สาเหตุของ FOMO, เทรดแก้แค้น คือ ขาด Asymmetry

Image
หนึ่งในปัญหาหลักของ FOMO (กลัวพลาดโอกาส), การเทรดด้วยความแค้น (Revenge Trading) และปัญหาคล้ายๆ กัน คือการขาดความ ไม่สมดุลเชิงบวก (Asymmetry) แปลจาก https://x.com/stamatoudism/status/1883133613044101304 เมื่อระบบการเทรดของคุณผลักดันให้คุณเทรดมากขึ้นเพื่อหาเงินมากขึ้น คุณกำลังเตรียมตัวเข้าสู่ภาวะจิตใจที่แย่ลงเมื่อสภาพแวดล้อมของตลาดเปลี่ยนแปลงไปในทางลบ แม้เพียงไม่กี่วันก็ตาม ตัวอย่างเช่น หากคุณตั้งเป้ากำไร 1.5R ต่อการเทรดหนึ่งครั้ง แต่คุณขาดทุน 4–5 ครั้งติดกัน คุณจะรู้สึกเหมือนต้องปีนเขาสูงชันเพื่อกลับไปยังจุดเริ่มต้น เพราะคุณจะต้องชนะติดต่อกัน 3–4 ครั้งเพื่อแค่ฟื้นตัวกลับมาเท่าทุนเท่านั้น และถ้าคุณไม่เพิ่มจำนวนการเทรด มันจะยิ่งยากที่จะกลับมา ซึ่งจะทำให้ความเครียดและปัญหาจิตใจยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ ความมั่นคงทางอารมณ์ มาจากการมีอัตราส่วนรางวัลต่อความเสี่ยง (Reward-to-Risk Ratio) ที่สูง ประกอบกับอัตราการชนะที่ยั่งยืน เมื่อคุณรู้ว่าแม้ว่าคุณจะขาดทุน 10–15 ครั้งติดกัน แต่การเทรดที่ดีเพียงครั้งเดียวก็สามารถทำให้คุณกลับมาทำกำไรได้ ความกดดันทางอารมณ์จะลดลงอย่างมาก ที่สำคัญที่สุดคือ คุณจะหลุดพ้นจากแนว...

ธุรกิจแนวคิดพิมพ์กดคุกกี้ (Cookie Cutter Stocks)


เห็นมีหุ้นน้องใหม่อย่าง AU เข้าตลาดซึ่งเป็นที่ฮือฮามาก
จึงทำให้นึกถึง ธุรกิจแนวคิดพิมพ์กดคุกกี้ ที่พี่มาร์ค เขียนไว้ในหนังสือ "เทรดแบบเซียนหุ้น ให้ได้กำไรขั้นเทพ"
จะว่าไปแล้ว,แล้วบ้านเราก็มีหุ้นที่มีแนวคิดแบบนี้พอสมควรเลย
เลยอยากคัดเนื้อหาเอามาแปะไว้เผื่อจะได้จำได้ดียิ่งขึน

ผู้เขียนบอกว่า, ธุรกิจแนวคิดแนวคิดนี้เป็นรูปแบบของกิจการที่เติบโตสร้างกำไรด้วยการขยายสาขา เมื่อบริษัทสร้างสูตรสำเร็จออกมาใช้ในร้านหนึ่ง และทำซ้ำต้นแบบนั้นไปเรื่อยๆในห้างสรรพสินค้าและสถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศหรือทั่วโลก
ลองนึกถึงร้านอย่าง McDonald’s, Walmart, Starbucks, Taco Bell, The Gap, Home Depot, Starbucks, Chili’s, Cracker Barrel, The Limited, Dick’s Sporting Goods, Wendy’s, Outback Steakhouse, และ Costco Wholesale พวกนี้จะเป็นแบบอย่างแนวคิดที่ประสบความสำเร็จ

