เป็นสัญญาณเตือน 8 จุด อันตรายที่จะเกิดขึ้น คือการขาดทุนหนักครับ
ถ้าท่านรู้เอาไว้ก่อน ก็อาจจะช่วยรักษาเงินต้นไว้ได้ เพราะถ้าท่านไม่หลงเข้าไปเทรด
โอกาสขาดทุนก็ลดลงไปอีกเท่าตัว ที่สำคัญนะ นี่คือสิ่งที่เม่าในตลาดกว่า 80% ทำกัน
ถ้าท่านเลี่ยงมันได้ ก็มีโอกาสไปได้ไกลและได้เปรียบเม่าส่วนใหญ่ครับ
1. เมื่อคุณไม่แน่ใจว่าจังหวะนี้ควรเทรดหรือไม่
จังหวะที่ดีที่สุดของคุณควรเป็นการเคลื่อนไหวที่มันตรงสูตร และต้องเป็น set up ที่คุณเทรดแล้วมีโอกาสชนะเท่านั้น
ถ้ารู้สึกว่าทรงแบบนี้มันก้ำกึ่ง โอกาสชนะแค่ 50-50 ก็อย่าได้เทรด
หรือถ้าคันจริงๆ อยากลอง ก็ให้เทรดแบบเรียนรู้ครับ
ด้วยการใช้เงินน้อยๆ ก็ไม่แน่ถ้าท่านชนะก็อาจจะได้สูตรเข้าทำใหม่ๆ ก็ได้
2. เมื่อคุณหาระดับ stop loss ไม่เจอ
ท่านต้องหาระดับตัดขาดทุนที่สมเหตุผลให้เจอก่อน
แล้วคำนวนโอกาสกับความเสี่ยงดูว่าคุ้มมั้ย?
ถ้าเสี่ยงมากกว่ากำไรก็อย่าได้เทรดให้เสียเงินเล่น
3. เมื่อสภาพตลาดไม่เหมาะกับระบบเทรดของคุณ
ถ้าคุณเทรดแบบรันเทรนด์ ก็อย่าไปเล่นในช่วงที่ตลาดไร้แนวโน้ม หรือผันผวนรุนแรงให้เสียเงินเล่น
เรื่องนี้ทำยากมากครับ นักเทรดมือใหม่ไร้เดียงสาทุกคน อยากรวยเร็ว จึงอดไม่ได้ที่จะเข้าเล่นทุกวัน เมื่อพวกเขาไม่มีหลักคิดเรื่องการป้องกันเงินต้น เทรดแบบอัดเต็มพอร์ตตลอด ไม่เกิน 2 ปี ได้กลับไปเก็บขยะขายแน่ครับ
4. เมื่อคุณต้องการซื้อด้วยเงินก้อนโตขึ้น เพื่อเอาคืน หลังจากที่ขาดทุนหนัก
เมื่อรู้สึกตัวแบบนี้ต้องรีบยับยั้งชั่งใจให้ได้ครับ เพราะมันเข้าสูตร "เทรดเพื่อแก้แค้น" ซึ่งมักจะนำพาภัยพิบัติมาหาท่านได้อีก
ตลาดไม่ใช่ขี้ข้าคุณนะครับ มันไม่ใช่ลูกไล่คุณด้วย แต่มันใหญ่กว่าคุณมาก เพราะในตลาดหุ้น มีคนที่คุมราคา เจ้ามือ รายใหญ่ มืออาชีพ ที่เขาเก่งกว่าคุณแบบคนละเลเวลเลย คุณแค่ระดับ beginner แต่พวกเขาเป็น top player คิดดูสิครับใครจะชนะ ยิ่งคุณโมโห เขายิ่งชอบครับ เพราะยิ่งโมโหยิ่งโง่
ดังนั้นอย่าไปแสดงออกให้คนในตลาดรู้ว่าโง่ครับ ถ้าแพ้ก็ยอมรับ หยุดกลับไปทบทวนตัวเอง รอโอกาสที่ดีที่สุดค่อยเอาคืน จำไว้เลยว่า โอกาสที่ตลาดหุ้นมอบให้นั้นมีมาอย่างต่อเนื่องครับ ขออย่างเดียว อย่าเทรดแบบโง่ ๆ
5. เมื่อคุณรู้สึกว่าราคาหุ้น หรือตลาดลงมาเยอะแล้ว หรือขึ้นมาเยอะเกินไปแล้ว
มีนักเทรดหลายคนครับ ที่เทรดชนะได้เงินมาเยอะมาก แล้วเกิดอาการ "ผยอง พองขน" คิดว่าตัวเองเก่งที่สุดในโลก
จึงเกิดความมั่นใจเกินเหตุครับ ชอบอวดเก่งด้วยการเข้าซื้อที่จุดต่ำสุด เพื่อหวังว่าจะเอาไปอวดชาวโลกว่าตัวเองเก่ง เทพ ยิ่งใหญ่ เพราะคิดว่าราคาลงมาเยอะแล้ว ถึงจุดต่ำสุดแล้ว
ขาชอร์ตที่เคยโชคดีช็อร์ตชนะหลายครั้งติดก็เช่นกัน พยายามชอร์ตในจุดที่ตัวเองคิดว่าราคาวิ่งขึ้นมาสูงที่สุดแล้ว
