การบริหารความเสี่ยง: ไม่ใช่แค่การตั้ง Stop Loss แบบเดาสุ่ม

Image
การบริหารความเสี่ยง: ไม่ใช่แค่การตั้ง Stop Loss แบบเดาสุ่ม แปลจาก https://x.com/NickSchmidt_/status/1870997680513544635?t=v5ED4IJCHVAJTwaAGY3IqQ&s=19 หลายคนเข้าใจผิดว่า การตั้ง Stop Loss เป็นเพียงการกำหนดเปอร์เซ็นต์ขาดทุนแบบสุ่มเพื่อป้องกันความเสียหาย แต่ความจริงแล้ว การตั้ง Stop Loss ที่ถูกต้องต้องมีเหตุผลที่สอดคล้องกับโครงสร้างและแผนการเทรดของคุณ eBook "Risk Management: การบริหารจัดการความเสี่ยงเบื้องต้นสำหรับนักเทรด" มีจำหน่ายที่แอพ Meb เท่านั้น  https://www.mebmarket.com/?action=book_details&book_id=332340 สิ่งที่นักเทรดมือใหม่ควรรู้เกี่ยวกับ Stop Loss 1. Stop Loss ควรมีเหตุผล ไม่ใช่แค่เปอร์เซ็นต ตัวอย่าง: คุณอาจใช้กฎ 7% เป็นขีดจำกัดการขาดทุน แต่ไม่ใช่ว่าแค่ซื้อหุ้นแล้วตั้ง Stop Loss ไว้ที่ 7% โดยไม่มีการพิจารณาโครงสร้างของหุ้น นั่นไม่ใช่การบริหารความเสี่ยงที่ดี 2. Stop Loss ต้องเข้ากับลักษณะของการเทรด หุ้นที่ยังแข็งแรง: บางครั้งหุ้นอาจปรับฐาน 10% แต่ยังคงแนวโน้มที่แข็งแรงและโครงสร้างไม่เสียหาย ถ้า Stop Loss ของคุณตั้งไว้ต่ำเกินไป เช่น 7% โดยไม่สอดคล้องกับธรรมชาติ...

Q&A : มือใหม่ ระหว่าง Trading in the Zone กับ ความรู้หุ้น มูลค่า 1 ล้านบาท อ่านเล่มไหนดี?


มีคำถามเกี่ยวกับการเลือกซื้อหนังสือครับ
พอดีเขาอ่านบทความจาก zyo71 ที่เป็นการสรุปหนังสือ Trading in the zone
แล้วเพิ่งรู้ว่าผมก็มีหนังสือแนวจิตวิทยาการเทรด คือ "ความรู้หุ้น มูลค่า 1 ล้านบาท" ด้วย
จึงถามว่า ควรซื้อเล่มไหนมาอ่านดี?

คำตอบคือ ควรซื้อทั้งสองเล่มครับ
เพราะดีทั้งคู่

แต่แนะนำให้อ่านหนังสือ "ความรู้หุ้น มูลค่า 1 ล้านบาท" ก่อน
เพราะอะไร รู้มั้ยครับ?
Trading in the zone หรือ โซนแห่งเทรดเดอร์ อ่านยากมากครับ
ไม่ใช่ผมบ่นคนเดียวนะ ผมว่าคนอ่านเกิน 50% อ่านไม่รู้เรื่อง
เหตุผลไม่ใช่ว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ดีนะ ผมบอกไว้ก่อน
มันดี เพียงแต่ว่าสิ่งที่เขาสื่อ "มันไกลตัว" นักเทรดบ้านเรา

พวกเราส่วนใหญ่ มองหา "วิธีทำเงิน" หรือ method
เราจึงเสาะหาสูตรการเทรดทำเงินที่คาดว่าคนเขียนจะแฝงไว้ในเล่ม

ซึ่งมันไม่มี
พอไม่มีสูตรลับทำเงิน หรือที่เรียกว่า "เกมบุก" มันก็ทำให้เราเคว้ง
ไม่เข้าใจเหตุผลว่า คนเขียน เขียนมาเพื่ออะไร

แต่ถ้าท่านเปลี่ยนมุมมอง
จากการหาสูตรลับ ไปเป็น "สูตรรับ" หรือ เกมรับ
ท่านจะได้ประโยชน์จากมามัน และเห็นคุณค่าของหนังสือเล่มนี้มากขึ้นแบบคนละเรื่อง


ไหนๆ ก็ได้โม้แล้ว  ก็ขอเล่าถึงประวัติของผู้เขียน คือน้า Mark Douglas ให้อ่านเสียหน่อย
แกเป็นนักเทรดที่ขาดทุนหุ้นยับเยินครับ หมดตัว เสียบ้าน เสียรถ จนแทบฆ่าตัวตาย
แต่ในตอนที่ตัวเองจิตตกถึงจุดต่ำสุด พระพุทธช่วยไว้ครับ
ด้วยการตั้งคำถามเปลี่ยนชีวิตตัวเองว่า
"ตอนนี้เราเหลืออะไรอยู่บ้าง?"

