นักเทรดคิดว่างานของพวกเขาคือการทำเงิน แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่!

Image
นักเทรดคิดว่างานของพวกเขาคือการทำเงิน แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่! แปลและขยายความจาก  https://x.com/markminervini/status/1850913591630680378 นักเทรดหลายคนมีความเชื่อผิด ๆ ว่า “งาน” หรือสิ่งที่พวกเขาต้องทำคือการทำกำไรให้ได้มากที่สุด ในความจริงแล้ว เป้าหมายของการเทรดคือการทำเงิน แต่งานจริง ๆ ของนักเทรดนั้นคือการปฏิบัติตามและดำเนินกลยุทธ์ที่ได้วางแผนไว้อย่างมีวินัยโดยไม่หลุดออกจากกรอบที่ตั้งไว้ ถ้าคุณสามารถยึดมั่นในกฎการเทรดของตัวเองอย่างต่อเนื่อง ผลลัพธ์ตามมาคือกำไรและความสำเร็จจะเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ เป้าหมาย vs งานจริงของนักเทรด - เป้าหมาย  คือการทำเงินและสร้างผลตอบแทน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนอยากได้ แต่สิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่คุณสามารถควบคุมได้โดยตรง - งานจริง  ของนักเทรดคือการใช้กลยุทธ์ที่มีโอกาสชนะให้ได้อย่างสม่ำเสมอและมีวินัย ยึดมั่นในแผนการเทรดที่ตั้งไว้ การทำตามกฎของตัวเองอย่างเคร่งครัดจะช่วยให้คุณจัดการกับความเสี่ยงและลดโอกาสขาดทุนได้ ทำไมวินัยจึงสำคัญในงานของนักเทรด การมีวินัยเป็นสิ่งที่ช่วยให้การเทรดมีความมั่นคงและปลอดภัยมากขึ้น การไม่มีวินัยในการเทรดจะทำให้นักเทรดเกิดการตัดสินใจที่ผิดพลาด

สรุปหนังสือ จูบกบตัวนั้นซะ แนวทางปลดปล่อยตัวเอง เพื่อเป็นคนใหม่ที่แท้จริง รับปีใหม่


