การบริหารความเสี่ยง: ไม่ใช่แค่การตั้ง Stop Loss แบบเดาสุ่ม

Image
การบริหารความเสี่ยง: ไม่ใช่แค่การตั้ง Stop Loss แบบเดาสุ่ม แปลจาก https://x.com/NickSchmidt_/status/1870997680513544635?t=v5ED4IJCHVAJTwaAGY3IqQ&s=19 หลายคนเข้าใจผิดว่า การตั้ง Stop Loss เป็นเพียงการกำหนดเปอร์เซ็นต์ขาดทุนแบบสุ่มเพื่อป้องกันความเสียหาย แต่ความจริงแล้ว การตั้ง Stop Loss ที่ถูกต้องต้องมีเหตุผลที่สอดคล้องกับโครงสร้างและแผนการเทรดของคุณ eBook "Risk Management: การบริหารจัดการความเสี่ยงเบื้องต้นสำหรับนักเทรด" มีจำหน่ายที่แอพ Meb เท่านั้น  https://www.mebmarket.com/?action=book_details&book_id=332340 สิ่งที่นักเทรดมือใหม่ควรรู้เกี่ยวกับ Stop Loss 1. Stop Loss ควรมีเหตุผล ไม่ใช่แค่เปอร์เซ็นต ตัวอย่าง: คุณอาจใช้กฎ 7% เป็นขีดจำกัดการขาดทุน แต่ไม่ใช่ว่าแค่ซื้อหุ้นแล้วตั้ง Stop Loss ไว้ที่ 7% โดยไม่มีการพิจารณาโครงสร้างของหุ้น นั่นไม่ใช่การบริหารความเสี่ยงที่ดี 2. Stop Loss ต้องเข้ากับลักษณะของการเทรด หุ้นที่ยังแข็งแรง: บางครั้งหุ้นอาจปรับฐาน 10% แต่ยังคงแนวโน้มที่แข็งแรงและโครงสร้างไม่เสียหาย ถ้า Stop Loss ของคุณตั้งไว้ต่ำเกินไป เช่น 7% โดยไม่สอดคล้องกับธรรมชาติ...

คุณใช้ YouTube คุ้มค่าแล้วหรือยัง?

ยอมรับว่าผมเป็นหนี้บุญคุณของเว็บไซต์ YouTube เป็นอย่างมาก เพราะมันคือห้องสมุดของยุคนี้เลย

YouTube มีสรรพความรู้ทุกอย่างที่เราต้องการจะรู้ อยู่ในเว็บเดียวไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเล่นหุ้น, การทำอาชีพออนไลน์, อาชีพทั่วไป, การทำอาหาร, พัฒนาตนเองและองค์กร ฯลฯ มันมีทุกอย่างที่คนใฝ่รู้ต้องการจะรู้ มีคนทำเนื้อหารอให้เราเข้าไปดูมากมาย ไม่มีวันจบสิ้น มาจากทุกภาคส่วนของโลก

ผมว่าคนไทยเราใช้งานยูทูปเยอะจริง แต่ว่าใช้ดูละคร ดูรายการทีวี และฟังเพลงกันเป็นหลัก ซึ่งมันเป็นการใช้ประโยชน์แค่ไม่ถึง 10% ของ YouTube ที่มีด้วยซ้ำไป โดยเราใช้มันเพื่อฆ่าเวลากัน

ฆ่าเวลา = ฆ่าตัวตายอย่างช้าๆ

สำหรับคนที่ใฝ่เรียนนะครับ ผมว่า YouTube คืออาจารย์ที่สุดยอดที่สุด เขาไม่มีวันหลับ ไม่มีวันเหนื่อย แถมแสดงตัวออกมาสอนคุณแบบไม่ซ้ำหน้า คุณสามารถดูซ้ำฟังซ้ำกี่รอบก็ได้ โดยที่แทบทุกวันจะมีคนทำเนื้อหาใหม่ๆให้ท่านดูได้แบบไม่จบสิ้น

บางทีคุณไม่ต้องไปเสียเงินลงเรียนคอร์สเลย แค่คุณมีความเข้าใจภาษาอังกฤษ มันก็จะทำให้คุณได้พบกับความรู้ที่มหาศาล

ผมเองตอนแรกก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกครับภาษาอังกฤษ แต่พออยู่กับมันทุกวัน ฟังคลิปฝรั่งเขาพูดทุกวัน กลายเป็นว่าเมื่อเวลาผ่านไปหลายปี สมองผมเข้าใจภาษาอังกฤษได้มากขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่ 100% แต่ว่าเกินครึ่งก็พอจับใจความได้ ซึ่งบอกเลยว่ามันทำให้ผมเหมือนกับเป็นเสือติดปีกเลยครับ เพราะว่าความรู้ใน YouTube มันมหาศาลจริงๆ ผมเป็นเหมือนกับหนอนที่กินความรู้อย่างไม่รู้จักอิ่ม
โคตรมีความสุข

เพราะว่าองค์ความรู้ต่างๆของโลกนี้มันถูกถ่ายทอดออกมาเป็นภาษาอังกฤษกันทั้งนั้นเลยครับ ซึ่งใน YouTube มันจะมีทั้งการสัมภาษณ์คนเก่ง การสรุปหนังสือ สรุปแนวคิดของคนเก่ง แม้กระทั่งมีหนังสือเสียงหรือ audiobook ให้เราให้ฟังกันอย่างฟรีๆ

ยอมรับว่าผมเองก็ติด YouTube อย่างมาก ทุกวันทุกเวลาว่างต้องเปิด โดยเฉพาะ audiobook ในเรื่องของการพัฒนาตัวเอง การพัฒนาตัวเองวิธีคิด และทัศนคติของคนเก่งๆ มันมีมากมายเลย พอฟังคนนี้จบมันก็มีคลิปของเขาตัวอื่น หรือคลิปที่มันมีเนื้อหาคล้ายกันเรียงต่อรอให้เราดูต่อไปได้เลย
มันเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์มากครับ

ในยุคนี้ความรู้มันเรียนทันกันได้ครับ
เพราะว่ามันมีอินเตอร์เน็ต
ถ้าหากใครก็ตามยังมีข้ออ้างว่าไม่รู้จะไปเรียนที่ไหนผมว่าคนมีปัญหาเรื่องวิธีคิดแล้วล่ะ เพราะความรู้ทั้งหลายในโลกนี้มันมารอคุณอยู่ในมือถือ ซึ่งคุณสามารถเปิดดูมันตอนไหนก็ได้แม้กระทั่งจากห้องนอน, ห้องน้ำ หรือนั่งรถเมล์

ปัญหาก็คือคุณใช้ประโยชน์มันบ้างหรือเปล่า
คุณเห็นมันหรือเปล่าว่ามันมีอยู่จริง?

อย่าใช้ YouTube เพื่อฆ่าเวลาครับ
ลองใช้มันเพื่อสร้างมูลค่าให้กับตัวเองดูบ้าง

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

แชร์วิธีการหารายได้จากการช่วยขาย ebook ที่ mebmarket.com

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