จากหนังสือ Think & Trade Like a Champion: The Secrets, Rules & Blunt Truths of a Stock Market Wizard
ให้ความเสี่ยงมาก่อน ด้วยการวางแผนไว้ก่อน
๑) ระดับเริ่มขายเพื่อหยุดการขาดทุน
เมื่อราคาลงไปหลุดระดับนี้ต้องขายออกอย่างไม่มีข้อยกเว้น ขายออกไปให้หมด
เมื่อไม่มีหุ้น หัวของคุณจะโล่ง
โดยระดับที่ว่านี้ ไม่จำเป็นต้องขาดทุนตลอดนะ คือตอนที่ราคาวิ่งขึ้น ถ้าคุณมี trailing stop ยกตามไป ก็สามารถขายเพื่อล็อกกำไรออกมาก่อนได้ โดยที่ไม่ต้องรอวัดใจตอนขาดทุน(อันนี้ทำยาก เพราะเราอยากต่อราคา ต่อไปต่อมาโน่นได้ขายตัดขาดทุนทุกที)
๒) เกณฑ์การซื้อคืน
หุ้นบางตัวย่อแรงเพราะตลาดตกใจ แต่หลังจากนั้นมันก็พักตัวได้สวย น่าดึงดูดให้ซื้อคืน ซึ่งการสร้างฐานครั้งที่สองมักจะน่าเชื่อถือและแข็งกว่าครั้งแรก(ถ้ายืนได้ เวลาดีดจะไปแรง) เพราะมันได้เขย่าคนใจฝ่อออกไปอีกจำนวนมากนั่นเอง
พี่มาร์คแนะนำว่า หลังจากขายอกแล้วก็อย่าทิ้งไปเลย รอดูการสร้างฐานของมัน ถ้ามันทำดีก็ต้องเข้าใหม่อีกครั้ง บางทีแกต้องเข้าๆออกสองสามรอบกว่าจะได้กำไร แต่ต้องทำ (ถ้าหุ้นตัวนั้นมีพื้นฐานดีจริงๆนะ) เพราะนี่คือความเป็นมืออาชีพ
๓) ขายเมื่อมีกำไร (Take Profit)
เมื่อหุ้นที่คุณซื้อมันวิ่งทำกำไรให้คุณอย่างน่าพอใจ อาทิ วิ่งไปได้เท่าตัวจากเปอร์เซ็นต์ stop loss
สมมติว่า คุณตั้งไว้ที่ 7%หากคุณมีกำไรถึง 20% แล้วไม่ควรปล่อยให้กำไรกลายเป็นขาดทุน อย่างน้อยก็ต้องยกระดับตัดขาดทุนมาอยู่ที่จุดคุ้มทุนไว้ก่อน หรือไม่ก็ใช้ trailing stop เป็นตัวช่วยล็อกกำไร คุณอาจรู้สึกโง่เมากที่ต้องขายทำกำไรเล็กน้อยที่ trailing stop เมื่อเทียบกับจุดสูงสุด หรือต้องขายที่ระดับคุ้มทุน
แต่ผมบอกเลยว่าคุณจะรู้สึกแย่กว่านั้นถ้าคุณปล่อยให้ผลกำไรที่ดีกลายเป็นต้องขายตัดขาดทุน
๔) แผนพิบัติภัย ที่อาจกลายเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของคุณ
การวางแผนฉุกเฉิน เกี่ยวข้องกับปัญหาเช่นว่าจะทำอย่างไรถ้า...
- การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตล่มหรือไฟฟ้าขัดข้อง คุณมีแผนสำรองบ้างหรือเปล่า?
- หรือการตอบสนองของคุณจะเป็นอย่างไรถ้าคุณตื่นขึ้นในวันพรุ่งนี้ ตอนเช้าและรู้ว่าสต็อกที่คุณซื้อเมื่อวานนี้มันเปิด gap ลง เนื่องจาก บริษัทนั้นกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบโดยบริษัทหลักทรัพย์ว่ามีปัญหาทุจริต คุณจะทำยังไงกับมันบ้าง?