ความคิดนี้ผมเคยเกิดความกังวลมาก่อน
พอมีใครแชร์ไอเดียเทรดใหม่ๆ เราไม่เคยรู้มาก่อน มักจะรู้สึกขัดใจ
ถ้าเกิดเจ้ามือมารู้เข้า เดี๋ยวใช้ไม่ได้ผล
พอเทรดหลายปีเข้า ขาดทุนจนเหนื่อย
ศึกษาเรื่อง mindset ทัศนคติในการเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จมากขึ้น กลายเป็นว่า น้ำหนักที่ให้กับเคล็ดลับทำเงินลดลงไปมาก
เริ่มเชื่อว่า ทัศนคติ และการบริหารความเสี่ยง มีน้ำหนักมากกว่า แบบคนละเรื่องเลย
จึงอย่าได้แปลกใจว่าทำไมงานเขียนบทความของผมช่วงล่าสุดนี้ แม้จะเป็นเรื่องเทคนิคอล ก็มักจะมีการแทรกเรื่องความเสี่ยง การเผื่อใจเอาไว้ท้ายเสมอ
นั่นเป็นเพราะว่า ผมซาบซึ้งว่า การบริหารความเสี่ยงมันกลายเป็นเรื่องสำคัญมากกว่าไปแล้ว
ถ้าให้แบ่งส่วนประกอบนะ เคล็ดมีน้ำหนักแค่ 40% (บางคนให้แค่ 20% เลยก็มี แต่ผมเห็นเป็นคนกันเอง เลยเพิ่มให้อีกนิด) ที่เหลือคือการบริหารความเสี่ยง (ที่เกิดจากตัวเราเอง, ตลาด) และ การบริหารเงินทุน
เจ้ามือฉลาดกว่าเราเยอะ
ตอนที่เข้ามาใหม่ๆ ผมไร้เดียงสามาก คิดว่าเจ้ามือน่าจะไก่อ่อนเหมือนเรานี่แหละ จึงคิดไปเองว่าพวกเขาต้องมาสิงสถิตตามเว็บบอร์ด เพจหุ้น กลุ่ม ฯลฯ
แต่พอศึกษามากขึ้น พบว่า พวกเขาต้องเทพจริงๆ
มีทักษะ มีเงิน มีความเก๋าเกมที่เหนือกว่าเม่าหลายร้อยเท่าตัวเลย
ไม่งั้นคงอยู่รอดไม่ได้แน่
ดังนั้น เจ้ามือคือคนที่อยู่ชั้นบนสุดของพีระมิดนักล่าครับ
แต่เม่าอย่างเราอยู่ชั้นล่างสุด เป็นฐานให้เขาจับกินเป็นอาหารครับ
แทนที่จะตีตนเสมอเจ้ามือ ต้องเอาตัวรอดให้ได้ก่อนดีกว่ามั้ย?
ปล่อยเจ้ามือเขาทำเกมไปครับ
เราสามารถเลือกได้ ว่าจะเข้าตอนไหนที่ปลอดภัยที่สุดดีกว่า
อุปมาเหมือนคุณต้องการเดินทางด้วยรถโดยสาร
แทนที่จะวิ่งขึ้นรถทุกคันที่วิ่งบนถนนก็ใช่ที่
ท่านต้องรอรถที่ใช่ และโบกแล้วจอดเท่านั้น
ขืนกระโดดขึ้นมั่ว ก็มีสิทธิ์โดนเฉี่ยวตายได้
วิธีการกำไรหุ้นมีล้านแปดแนวทาง
แนวทางกำไรหุ้นมีเยอะมากครับ แต่ปัญหาก็คือ "เข้าใจง่าย แต่ทำตามยาก" เพราะอะไรรู้มั้ย? เพราะว่าคุณต้องฝืนความเป็นมนุษย์ในตัวคุณไง
แต่ก่อนผมก็เร่หาสูตรสำเร็จ หรือ holy grail นี่แหละ แต่ยิ่งหายิ่งหลงทางครับ พอขาดทุนหนัก และทบทวนตัวเองจนถึงก้นบึ้ง ก็พบว่า "ผมคือศัตรู เป็นต้นตอของการขาดทุนทั้งหมด"
เมื่อตัวเองเป็นปัญหาของความสำเร็จ สูตรรวยหุ้นทั้งหลายก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกต่อไปครับ นี่แหละคือเหตุผลที่ผมแชร์ไอเดียการเทรด ทั้งๆที่ผมสามารถเอาไปหลอกกินตังค์คุณก็ได้
เพราะสูตรสำเร็จในการเทรด มันก็เหมือนหลักกิโล 1 กับ 10 เท่านั้นเอง คือหาหุ้น(1) แล้วขายทำกำไร(10)
แต่ปัญหาคือ ถ้ามันไม่ตรงสูตรล่ะ คุณจะทำยังไง? แสดงว่าคุณต้องหาทางเดินจาก 2 ไป 9 เอง ซึ่งตรงนี้แหละที่ท่านต้องใช้ใจ ใช้วินัย ใช้เวลาในการเรียนรู้วิธีก้าวผ่านอุปสรรคให้ได้ "ด้วยตัวเอง"
คุณต้องหาจังหวะตัวเองให้เจอ ด้วยประสบการณ์ของตัวเอง
ความรู้มันเรียนทันกันได้ครับ(จ่ายเงินซื้อได้) แต่ประสบการณ์(คุณต้องจ่ายมันด้วยเวลา)คือตัวแยกแยะว่าใครจะไปได้ไกลกว่ากัน
ขออภัยที่ มุมมองผม dark ไปพอสมควร
อาจเป็นเพราะผมขาดทุนเยอะมากเกินไปก็เป็นได้
การขาดทุนของผม ถูกอัดลงในหนังสือ "ความรู้หุ้น มูลค่า 1 ล้านบาท" แล้วครับ ใครสนใจหาซื้อได้ที่เพจ Zyo Books (โฆษณามาได้ไง?)