
- เจ๊งเพราะไปลงทุนหุ้น วาเลียนต์ บริษัทยา ที่ตกแต่งบัญชี แม้ราคาลงหนักก็ยังคงมั่นใจซื้อถัวเฉลี่ย แถมเป็นแบคอัพสนับสนุนผู้บริหาร แต่ในที่สุดก็ยอมแพ้ ขายขาดทุน มูลค่ากองทุนหายไปกว่า 90%
- การกระจายความเสี่ยงเป็นเรื่องที่ทั้งช้าและน่าเบื่อส่วนการลงทุนแบบกระจุกตัวนั้นทั้งสนุกและน่าตื่นเต้นแต่ถ้าคุณมามองหาเรื่องสนุกและตื่นเต้นในตลาดหุ้นคุณก็อาจต้องจ่ายต้นทุนราคาแพง
12/ จอห์น เมย์นาร์ด เคน
- ทำเงินได้มหาศาลจากค่าลิขสิทธิ์หนังสือและการบรรยายที่ต่างๆจึงเอาเงินมาเก็งกำไรสกุลเงินตามความรู้ด้านกลไกทางเศรษฐศาสตร์
- แต่ด้วยเพราะเป็นการเก็งกำไรระยะสั้นและก็สภาวะเศรษฐกิจที่มันผันผวนมากทำให้เขาขาดทุนย่อยยับ
- ย้ายไปเก็งกำไรสินค้าโภคภัณฑ์ระยะสั้นโดยประยุกต์วิธีมองภาพใหญ่เหมือนธรวิเคราะห์ค่าเงินก็ขาดทุนยับเยินอีกเช่นกัน
- เปลี่ยนแนวทางสู่วงการลงทุนแบบเน้นคุณค่าซื้อแล้วถือระยะยาวไม่สนใจการผันผวนกลับมาทำกำไรให้กองทุนเติบโตถึง 869 เปอร์เซ็นต์
- ที่บรรลุผลกำไรที่ได้เพราะหยุดพยายามเล่นเกมที่ไม่มีทางชนะอย่างการคิดให้เหนือกว่าคนอื่นๆในระยะสั้น
13/ จอห์น พอลสัน
- การถูกลอตเตอรี่เป็นเรื่องของดวงแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ส่วนการลงทุนที่ประสบความสำเร็จเกิดจากส่วนผสมระหว่างโชคกับความสามารถที่เหนือกว่าคนอื่น
- ตลาดหุ้นคือกาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในโลกและมีโอกาสทำเงินอยู่เต็มไปหมด
- การลงทุนคือเกมที่ขับเคี่ยวกันด้วยสมองแรงปรารถนาคนที่คุณต้องแข็งด้วยมีทรัพยากรแบบไร้ที่สิ้นสุดและเข้าถึงข้อมูลได้ไร้ขีดจำกัดดังนั้นถ้าคุณทำกำไรได้ก็มีแนวโน้มว่าจะเกิดจากโชคมากกว่าเกิดจากการเอาชนะคู่แข่งได้ด้วยทักษะที่เหนือกว่า
- พอลสัน ร่ำรวยจากการวางเดิมพันว่าฟองสบู่ในตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐจะแตก ความมั่งคั่งของเขาพุ่งเป็น 36,000 ล้านดอลลา ร์ส่งให้เขากลายเป็นเจ้าของเฮ็ดฟันที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลก
- เกิดความมั่นใจมากจึง หาเหยื่อทำเงินรายต่อไปคือทองคำทุ่มซื้อจัดหนักถึง 5 พันล้านดอลลาร์แต่ปรากฏว่าจากนั้นทองคำราคาร่วงลาว 30% ทำให้กองทุนของเขาขาดทุนติดลบและยังไม่ฟื้นตัวจบจนปัจจุบัน
14/ ชาลี มังเกอร์
- ไม่เคยแสดงความสนใจที่จะลงทุนในหุ้นโดดเด่นอย่าง อเมซอน netflix หรือ google เลย ทำให้ขาดทุนโอกาส
- วอร์เรนกับผมไม่ใช่อัจฉริยะ เราไม่สามารถปิดตาเล่นหมากรุกหรือเล่นเปียโนเพื่อหาเลี้ยงชีพ สาเหตุที่เราสร้างผลตอบแทนได้น่าประทับใจ ก็เพราะเรามีข้อได้เปรียบในการควบคุมอารมณ์หุนหันพลันแล่น สิ่งนี้มาช่วยทดแทนคะแนนไอคิวของเราที่ด้อยกว่าคนอื่น
- อย่าพยายามหลีกเลี่ยงผลขาดทุน เพราะมันเป็นไปไม่ได้ สิ่งที่ควรทำคือพยายามไม่ให้คนอยู่ในสถานะที่ต้องถูกบังคับให้ขาย
15/ คริส ซักกา จัดการกับความเสียดาย
- นักลงทุนไม่ได้อยู่กับปัจจุบันขณะเท่านั้น
แต่ยังแบกประสบการณ์ในอดีตไว้บนหลังด้วย
นี่เป็นเรื่องอันตราย เพราะมันทำให้เรานำปัจจุบันไปเปรียบเทียบกับอดีตอยู่บ่อยครั้ง ทั้งที่ไม่มีอะไรเทียบกันได้เลย การตัดสินใจแต่ละเรื่องโดยไม่ต้องสนใจอดีตเป็นเรื่องที่มีประโยชน์
- ซักกา ตั้งบริษัทร่วมลงทุน สำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ผลตอบแทน 250 เท่าของเงินต้น ลงทุนในอูเบอร์ อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ ฯลฯ
- ความผิดพลาด คือ ไม่ลงทุนในสแนปแชต โกโปร แอร์บีเอ็นบี
- วิธีที่ทำให้ความรู้สึกเสียดายในอนาคตมีน้อยที่สุด คือ เมื่อคุณได้กำไรหรือขาดทุนมหาศาล ก็คือการขายบางส่วนออกไป
- คนจำนวนมากมักมองว่าโลกมีแค่ 2 ทาง คือไม่ได้ทั้งหมดก็ เสียทั้งหมด แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น คนที่ยึดติดกับความคิดดังกล่าว สุดท้ายก็จะจมดิ่งอยู่ในความเสียดาย
16/ ไมเคิล แบตนิก (ผู้เขียน)
- เล่นหุ้นขาดทุน 12,000 ดอลลาร์ ทั้งที่ตลาดหุ้นในอเมริกาปรับตัวขึ้นไป 32 เปอร์เซ็นต์
- เล่นออปชั่น ก็ขาดทุน
- ใช้ห้องสมุดหาข้อมูลการลงทุน เพื่อหาทางเอาชนะ
- ยังคงเป็นผู้เชี่ยวชาญกำมะลอ แต่ก็ไม่ยอมแพ้
- ไม่เคยขาดทุนเกิน 1% ของมูลค่าทั้งหมดในบัญชี
- ถ้าคนมีภาระการเงินที่ต้องจ่ายในอีกไม่กี่เดือนหรือไม่กี่ปีข้างหน้าจงอย่าเอาเงินไปลงทุน
- ความผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการที่ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ ปีเตอร์ เบิร์นสตีน
- ตลาดไม่สนใจหรอกครับว่าเป้าหมายการลงทุนคืออะไร มันไม่สนใจว่าคุณกำลังจะเกษียณในอีก 5 ปีข้างหน้า หรือวันไหนที่คุณจะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก
แนะนำบทความรวมคลิป = คอร์สหุ้นออนไลน์
ชมฟรีครับ ที่ช่องยูทูปของ zyo
***********