นักเทรดคิดว่างานของพวกเขาคือการทำเงิน แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่!

Image
นักเทรดคิดว่างานของพวกเขาคือการทำเงิน แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่! แปลและขยายความจาก  https://x.com/markminervini/status/1850913591630680378 นักเทรดหลายคนมีความเชื่อผิด ๆ ว่า “งาน” หรือสิ่งที่พวกเขาต้องทำคือการทำกำไรให้ได้มากที่สุด ในความจริงแล้ว เป้าหมายของการเทรดคือการทำเงิน แต่งานจริง ๆ ของนักเทรดนั้นคือการปฏิบัติตามและดำเนินกลยุทธ์ที่ได้วางแผนไว้อย่างมีวินัยโดยไม่หลุดออกจากกรอบที่ตั้งไว้ ถ้าคุณสามารถยึดมั่นในกฎการเทรดของตัวเองอย่างต่อเนื่อง ผลลัพธ์ตามมาคือกำไรและความสำเร็จจะเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ เป้าหมาย vs งานจริงของนักเทรด - เป้าหมาย  คือการทำเงินและสร้างผลตอบแทน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนอยากได้ แต่สิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่คุณสามารถควบคุมได้โดยตรง - งานจริง  ของนักเทรดคือการใช้กลยุทธ์ที่มีโอกาสชนะให้ได้อย่างสม่ำเสมอและมีวินัย ยึดมั่นในแผนการเทรดที่ตั้งไว้ การทำตามกฎของตัวเองอย่างเคร่งครัดจะช่วยให้คุณจัดการกับความเสี่ยงและลดโอกาสขาดทุนได้ ทำไมวินัยจึงสำคัญในงานของนักเทรด การมีวินัยเป็นสิ่งที่ช่วยให้การเทรดมีความมั่นคงและปลอดภัยมากขึ้น การไม่มีวินัยในการเทรดจะทำให้นักเทรดเกิดการตัดสินใจที่ผิดพลาด

ความจริงเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค ที่นักเปิดคอร์สเก็บเงิน(อาจ)ไม่เคยบอกคุณ

ความจริงเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค ที่นักเปิดคอร์ส(อาจ)ไม่เคยบอกคุณ(หรือคุณไม่สนใจฟัง)

มือใหม่ต้องฟังหูไว้หู จะได้เอาตัวรอดในตลาดหุ้นได้



แนะนำบทความรวมคลิป = คอร์สหุ้นออนไลน์ 

ชมฟรีครับ ที่ช่องยูทูปของ zyo


***********


๑. เทคนิคอลมีอยู่ ๒ แบบ

แบบแรก ทำนายอนาคต โดยการใช้ pattern ณ ตอนนั้น เป็นเกณฑ์

แบบที่สอง ใช้การเคลื่อนไหวราคา/price action ณ ตอนนั้น เพื่อตัดสินใจซื้อ/ขาย โดยยึดหลักของ risk/reward ration และเกาะแนวโน้ม

๒. การวิเคราะห์ทางเทคนิค ไม่ใช่เรื่องเหนือธรรมชาติ หรือ แม่นยำ 100% เลย มันเป็นเพียงแค่แนวทางในการดู price action / pattern ณ ตอนนั้น เพื่อมองหาความน่าจะเป็นในอนาคต

๓. แนวรับ แนวต้าน จะมีนัยสำคัญใน trading range เท่านั้น เมื่อมันทะลุได้แล้ว มันก็ไม่มีนัยอีก เมื่อเป็นขาขึ้นจะไม่มีแนวต้านไหนแข็งแกร่งยืนยง เมื่อเป็นขาลงก็ไม่มีแนวรับไหนที่แข็งแกร่งยืนนาน

๔. แนวรับ/แนวต้านสามารถเปลี่ยนจากแนวนอนเป็นแนวตั้งได้ ถ้ามีการใช้ร่วมกับ เส้นค่าเฉลี่ย หรือ trend line

๕. เส้นค่าเฉลี่ยสามารถใช้ดี(เป็นแนวรับ/แนวต้าน)ในตอนที่ตลาดมีแนวโน้ม แต่จะไม่ได้ผลในยามที่ตลาดไร้แนวโน้ม หรือ ตลาดแกว่งรุนแรง high volatility

๖. หากคุณเป็นคนที่หลงเชื่อสตอรี่ของหุ้นมากเกินไป หรือ กลัว/กล้ามากเกินไป ความเชื่อนี้จะเป็นเชื้อให้คุณมองกราฟหุ้นด้วยอคติ คือ มองในสิ่งที่ตัวเองอยากจะเห็น/สนับสนุนความเชื่อของตนเอง

๗. Overbought กับ oversold indicators จะใช้ไม่ได้ในยามที่ตลาดเกิดการ panic buy / sell เพราะมันจะเป็น super Overbought กับ oversold แทน

๘. การวิเคราะห์ทางเทคนิค ไม่เหมือนกัน ในต่าง timeframe เพราะคุณจะเห็น pattern ที่แตกต่างกันจาก intra-day, daily, weekly, and monthly charts มันจึงเป็นเรื่องจำเป็นมากที่คุณจะต้องโฟกัสไปเทรดใน timeframe ที่คุณถนัดเท่านั้น

๙. ต้องมีความยืดหยุ่น ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค ถ้า price pattern หรือ แนวโน้มเปลี่ยน คุณต้องเปลี่ยนมุมมองในการตีความ/อ่านกราฟตาม

๑๐. 90% ของการวิเคราะห์ทางเทคนิค คือการมองหาว่าราคาจะวิ่งไปในทิศทางไหน เมื่อมัน breakout อีก 10% เป็นเรื่องของ narrative (การบรรยาย/หาเหตุผลมาสนับสนุน)

๑๑. หนังสือการวิเคราะห์ทางเทคนิค เป็นการเอาอดีตมาชี้ย้อนหลัง โดยการคัดกราฟที่สนับสนุนทฤษฎีนั้นมาให้ดู ใคร ๆ ก็เขียนได้ เม่าที่ยังไม่สำเร็จก็เขียนได้(แกะดำหนึ่งเดียวนั้นคือผมเอง)




ลิงค์นี้นะครับ https://www.zyo71.com/p/index.html

แนะนผลงานเขียนของผมที่เป็นรูปเล่มครับ

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

Setup เงินล้านของ Kristjan Kullamägi

จิตวิทยา การวิเคราะห์และใช้งาน แท่งเทียน Doji

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่