นั่นเองครับ ที่เกิดพุทธิปัญญาว่า "เรายังเหลือร่างกาย เหลือสมอง เรายังมีงานทำ"
ก็คิดได้ครับ ว่าตนเองไม่ได้หมดตัวอย่างแท้จริง
สิ่งที่หมดไปก็คือเงินทอง ของนอกกายเท่านั้น
ฃยังเหลือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตคือ "ความสามารถในการหาเงิน"

จึงกลับไปทำงานต่อ ถ้าจำไม่ผิดก็เป็นโบรกเกอร์นี่แหละ
ระหว่างทำงานก็ลองแก้ตัว ศึกษาความผิดพลาด
เริ่มเทรดด้วยเงินน้อยๆ เพื่อสร้างฐานให้แน่น
ขณะเดียวกันก็ศึกษาพฤติกรรรมของลูกค้าที่เขาดูแล

ก็กลายมาเป็นหนังสือเล่มแรก คือ Disciplined Trader
ต่อมาพอเทรดได้ตังค์ และฟื้นตัวกลับมาร่ำรวย
จึงเขียนหนังสือชื่อ Trading in the zone หรือ โซนแห่งเทรดเดอร์

เมื่อมีที่มาแบบนี้ งานเขียนของน้า Mark Douglas
จึงเป็นงานที่ตั้งอยู่บนฐานของการ "ให้ความเสี่ยงมาก่อน"
คิดถึง "อันตรายที่เกิดจากความเป็นมนุษย์" แล้วพยายามทำความเข้าใจ
หนังสือประเภทนี้ เรียกว่า "จิตวิทยาการลงทุน" นั่นเองครับ

แต่ก็อย่างที่บอกครับ พวกเราไม่คุ้นเคยกับหนังสือพวกนี้สักเท่าไหร่ จึงอ่านยาก
และยิ่งเป็นฝรั่งเขียนด้วย ก็ยิ่งไปใหญ่ เพราะตัวอย่างที่เขายกมา มันไกลตัว
แถมศัพท์แสง อ่านแล้วงง ต้องแปลไทยเป็นไทย

แต่ถึงกระนั้น ถ้าหากท่านผ่านประสบการณ์มาเยอะขึ้น
มีการตรวจสอบจิตใจตัวเองมากขึ้น ผิดพลาดมากขึ้น ท่านจะอ่านแล้วเข้าใจ(มากขึ้น)



ส่วนหนังสือ "ความรู้หุ้น มูลค่า 1 ล้านบาท"
ผู้เขียน คือผมเองนั้น ก็ขาดทุนหนักมาก่อนเช่นกัน
ซึ่งจะว่าไปนะ ต้องบอกกันแมนๆ เลยว่า
ความรู้หุ้นฯ ก็ได้แรงบันดาลใจบางส่วนจาก โซนแห่งเทรดเดอร์ มาไม่น้อย
โดยเฉพาะเรื่องของ "การเคารพตลาด" ตลาดใหญ่สุด
ไม่ควรพยายามเอาชนะตลาด แต่ต้องทำความเข้าใจ
และเข้าไปอยู่ในกระแสตลาดเพื่อทำเงิน

ความรู้หุ้นฯ พยายามชี้ประเด็นเรื่องการเข้าใจตลาด
และก็ทำความเข้าใจตัวเองด้วย โดยเฉพาะตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
และที่สำคัญคือ เปรียบเทียบตัวเรากับตลาดด้วย

แต่ก็ไม่ได้ลงลึกไปถึง "โซน" แบบของฝรั่ง เพราะเข้าใจยากไป

เนื้อหาคล้าย ๆ กันครับ ความรู้หุ้นฯ กับ โซนแห่งเทรดเดอร์
แต่ ความรู้หุ้นฯ อ่านง่ายกว่าเยอะ
เพราะว่าผมเอาประสบการณ์ของตัวเองมาเขียน
ซึ่งมันดันไปตรงกับของนักเทรดส่วนใหญ่ครับ


เมื่อเรามีประสบการณ์ตรงกัน
มันก็เหมือนการคุยภาษาเดียวกัน คอเดียวกัน
การเชื่อมจุด การนำเสนอประเด็นอะไร ก็ทำให้เข้าใจง่ายขึ้นแน่นอนครับ

