การเทรดที่ประสบความสำเร็จ นั้น แค่ “ดีกว่าค่าเฉลี่ย” ก็ยังไม่พอ

Image
Alexander Elder กล่าวว่า การเป็นเพียงแค่ “ดีกว่าค่าเฉลี่ย” ยังไม่เพียงพอ คุณต้องโดดเด่นกว่าใครๆ เพื่อที่จะชนะในเกมที่มีผลรวมติดลบ (Being simply “better than average” is not good enough. You have to be head and shoulders above the crowd to win a minus-sum game.) eBook : คิดและสวิงเทรดเป็นระบบแบบพี่แดน (Dan Zanger) มีจำหน่ายที่แอพ Meb ที่เดียว https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTk5MjQzNSI7czo3OiJib29rX2lkIjtpOjM0NDM3MTt9 ในคำพูดนี้ Alexander Elder กำลังเน้นย้ำว่า ในโลกของการเทรด การเป็นเพียงแค่คนที่ "เก่งกว่าค่าเฉลี่ย" อาจไม่เพียงพอที่จะประสบความสำเร็จได้ เพราะการเทรดไม่ใช่เกมที่ทุกคนสามารถชนะพร้อมกันได้ มันคือเกมที่เรียกว่า เกมที่มีผลรวมติดลบ (minus-sum game) ซึ่งหมายความว่า ทรัพยากรที่หมุนเวียนอยู่ในตลาด เช่น กำไรและขาดทุน ถูกกระจายไปในกลุ่มผู้เล่น แต่เมื่อรวมต้นทุนการเทรด เช่น ค่าธรรมเนียม นายหน้า และค่าเสียโอกาสแล้ว จะทำให้โดยรวมตลาดมีผลขาดทุนสุทธิ "เกมที่มีผลรวมติดลบ" หมายถึงอะไร? การเทรดในตลาดไม่ได้มี...

เล่นหุ้นเป็นหนี้


บทความนี้ อยากเขียนขึ้นมาเพื่อให้ คนเล่นหุ้นเป็นหนี้ ให้มีกำลังใจครับ
ว่า อะไรที่มันแล้ว ก็แล้วไป มาเริ่มกันใหม่ครับ
เพราะใช่ว่า คุณจะเป็นคนเล่นหุ้นเป็นหนี้ แค่คนเดียวหรอก
เคยมีนักเทรดที่ประสบความสำเร็จระดับโลก เขาเล่นหุ้นเป็นหนี้ เช่นกัน


เจสซี ลิเวอร์มอร์ เคยเล่นหุ้นหมดตัว แถมเป็นหนี้มหาศาล

มันเป็นช่วงหลังจากที่เขากำไรฝ้าย และชอร์ตจนตลาดหุ้นสหรัฐพังไม่เป็นท่า
โด่งดังมาก เป็นนักเทรดมือทอง ชื่อดังคับประเทศไปแล้ว

แต่ด้วยความที่มั่นใจเกินเหตุ
คบเพื่อนเยอะ เข้าสังคมหรูหรา สุดท้ายก็ต้อง
หมดตัวอีกครั้งหนำซ้ำเป็นหนี้หลักล้าน
เพราะความที่มีปัญหาสุขภาพ และการใช้จ่ายที่ฟุ้งเฟ้อ ทำให้มันมีผลต่อการเทรดของเขา ที่ทำไปแบบคนร้อนเงิน พอขาดทุนก็รีบเอาคืนเพราะเชื่อว่าในที่สุดตลาดหุ้นต้องทำกำไรให้เขาในท้ายที่สุด ส่งผลให้เขาขาดทุนอย่างต่อเนื่องกระทั่งหมดตัว แถมยังติดหนี้โบรคเกอร์ และเพื่อนอีกเป็นล้านเหรียญ ทำให้เขาหดหู่มาก


ไม่ยอมแพ้
เริ่มกลับมาเทรดใหม่โดยใช้เงินน้อยๆ จากเครดิตของบริษัทเล็กๆที่ยังเชื่อมั่นในชื่อเสียงของเขา เขามีความมุ่งมั่นที่จะทำเงินเพื่อเอาไปคืนเจ้าหนี้ให้ได้


คืนวงการด้วยการเป็นฉากบังหน้า
มีโบรกเกอร์ติดต่อเขาให้เข้าสูวงการอีกครั้ง โดยเสนอเงินให้เขาเทรด $25,000 ฟรีๆ เพื่อให้เป็นฉากบังหน้าการเทรดของคนในบริษัทที่เล่นหนักเหมือนกัน พอได้เงินนั้นไปเทรดเขาก็ทำกำไรได้ในทันทีจนมีเงินคืน เริ่มมีความมั่นใจ แต่ก็ถูกทำลายลงไปอีกเพราะโบรกเกอร์ที่ให้เงินเขาเริ่มมีการจำกัดอิระในการเทรดแถมบังคับให้ซื้อขายหุ้นที่ขัดแย้งกับระบบเทรด เขาเลยตัดสินใจออกไปเทรดที่อื่นแต่ก็ยังขาดทุน ในตอนนี้นี่เองที่เขาหมดกำลังใจในการเทรดเป็นครั้งแรกในชีวิต


ทบทวนตัวเองพบทางสว่าง
เริ่มกลับมาทบทวนตัวเองอย่างหนัก พบว่าปัญหาไม่ใช่วิธีการอ่านเทป แต่เป็นที่ความกระวนกระวายเกี่ยวกับหนี้ เพราะความที่เขาตั้งมั่นว่า "ต้องผ่านช่วงเวลาหมดตัวนี้ไปให้ได้" เขาเลยไปเจรจากับเจ้าหนี้รายใหญ่ให้ปลดหนี้ไปก่อน ก็ได้รับการตกลง


เป็นอิสระ
เมื่อเขาเป็นอิสระ ก็กลับไปเริ่มต้นเทรดใหม่ด้วยจำนวนจำกัดเพียง 500 หุ้นเท่านั้น ซึ่งผลจากการที่เขาเตรียมตัวมาดี มีการศึกษาสภาวะตลาดทั่วไปและพยายามคิดเรื่องของจิตวิทยาของคนอื่นๆ และรู้จักตัวเองให้ดีก่อน เขาได้เรียนรู้ว่าความสำคัญของการอ่านเทปสำคัญเท่าๆกับการอ่านตัวเอง นอกจากจะศึกษาภาวะตลาดแล้ว เขายังมีการวิเคราะห์งบการเงินด้วย


กลับมากำไรอีกครั้ง
และเขาก็กลับมาทำกำไรได้อีกครั้ง จนมีเงินทุนพอที่จะเทรดในระดับที่เหมาะสม
 เขาพบว่าก่อนหน้านี้เขาถูกรบกวนและเทรดผิดตลอด เพราะถูกเจ้าหนี้คอยรังควาน และขาดแคลนเงินทุน เมื่อไม่มีสิ่งรบกวน เขาก็เทรดได้ชนะตลอดทาง


ใช้หนี้ได้หมด
ปี 1917 เขาสะสมกำไรจนมีเงินเหลือ ให้สามารถจ่ายหนี้คืนได้หมด ซึ่งเป็นการจ่ายคืนทั้งก้อนในครั้งเดียว ส่วนเงินที่เหลือ เขาเริ่มรู้จักเอาไปซื้อพันธบัตร ซื้อกองทุนให้เมียและลูก เพื่อเป็นหลักประกัน ว่าลูกเมียจะปลอดภัยจากเขา



อีกคนครับ
พี่แดน แซงเกอร์
คนนี้ก็เก่งครับ เข้ามาเทรดแล้วก็กำไรเลย
เพราะตลาดหุ้นพุ่งขึ้นแรง ซื้อตัวไหนก็ติด ก็กำไรมหาศาล
ปั้นพอร์ต โตเป็นสามเท่าตัวในเวลาปีกว่า

แต่จากนั้น ตลาดหุ้นพักฐานแรงครับ
กำไรที่เคยได้สามเด้ง คืนตลาดไปแทบหมด

แต่แกก็ไม่ได้เอะใจนะ พยายามขยันเทรด เพื่อเอาคืน
แต่ยิ่งพยายาม ยิ่งขาดทุนสิครับ

อีกไม่กี่ปีต่อมา
ก็หมดตัวครับ แถมเป็นหนี้โบรกเกอร์อีกต่างหาก

หาเงินให้วุ่นสิ
ในที่สุดก็ตัดใจขายรถหรู เพื่อเอาเงินสี่หมืนกว่าเหรียญมาใช้หนี้

ก็สามารถเคลียร์หนี้ได้
แล้วก็เริ่มเทรดใหม่อีกรอบครับ

ซึ่งรอบใหม่ ไม่ได้ชนะทันทีหรอกนะ
แกค่อยๆ สะสมความรู้ และเสริมกระดูกตนเองไปเรื่อยๆ
หลายปีจากนั้น จึงมีผลงานการเทรดที่ระบือลือโลก
คือเป็นนักเทรดที่ทำเงินได้สูงและเร็วที่สุดในโลก

นี่แหละครับ คือตัวอย่างของนักเล่นหุ้นที่เป็นหนี้ แล้วสามารถพลิกกลับไปเป็นนักเล่นหุ้นที่กำไรได้

ซึ่งผมไม่ได้บอกว่า หลังจากเล่นหุ้นเป็นหนี้ แล้วเอาเงินก้อนใหม่กลับมาเทรด แล้วท่านจะรวยทันทีหรอกนะ ท่านต้องมีกระบวนการเรียนรู้จากนั้นด้วยครับ
เรียนรู้ความผิดพลาด เปลี่ยนแนวทางตัวเองให้เป็นนักเทรดที่ดีขึ้นด้วย
ถ้าท่านไม่เปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้น เทรดแบบเดิม อีกไม่นานก็ต้องขาดทุนหมดตัวไปอีกแน่นอน

ดังนั้น เล่นหุ้นเป็นหนี้ มีทางแก้ ครับ
๑) ใช้หนี้ให้หมด
๒) ไม่เทรดแบบเดิมอีก
๓) เทรดแบบระวังมากขึ้น รักษาเงินต้นเอาไว้ก่อนรีบเอาคืน
๔) ค่อยๆเรียนรู้ และพัฒนาตัวเอง ทำให้มีกำไร ค่อยๆสะสมกำไร
๕) ถ้าตั้งใจและทำให้สม่ำเสมอ เดี๋ยวก็กลับมาคืนทุนและรวยได้ในที่สุดครับ



((โฆษณา))
 เล่นหุ้นขาดทุน อย่าเพิ่งขาดใจ
ยังมีคนโดนหนักกว่าคุณอีก 
นี่คือความรู้ที่เขาได้จากการขาดทุน
ความรู้หุ้น มูลค่า 1 ล้านบาท
ลองหาอ่านดู ท่านจะได้เห็นทางออกที่สดใสแน่นอนครับ

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

Marios Stamatoudis สวิงเทรดปั้นพอร์ตโต 291.2% ในปีเดียว เขาทำได้อย่างไร?

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

Oliver Kell: วงจรของการเคลื่อนไหวของราคา (Cycle of Price Action)