บริษัทเหล่านี้อยู่ในกลุ่มค้าปลีก แนวคิดแบบนี้ทำให้บริษัทขยายเข้าสู่ตลาดใหม่ ทำให้เกิดร้านใหม่ๆขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะถ้ายอดขายในร้านเดียวกัน(same-store sales)สดใสด้วย กำไรพุ่งขึ้นแข็งแกร่งต่อเนื่อง

การจับตาตามดูบริษัทประเภทนี้ในช่วงเติบโตเร็วง่ายมาก และผลกำไรในช่วงขาขึ้นจะกินระยะเวลานานพอที่คุณจะทำกำไรหลายเด้งได้

สิ่งที่เราควรโฟกัสสำหรับธุรกิจพิมพ์กดคุกกี้ คือ"ยอดขายในร้านเดียวกัน (same-store sales)" เพิ่มในแต่ละไตรมาส ยอดขายชนิดนี้ควรจะโตเป็นตัวเลขเปอร์เซ็นต์หลักเดียวสูงๆ จนถึงเปอร์เซ็นต์สองหลักในระดับกลางๆ นับว่าสูงพอที่จะถือว่าแข็งแกร่ง แต่ก็ยงไม่สูงพอที่จะยั่งยืนต่อเนื่อง (ยอดขายในร้านเดียวกันโตระดับ 25-30% หรือสูงกว่า ก็ยังไม่ถือว่าจะยั่งยืนได้ในระยะยาว) โดยทั่วไป same-store sales โต 10% หรือมากกว่าก็ถือว่าพอใช้ได้

ปัจจัยอะไรบ้างที่ส่งผลให้ same-store sales โต?
คือราคา ต้นทุน(economy of scale) และ ปริมาณลูกค้า
การที่ยอดขายในร้านเดียวกันสูงขึ้น(วัดกับร้านที่เปิดมา 1 ปีเป็นอย่างน้อย) หมายความว่ามีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้น

แต่ถ้าหากยอด same-store sales ลดลง
ก็ถือว่าส่งสัญญาญหายนะ นั่นหมายถึง
- แบรนด์กำลังสูญเสียจุดแข็ง และคนไม่ซื้อของในร้าน
- เศรษฐกิจกำลังแย่ลง และคนไม่สนใจซื้อของที่ไหนเลย
- บริษัทมีสินค้าลดราคามากเกินไป และยอดซื้อต่อรายน้อยกว่าปกติ


แล้วจะเลือกบริษัทแบบไหนดีล่ะ ถึงจะได้กำไรขั้นเทพ?
พี่มาร์คบอกว่า, บริษัทส่วนใหญ่จะมีช่วงเติบโตสูง เมื่อยังมีขนาดเล็กและคล่องตัว ตรงข้ามกับบริษัทใหญ่ที่แม้จะขยายสาขาเพิ่มเหมือนกันแต่อัตราเร่งต่ำกว่ากันมาก ดังนั้นพี่มาร์คแนะให้เราโฟกัสไปที่หุ้นขนาดเล็กและกลาง เพราะพวกมันจะมีกำไรและยอดขาย+ราคาหุ้นที่โตได้เร็วมาก พวกนี้ถ้าความสามารถในการกำไรโตดี มันก็จะมีโอกาสทำกำไรได้สองถึงสามเท่าในเวลาไม่กี่เดือน (แต่กับ AU นั้นผมไม่แน่ใจนะว่าจะไปได้ไกลแค่ไหน คนแน่นเป็นแค่แฟชั่นหรือเปล่า กาลเวลาเท่านั้นที่จะบอกได้วาเป็นของแท้หรือกระแสชั่ววูบ)

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

Marios Stamatoudis สวิงเทรดปั้นพอร์ตโต 291.2% ในปีเดียว เขาทำได้อย่างไร?

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

Oliver Kell: วงจรของการเคลื่อนไหวของราคา (Cycle of Price Action)

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน