การบริหารความเสี่ยง: ไม่ใช่แค่การตั้ง Stop Loss แบบเดาสุ่ม

Image
การบริหารความเสี่ยง: ไม่ใช่แค่การตั้ง Stop Loss แบบเดาสุ่ม แปลจาก https://x.com/NickSchmidt_/status/1870997680513544635?t=v5ED4IJCHVAJTwaAGY3IqQ&s=19 หลายคนเข้าใจผิดว่า การตั้ง Stop Loss เป็นเพียงการกำหนดเปอร์เซ็นต์ขาดทุนแบบสุ่มเพื่อป้องกันความเสียหาย แต่ความจริงแล้ว การตั้ง Stop Loss ที่ถูกต้องต้องมีเหตุผลที่สอดคล้องกับโครงสร้างและแผนการเทรดของคุณ eBook "Risk Management: การบริหารจัดการความเสี่ยงเบื้องต้นสำหรับนักเทรด" มีจำหน่ายที่แอพ Meb เท่านั้น  https://www.mebmarket.com/?action=book_details&book_id=332340 สิ่งที่นักเทรดมือใหม่ควรรู้เกี่ยวกับ Stop Loss 1. Stop Loss ควรมีเหตุผล ไม่ใช่แค่เปอร์เซ็นต ตัวอย่าง: คุณอาจใช้กฎ 7% เป็นขีดจำกัดการขาดทุน แต่ไม่ใช่ว่าแค่ซื้อหุ้นแล้วตั้ง Stop Loss ไว้ที่ 7% โดยไม่มีการพิจารณาโครงสร้างของหุ้น นั่นไม่ใช่การบริหารความเสี่ยงที่ดี 2. Stop Loss ต้องเข้ากับลักษณะของการเทรด หุ้นที่ยังแข็งแรง: บางครั้งหุ้นอาจปรับฐาน 10% แต่ยังคงแนวโน้มที่แข็งแรงและโครงสร้างไม่เสียหาย ถ้า Stop Loss ของคุณตั้งไว้ต่ำเกินไป เช่น 7% โดยไม่สอดคล้องกับธรรมชาติ...

26 บทเรียนจาก Unknown Market Wizards

 

26 บทเรียนจาก Unknown Market Wizards

๑. หนทางสู่ความสำเร็จไม่ได้มีแค่ทางเดียว

๒. คุณต้องหาสูตรสำเร็จทำเงินของตนเองให้เจอ

เอาที่เหมาะสมกับบุคลิกของตนเอง

๓. คุณต้องรู้จัก แต้มต่อ edge ของตนเอง

๔. Risk management สำคัญที่สุด

๕. อารมณ์ของมนุษย์ คือศัตรูตัวร้ายของนักเทรด

๖. ต้องมีบันทึกการเทรด รีวิวผลงานของตนเอง

๗. บริหาร Position sizing ให้เป็น อย่าน้อย/มากเกิน

๘. กำหนดจุดตัดขาดทุน/จุดออก ก่อนเข้าเทรด

ถ้าขาดทุน 5% ขายออกครึ่ง

8% ขายออกหมด

ถ้า drawdown ถึง 15% ให้หยุดเทรด

๙. อย่าลงเดิมพันสูงเกินไป มันจะสร้างความกลัว และการตัดสินใจที่แย่

๑๐. ถ้าคุณเริ่มมีความหวังให้ราคากลับมาเท่าทุน ให้ขายออกไปซะ มันสื่อว่าคุณขาดความเชื่อมั่น

๑๑. จงเทรดด้วยกลยุทธ์และการตัดสินใจของตนเอง

๑๒. ป้องกันตนเองจากการเทรดแบบหุนหันพลันแล่น

๑๓. การเทรดที่ได้แรงจูงใจจากความโลภมักจะลงเอยไม่สวย จงยึดมั่นในกระบวนการ

๑๔. อย่าปล่อยให้ตัวเองถูกบีบบังคับให้ต้องเทรดเพื่อชนะ เพื่อเอากำไรคืนโดยไว (ความอยากแก้แค้น) มันจะทำให้คุณจบไม่สวย (มือใหม่มักโดน)

๑๕. ความเสียหายหนักจากการเทรดนั้น มักจะไม่ได้มาจากการเทรดที่ไม่ดี แต่มันมาจากการขาดทุนกำไร (เพราะคุณอยากแก้แค้นเอาคืนที่ขาดทุน)

๑๖. อย่ารีบขายหุ้นออก เมื่อราคาถึงเป้า ให้แบ่งขาย แล้วยก trailing stop ตาม ทำแบบนี้จะช่วยให้คุณได้กำไรเพิ่มมากขึ้น ก้อนโตกว่าเดิม ในระยะยาว

๑๗. ราคาหุ้นที่วิ่งแบบ parabolic มักจะจบรอบเฉียบพลัน ถ้าเจอ ให้ทยอยแย่งขาย แบบ selling into strength

๑๘. หลังที่คุณได้กำไรก่อนใหญ่ ให้เทรดแบบระมัดระวังมากกว่าเดิม ป้องกันตนเองจากความมั่นใจเกินไป จนกลายเป็นประมาท หละหลวมในการบริหารความเสี่ยง

๑๙. นักเทรดที่ประสบความสำเร็จจะมีความยืดหยุ่น ต่อความเคลื่อนไหวของตลาด ปรับมุมมองตาม ไม่ดื้อตาใส ถ้ารู้ตัวว่าคิดผิด เขาจะขายทิ้งทันที

๒๐. ถ้าขาดทุนติดต่อกัน ทำอะไรก็ผิด ให้ปิดจอ ออกไปทำกิจกรรมอื่น ออกกำลังกาย เที่ยวธรรมชาติจะดีกว่า

๒๑. อีโก้ ความต้องการพิสูจน์ตนเองว่าคิดถูก เป็นอันตรายต่อ ประสิทธิภาพการเทรดมาก การเทรดไม่ใช่การพิสูจน์ตนเอง แต่เป็นการทำธุรกิจ

๒๒. โอกาสทางการเทรดมีไม่สม่ำเสมอหรอก นักเทรดผู้แพ้ส่วนใหญ่ มักต้องการทำกำไรให้ได้ทุกวัน  มีเป้าหมายในการทำเงินให้ได้ทุกเดือน จึงพยายามจะทำเงินให้ได้ตลอดเวลา แทนที่จะได้เงิน เข้ามาสม่ำเสมอ ก็กลายเป็น คืนกำไรกลับไปให้ตลาดในยามที่มันไม่ให้เงิน (เสียแรง เสียเวลาเปล่า)

๒๓. นักเทรดที่เก่ง ๆ จะทำงานหนัก ทำงานจริงจัง ทำมากกว่าคนอื่น โดยไม่มีข้ออ้าง

๒๔. นักเทรดที่ประสบความสำเร็จ จะมีความรับผิดชอบต่อความผิดพลาด การขาดทุนของตนเอง 

๒๕. ตลาดมักจะให้รางวัลกับนักเทรดที่มีความอดทน อดทนรอการเทรดที่ถูกต้อง ทนอยู่กับการเทรดที่ดี

๒๖. สภาพจิตใจของคุณ state of mind เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดต่อการเทรดที่ประสบความสำเร็จ จงเตรียมความพร้อมสำหรับการเทรดที่แย่ ฝึกหายใจให้ถูกต้อง ทำสมาธิ หากรู้ว่าสภาพจิตใจไม่พร้อมต่อการตัดสินใจที่ดี อย่าเทรด






7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

แชร์วิธีการหารายได้จากการช่วยขาย ebook ที่ mebmarket.com

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