เพราะความไร้ประสบการณ์ของพวกเขา ที่ไม่รู้ว่าบ่อยครั้งที่ตลาดมันบ้าคลั่งได้เกินกว่าที่คนอ่อนหัดอย่างเขาจะนึกได้ครับ พวกเขาจึงเข้าเทรดด้วยเงินก้อนใหญ่กว่าเคยเพราะมั่นใจเกินเหตุ และครั้งนั้นเองที่ตลาดจัดนหักเอาคืนจนหมดตัว ไม่เชื่อท่านไปอ่านประวัตินักเทรดหลายท่านได้ พอล ทูดอร์ โจนส์, จิม โรเจอร์ส, เรย์ ดาลิโอ ในช่วงแรกๆ พวกเขาต่างเจอประสบการณ์ "ตลาดสอน" ให้เจ็บหนักกระอักเลือดแบบนี้กัน
6. เมื่อราคาวิ่งห่างจากฐานราคาไปแล้ว
คุณต้องสามารถระบุแนวต้านที่ราคาเพิ่งทะลุขึ้นมาได้ล่าสุดให้เจอ
จากนั้นดูระดับราคาเทียบกับระดับแนวต้านนั้น
ถ้าห่างมาก (เกิน 3%) ก็อย่าได้ไปเล่น ไปซื้อตามครับ
เพราะนั่นเป็นนิสัยของมือใหม่ครับ อาการของคนกลัวตกรถ หรือ FOMO
ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องดีเลย รังแต่จะสร้างความเสียหายให้กับตัวเอง
เพราะบ่อยครั้งที่ราคาวิ่งแรงๆ นั้น มันเป็นอาการของการวิ่งเพื่อทำท่าจบ กลับตัวแรง หรือ excess phase หรือ เวฟ 5 นั่นเองครับ
พี่เดวิด ไรอัน เคยประสบเหตุร้ายแบบนี้ครับ แกขาดทุนแทบหมดตัวเพราะไล่ซื้อหุ้นที่วิ่งห่างฐานราคามากๆ เพราะขาดการยั้งคิด กลัวตกรถมาแล้ว
อย่ารีบรวยเร็วครับ มือใหม่ส่วนใหญ่ร้อนวิชา เห็นหุ้นที่เพิ่งทะลุฐานที่ตัวเองรู้จัก แต่ซื้อไม่ทัน ก็รีบตามเพราะชอบ ก็กลายเป็นไป follow buy ที่ปลายดอย ให้ขาดทุนเล่นซะงั้น
7. เมื่อคุณไม่รู้จักหุ้นตัวนั้นเลย
มันทำกิจการอะไร มันมีกำไรหรือไม่ เป็นหุ้นประเภทไหน กราฟเป็นยังไง?
พวกนี้ถ้าหากท่านไม่รู้ ก็อย่าได้เทรดครับ
ถ้าไม่รู้อะไรนะ ก็ขอให้ได้ดูกราฟก่อนซื้อ และหา stop loss เจอก็ถือว่าพอไหวครับ
แต่ถ้าไม่รู้อะไรเลย โบรกเกอร์เชียร์ เพื่อนบอก ขึ้นหน้าหนึ่งข่าวหุ้น ฯลฯ พวกนี้ไม่เพียงพอครับ อย่างน้อยท่านต้องรู้ว่าจุดหนีอยู่ตรงไหน เพราะถ้าหากท่านไม่ตระหนักรู้ ไม่รู้จักมัน ไม่ได้ทำการบ้านเกี่ยวกับมันมามากพอ เวลาขาดทุน ท่านจะไม่กล้าขาย เพราะกลัวเด้ง ซึ่งเรื่องนี้เป็นต้นตอให้ท่านติดหุ้นและขาดทุนหนักในระยะยาวครับ
เม่าส่วนใหญ่มักจะติดกับดักในข้อนี้กัน
8. เมื่อคุณอยากฟังความเห็นของคนอื่นเกี่ยวกับหุ้นตัวนี้
นักเทรดคือมืออาชีพครับ ไม่ใช่มือสมัครเล่น
ท่านต้องคิดเอง ตัดสินใจเอง และรับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองทำทั้งหมด
เมื่อใดก็ตามที่คุณตัดสินใจไม่ได้ ไม่รู้จะซื้อหุ้นตัวไหนดี คอยถามคนอื่นว่าหุ้นตัวนั้นตัวนี้ดีมั้ย น่าซื้อมั้ย แบบนี้มีโอกาสพังสูงครับ
เพราะอะไรรู้มั้ยครับ?
ตลาดหุ้นไม่มีมิตรแท้และศัตรถาวรหรอกครับ ขนาดวีไอที่หาหุ้นด้วยกัน ซื้อหุ้นพร้อมกัน เวลาขายก็ไม่ได้บอกกันนะครับ
แล้วคนที่ไม่ได้เป็นดพื่อกับคุณล่ะ เขาบอกหุ้นคุณ เขาต้องการอะไร? อย่างน้อยก็ต้องการให้คุณไปรับหุ้นจากเขาที่พร้อมขายให้คุณ แล้วจากไปเล่นหุ้นตัวอื่น "ตลาดหุ้นคือสงคราม" ครับ ไม่ใช่โรงทาน ท่านต้องรับผิดชอบตัวเอง
ผมว่าถ้าหากท่านทำตาม 8 ข้อนี้ได้นะ มันจะช่วยให้ท่านรักษาเงินต้นได้มากขึ้นเยอะเลยครับ เพราะการเทรดให้ประสบความสำเร็จ ก็ต้องเริ่มที่การปกป้องเงินต้นนี้แหละครับ ลองเอาไปทำดูครับ