.
"ไม่สำคัญว่าคุณจะมาที่ไหน แต่สำคัญว่า #คุณจะไปที่ใด ต่างหาก"
.
"สิ่งเดียวในจักรวาลที่เราควบคุมได้คือ #ความคิดของคุณตัวเอง"
.
"เมื่อมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดกับชีวิตคุณ
สิ่งที่กำหนดว่าคุณจะมีความรู้สึกอย่างไรนั้น
ไม่ใช่ตัวเหตุการณ์เอง
แต่เป็น #วิธีที่คุณตอบสนองต่างหาก"
.
"คำพูดที่ทรงพลังมากที่สุด ในพจนานุกรมชีวิตของคุณคือ
#คำพูดที่คุณเชื่อและหยิบมาพูดกับตัวเองซ้ำๆ จงทำให้แน่ใจว่าคำพูดของคุณเป็นไปในแง่บวกและสร้างกำลังใจต่อตัวเอง"
.
"ฉันไม่เชื่อเรื่องโชคชะตาหรอก เพราะคนที่ประสบความสำเร็จบนโลกใบนี้ ล้วนลุกขึ้นมองโชคชะตาที่ตัวเองต้องการทั้งนั้น แต่ถ้าหาไม่เจอ #พวกเขาก็จะสร้างขึ้นมาเองเสียเลย"
.
.
โชคดีอีกแล้วครับ ที่ได้ฟัง audiobook ยอดเยี่ยมเล่มนี้ ประทับใจมากจนอยากบอกต่อให้พวกท่านได้ไปหาอ่านกัน หยุดยาวปีใหม่นี้ใครว่างจัด อยากหาแรงบันดาลใจให้ชีวิต เพื่อปีใหม่ที่แสนสดใสและเป็นมงคลแก่ตัว นี่คืออีกเล่มที่ผมแนะนำให้ลองอ่านครับ
.
ขณะฟังไปเรื่อยๆ ผมคิดว่าน่าจะเปลี่ยนชื่อมันเสียใหม่ว่า "แนวทางปลดปล่อยตัวเองเพื่อเป็นตัวคุณที่แท้จริง"
เพราะอะไร?
ขอแบ่งเนื้อหาออกเป็น ๒ ส่วน
ส่วนแรกคือ) เน้นย้ำให้สำนึกถึงความยิ่งใหญ่ของตัวคุณเอง (คุณคือเจ้าชาย/เจ้าหญิง)
อีกส่วนคือ) สลัดพันธนาการที่ฉุดให้ชีวิตคุณตกต่ำ (คำสาปให้คุณเป็นกบอัปลักษณ์)
.
.
#คุณคือเจ้าชาย/เจ้าหญิง
๑) เน้นย้ำให้สำนึกถึงความยิ่งใหญ่ของตัวเอง
นี่คือสิ่งที่ลุงไบรอัน เทรซี่ พยายามเน้นย้ำให้ผู้อ่านของเขารับรู้ว่า
- คุณเป็นคนดีที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง คุณมีคุณค่าเกินกว่าที่เครื่องมือใดๆจะวัดออกมาเป็นตัวเลขได้ ไม่มีใครที่จะดี หรือเปี่ยมพรสวรรค์ไปมากกว่าคุณ คนที่ประสบความสำเร็จล้วนระลึกรู้ว่าตัวเองเป็นคนสำคัญทั้งนั้น เมื่อเชื่อก็จะเป็น ก็จะได้ในสิ่งนั้น
- คุณมีศัยภาพอย่างไร้ขีดจำกัดที่จะสร้างโลกของคุณให้เป็นไปอย่างใจปรารถนา ซึ่งศักยภาพนี้-แม้จะเกิดใหม่อีกกี่ร้อยชาติ ก็ไม่มีได้แบบชาตินี้ สิ่งที่คุณทำได้ในวันนี้มันยังจ้อยมากเมื่อเทียบกับสิ่งที่คุณจะทำได้อีกในอนาคต ใช่คุณยังเก่งได้อีก ยีงมีศักยภาพเพิ่มได้อีก
- คุณมีอิสระในการเลือกคิด เพราะมันคือสิ่งเดียวที่คุณสามารถควบคุมมันได้ เลือกได้ว่าจะคิดอย่างมีความสุขและมีความหวัง ซึ่งจะปูทางไปยังผลลัพธ์ในแง่บวกต่อชีวิตคุณ
- คุณถูกส่งมายังโลกนี้ พร้อมโชคชะตาอันยิ่งใหญ่ คุณถูกกำหนดมาให้ทำสิ่งที่แสนวิเศษให้กับชีวิตของตัวเอง คุณมีพรสวรรค์ มีความสามารถ แนวคิด สติปัญญาที่หลอมรวมให้คุณมีรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร คุณจึงแตกต่างจากใครที่เคยมีชีวิตอยู่บนโลกนี้
- คุณถูกออกแบบมาให้ประสบความสำเร็จ และพบกับความยิ่งใหญ่ อย่างที่ไม่มีใครเหมือน
.
.
#คำสาปกบอัปลักษณ์
๒) สลัดพันธนาการที่ฉุดให้ชีวิตคุณตกต่ำ
ทุกคนล้วนมีความงดงามและยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่ในตัว อย่างที่บอกไว้ในข้อที่แล้ว แต่น่าเศร้าที่น้อยนักจะยอมรับ หรือคิดไม่ถึงว่าตัวเองมีศักยภาพที่สุดยอดซ่อนอยู่ รอแค่การปลดปล่อยเท่านั้น
.
ทำไมจึงเป็นแบบนี้?
ก็เพราะคนส่วนใหญ่สร้างโซ่ตรวนหรือกรงขัง ที่เป็นเหมือนคำสาป ให้ตัวเองดูด้อยค่าน่ะสิ มันคือความกลัว กังวล กังขา ความรู้สึกในแง่ลบ และความเชื่อผิดๆที่ฉุดรั้งไม่ให้คุณได้ดีและมีสุข นั่นเองครับ
.
ใช่ คุณนั่นแหละ คือศัตรูที่ยิ่งใหญ่ของตนเอง
"คุณคือสิ่งที่คุณเชื่อ ความเชื่อสร้างตัวคุณ"
น่าแปลกที่ในโลกนี้มีเรื่องดีๆในแง่บวกให้คนเราคิดตั้งมากมาย แต่ส่วนใหญ่กลับเลือกที่จะมองและจมปลักอยู่กับความคิดในแง่ลบ ดูถูกตัวเอง เหมือนกับโดนคำสาป ใช่ คุณกำลังสาปตัวเองให้กลายเป็นกบอัปลักษณ์
.
คำสาปคืออะไรบ้าง
#กังวลเกินเหตุ
ส่วนใหญ่แล้ว สิ่งที่คนเรากังวล มักจะไม่เกิดขึ้นหรอก แต่ไอ้ที่ไม่เคยคิดมักจะเกิดมาแทน
วิธีจัดการ ความกังวล
1) ทำความเข้าใจสถานการณ์
2) ระบุผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด
3) ยอมรับ ผลลัพธ์ แต่ อย่ายอมแพ้
4) เริ่มต้นแก้ไขเรื่องเลวร้าย
.
#กดตัวเองหรือตีค่าให้ดูต่ำเกินจริง
ลุงไบรอันบอกว่า ส่วนใหญ่แล้ว มักจะเป็นผลมาจากการเลี้ยงดูในวัยเด็ก การที่พ่อแม่เข้มงวดหรือลงโทษในแบบที่ผิดๆ เกิดความฝังใจ
- ทำให้เรากลัวการถูกปฏิเสธ
- ทำให้ไม่กล้าทำตามเสียงเรียกร้องของตัวเราเอง
- ทำให้อิจฉาความสำเร็จของคนอื่น
- ทำให้รู้สึกผิดอยู่ตลอดเวลา
- เกิดการเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น
- และสรุปว่าตัวเองด้อยกว่าใครๆ
แต่ก็นั่นแหละ การจะไปกล่าวโทษผู้ให้กำเนิด 100% ก็ออกจะขี้ขลาดและน่าสมเพชเกินไป เพราะพ่อแม่จะมีอิทธิพลต่อชีวิตคุณไม่เกิน 15 ปี หรอก ที่เหลือมันอยู่ในความรับผิดชอบของคุณล้วนๆ ดังนั้น เลิกโทษบุพการีผู้มีคุณซะตั้งแต่วันนี้ ให้หันมาแก้ไข และโปรแกรมความเชื่อของตนเองซะใหม่ ด้วยการ....
๑) ระบุสถานการณ์, ผู้คน ความทรงจำที่เลวร้าย ที่ทำให้เราติดในอารมณ์แง่ลบ
๒) ยอมรับว่าตัวเราเป็นคนดีอย่างแท้จริง และมีศักยภาพอย่างเต็มเปี่ยมที่จะได้ใช้ชีวิตที่แสนวิเศษ
๓) ตัดสินใจว่าเผชิญหน้ากับสถานะการณ์ในแง่ลบ และ กำจัดมันทิ้งไป
๔) ระบุปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้เกิดอารมณ์แง่ลบ และหมั่นพูดคำว่า "ฉันรับผิดชอบเอง" ซ้ำๆจนกลายเป็นนิสัยติดตัว
๕) ปฏิเสธการกล่าวโทษคนอื่น แต่จงยืดอกรับผิดชอบต่อทุกสิ่งที่คุณเคยเป็น และเป็นในวันนี้
๖) ยอมรับตัวเองอย่างไม่มีเงื่อนไข และสร้างความภาคภูมิใจต่อตนเอง โดยพูดซ้ำๆทุกวันว่า "ฉันชอบตัวเอง"
๗) ตัดสินใจ และระบุให้ชัดเจนว่าตัวเราเองคือใคร+ต้องการอะไร และคิดถึงมันตลอดเวลา จงหมกมุ่นลงมือทำตามความฝันอย่างจริงจัง เพราะมันจะทำให้เราไม่มีเวลาเหลือไปคิดถึงด้านลบ อันจะดึงตัวเองให้จิตตก
๘) ปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระ จากความรู้สึกผิด ปฏิเสธไม่ให้ใครเข้ามาบงการชีวิตของคุณด้วยการพยายามทำให้รู้สึกผิด และก็อย่าไปบงการใครด้วยวิธีนี้
๙) มองหาสิ่งดีๆในปัญหาทุกอย่าง ให้ทำใจเชื่อว่าในทุกปัญหามักจะมีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ
๑๐) เรียนรู้จากความล้มเหลว เพราะมันคือหนทางสู่ความสำเร็จ
๑๑) ปฏิบัติต่อทุกคนที่คุณพบราวกับว่าเขาเป็นคนสำคัญที่สุดในโลก
๑๒) จงเชื่อว่าคุณเป็นคนดีที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง
.
สมองเรามีจุดอ่อนอย่างหนึ่งคือ มันจะรับรู้ได้เพียงความรู้สึกเดียวในขณะเวลาหนึ่งๆ ดังนั้นเมื่อใดที่เรารู้สึกตัวว่าคิดลบ ให้รีบแทนที่ด้วยความรู้สึกบวกทันที ให้สมองหันเหไปในทางที่จะทำให้เราสดชื่นแทน
.
ลองหาอ่านและฟังเพิ่มดูครับ ที่ผมเขียนมานี่ แค่ยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น ทั้งที่หนังสือมีแค่ 150 หน้า แต่เนื้อหารายละเอียดเยอะมากครับ
ถ้าท่านได้อ่านจบแล้ว และเกิดความซาบซึ่ง เกิดความอยากปรับปรุงตัว
 รับรองว่าปีหน้าและปีต่อๆไป จะเป็นปีทองของคุณอย่างแน่นอน

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

Setup เงินล้านของ Kristjan Kullamägi

จิตวิทยา การวิเคราะห์และใช้งาน แท่งเทียน Doji

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่