นี่จึงเป็นเหตุผลที่ ผมแนะนำให้เริ่มต้นที่ หนังสือความรู้หุ้นฯ  ก่อน
เพราะมันอ่านเข้าใจง่ายกว่า และเห็นภาพเลยตั้งแต่แรกอ่าน ไม่ต้องตีความ
ท่านจะเห็นจุดอ่อนของนักเทรด ปัญหาเรื่องมุมองของตน กับตลาดเป็นยังไง
ทัศนคติแบบรวยเร็ว ทำไมถึงเป็นปัญหา
ถ้าขาดทุนแล้วยังไงต่อ

เมื่ออ่าน ความรู้หุ้นฯ จบ
ผมมั่นใจว่าการอ่าน โซนแห่งเทรดเดอร์  จะไหลลื่นขึ้น
เพราะ ความรู้หุ้นฯ ได้ปรับมุมมองของท่านให้มีความเหมาะสมต่อการอ่านแล้ว

แต่ถ้ามีงบน้อยนะ ความรู้หุ้นฯ น่าซื้อกว่าครับ
เพราะอย่างน้อย ท่านได้ประเด็นไปแน่
แล้วเมื่อเวลาผ่านไป ท่านมีเงิน อยากเข้าใจอะไรเพิ่ม
จึงไปซื้อ โซนแห่งเทรดเดอร์ อ่านอีกที


ต้องเรียนรู้วิธีปกป้องเงินทุนให้แม่นก่อน
อีกเรื่องที่อยากแนะนำนะ
คือเขาบอกว่าตัวเองเป็นนักเก็งกำไร DW งบน้อย

ผมไม่เคยเทรด DW นะ แต่เห็นว่ามันมี levreage สูง
ถ้ากำไร ก็ได้ส่วนต่างเยอะ
แต่ถ้าขาดทุน ก็ถึงขั้นเป็นหนี้ได้เลย

เมื่อมันมีความต่างกันมากแบบนรกกับสววรค์แบบนี้
ท่านต้องให้ความสนใจกับความเสี่ยงมากขึ้นเป็นเท่าตัวเลยครับ
อย่าเทรดด้วยจิตใจคิดบวกว่าตัวเองมีโชค ตัวเองเก่ง ชนะทุกสนาม
เพราะไม่มีใครใหญ่กว่าตลาด และโชคก็ไม่ช่วยในระยะยาว

สมควรดเทรดแบบ "ให้ความเสี่ยงมาก่อน"
รอให้เกิดความเนียน ความปลอดภัยสูง ค่อยเข้า
"อย่ารีบรวยเร็ว" ครับ
เพราะมันเป็นความเชื่อ เป็นตัวกระตุ้นให้เรา "เสี่ยง" และ "รีบ" เกินพอดี
เห็นคนอื่นทำเงินได้ ก็อยากได้บ้าง จึงรีบเข้าแบบหละหลวม กลัวไม่ทัน
พอขาดทุนก็รีบเอาคืนด้วยเงินก้อนที่ใหญ่กว่า
แต่แทนที่จะได้คืน ก็มีโอกาสเสียเพิ้มแบบต้องหงายหลัง
ต้องระวังตัวเองให้ดีครับ

มีเงินน้อย ไม่ใช่ข้ออ้างสำหรับการ "เสี่ยงสูง"
เพราะมันก็เสี่ยงเหมือนกัน หมดตัวได้เหมือนกัน
ช่วงแรก แนะนำให้เรียนรู้ไปก่อนครับ อย่ารีบรวยเร็ว
ศึกษาแนวทางการรับ การปกป้องเงินต้นให้ได้ก่อน
ตรงนี้สำคัญที่สุด ทำให้ดีที่สุดก่อน

พอมั่นใจว่ารับดี ขาดทุนน้อยแล้ว
จึงรุกได้ครับ ให้มันเป็นขั้นตอนแบบนี้

สรุปอีกครั้งนะครับ
ซื้อทั้งสองเล่มไปเลย
แต่ถ้าเงินน้อยซื้อ ความรู้หุ้น มูลค่า 1 ล้านบาท ก่อนครับ
อ้อ...โซนแห่งเทรดเดอร์ ที่ Zyo Books ไม่มีขายนะ ท่านต้องไปซื้อที่ร้านซีเอ็ด นายอินทร์ B2S
ส่วน  ความรู้หุ้น มูลค่า 1 ล้านบาท มีขายที่ Zyo Books ที่เดียวครับ
คลิกเข้าไปสั่งตามลิงค์นี้ https://www.facebook.com/commerce/products/2067368680036811/?rid=1427944937266189&rt=6

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

แชร์วิธีการหารายได้จากการช่วยขาย ebook ที่ mebmarket.com

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