การเทรดที่ประสบความสำเร็จ นั้น แค่ “ดีกว่าค่าเฉลี่ย” ก็ยังไม่พอ

Image
Alexander Elder กล่าวว่า การเป็นเพียงแค่ “ดีกว่าค่าเฉลี่ย” ยังไม่เพียงพอ คุณต้องโดดเด่นกว่าใครๆ เพื่อที่จะชนะในเกมที่มีผลรวมติดลบ (Being simply “better than average” is not good enough. You have to be head and shoulders above the crowd to win a minus-sum game.) eBook : คิดและสวิงเทรดเป็นระบบแบบพี่แดน (Dan Zanger) มีจำหน่ายที่แอพ Meb ที่เดียว https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTk5MjQzNSI7czo3OiJib29rX2lkIjtpOjM0NDM3MTt9 ในคำพูดนี้ Alexander Elder กำลังเน้นย้ำว่า ในโลกของการเทรด การเป็นเพียงแค่คนที่ "เก่งกว่าค่าเฉลี่ย" อาจไม่เพียงพอที่จะประสบความสำเร็จได้ เพราะการเทรดไม่ใช่เกมที่ทุกคนสามารถชนะพร้อมกันได้ มันคือเกมที่เรียกว่า เกมที่มีผลรวมติดลบ (minus-sum game) ซึ่งหมายความว่า ทรัพยากรที่หมุนเวียนอยู่ในตลาด เช่น กำไรและขาดทุน ถูกกระจายไปในกลุ่มผู้เล่น แต่เมื่อรวมต้นทุนการเทรด เช่น ค่าธรรมเนียม นายหน้า และค่าเสียโอกาสแล้ว จะทำให้โดยรวมตลาดมีผลขาดทุนสุทธิ "เกมที่มีผลรวมติดลบ" หมายถึงอะไร? การเทรดในตลาดไม่ได้มี...

Self Coaching ดูแลและพัฒนาตัวเองด้วย "บันทึกการเทรด"


โค้ชหรือพี่เลี้ยงมีหน้าที่แนะนำหรือวางแนวให้คุณเดินในเส้นทางทางที่ถูกต้อง, ชี้จุดบกพร่อง, คอยจดจำในสิ่งที่คุณทำได้ดี ควบคุมให้ตัวคุณอยู่ในระเบียบวินัยและรักษาประสิทธิผลของการเทรด

แต่การจะจ้างโค้ชสักคนให้มาดูแลได้ต้องมีค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นเรื่องที่หนักหนาสำหรับมือใหม่ส่วนใหญ่ ดังนั้นการเขียนบันทึกการเทรดจึงถือเป็นทางเลือกที่ดีสุดในการเป็นโค้ชให้กับตัวเอง เพราะเอาจริงๆแล้วไม่มีใครเข้าใจเราได้ลึกซึ้งเท่าตัวเราเอง เรานี่แหละคือครูที่ดีที่สุดสำหรับตัวเราเอง

ยิ่งถ้าคุณเป็นคนที่มีวินัยต่อตัวเองอยู่แล้ว แค่การบันทึกการเทรดและหาความรู้ด้วยตัวเองจากสื่อออนไลน์ก็เพียงพอที่จะอยู่รอดในตลาดได้โดยที่ไม่ต้องไปสัมนาหรือจ้างคนอื่นให้มาควบคุมให้เปลืองเงินโดยเปล่าประโยชน์เลย

การลงรายละเอียดในบันทึกกการเทรดอย่างสุจริตและละเอียดยิบทุกจุดอย่างมีที่มาที่ไป ถือเป็นกระบวนการโค้ชตัวเองได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด เพราะถือเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้และตรวจสอบตัวเองไปในตัว

จึงไม่แปลกที่นักลงทุนระดับโลกอย่าง Gerald Loeb บอกว่า "ความรู้ที่ได้จากประสบการณ์เป็นหนึ่งในนิสัยที่แยก นักเก็งกำไรประสบความสำเร็จ ออกจากคนทั่วไป"
ประสบการณ์ที่ว่านั้นก็เกิดจากการจดจำและจะจำได้ดีก็ต้องมีการบันทึกเอาไว้นั่นเอง


จริงอยู่ที่การเขียนบันทึกการเทรดทุกวันออกจะเป็นเรื่องน่าเบื่ออยู่เหมือนกัน(สำหรับคนที่ไม่มีความรู้สึกหลงไหลในการลงทุน) แต่สิ่งที่คุณได้บันทึกนี้แหละจะเป็นตัวช่วยให้คุณสามารถรีวิวการเทรดย้อนหลัง

ซึ่งบางทีมันอาจจะมีประโยชน์มากกว่าการอ่านหนังสือหรือแม้กระทั่งการเข้าสัมนาด้วยซ้ำ

เมื่อคุณเขียนบันทึกการเทรดต่อเนื่อง เป็นเดือน เป็นปี สิ่งที่คุณเขียน, ประสบการณ์และความรู้มันจะโตไปกับคุณ และถ้าคุณลงรายละเอียดทุกสิ่งเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เช่นจิตวิทยามวลชน, ตลาด, การปรับแต่งระบบการเทรด ฯลฯ เหล่านี้จะช่วยให้คุณได้บทเรียนและจดจำได้ว่า
- ข่าวแบบไหนที่คุณควรไม่ให้ความสนใจ
- ความเสี่ยงแค่ไหนที่คุณยอมรับได้ต่อการเทรกแต่ละครั้ง
- จังหวะไหนที่ควรเทรด ช่วงไหนที่อยู่เฉยๆ

ดังนั้นการจะดูว่าใครมีวินัยก็ดูได้จากความสม่ำเสมอในการบันทึกการเทรดอนี่แหละ และมันอาจจะเป็นส่วนทำนายว่าอนาคตสดใสได้หรือไม่

คลิปแนวทางการทำ บันทึกการเทรด




บันทึกการเทรดถือเป็นตัววัดความรู้สึกหลงไหลต่อการลงทุนหุ้นได้ดีเลยว่าคุณมี passion กับมันมากแค่ไหน
มันก็คล้ายกับคุณเขียนไดอารี่หรือสะสมเกี่ยวกับคนที่คุณหลงรักตอนวัยรุ่นนั่นแหละ ยิ่งปลื้มมากก็เขียนมากบันทึกมาก กับการลงทุนก็ไม่ต่างกัน
บันทึกการเทรด
ในบันทึกการเทรดจะต้องเขียนทุกอย่างที่คุณรู้สึกและสิ่งที่ควรทำก่อนเทรด, ระหว่างการเทรด, หลังจากการเทรดเสร็จสิ้นแล้ว

การเทรดถือเป็นทักษะการทำงานโดยขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรดหรือวิธีการ
ผลของการบันทึกจะช่วยตรวจสอบความสามารถในการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมของตลาด, ความสามารถในการสร้างแผนเทรดหรือวิธีการเทรด, รวมถึงวินัยของการทำตามแผนนั้น และโชค
ในการเทรดนั้น มีหลายร้อยพันวิธีที่จะทำให้คุณได้ชัย
ดังนั้นคุณต้องเขียนทุกอย่างลงไปเพื่อแจกแจงจุดแข็งและจุดอ่อนของคุณ เช่น
- แจงว่าคุณเป็นใครและอะไรที่เป้นแรงบันดาลใจให้คุณเข้ามาเทรด เพื่อหาวิธีการเทรดที่เหมาะกับตัวคุณ, คุณต้องรู้ว่าคุณเป็นใคร, ไลฟ์สไตล์ และทำไมคุณต้องทำในสิ่งนั้น
- มุมมองและปรัชญาตลาด สภาวะแบบไหนที่คุณเข้าใจและโฟกัส และการตัดสินใจเพื่อจัดการกับความเสี่ยง
- สังเกตุความเคลื่อนไหวของตลาด ตลาดนั้นมีความเป็นพิเศษ ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปในแต่ะวัน แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะใช้ประโยชน์จาก แนวโน้ม หรือ พฤติกรรม เหล่านั้นได้ทุกช็อต แต่จากการสังเกตุอย่างระมัดระวังจะช่วยให้คุณค้นพบแนวโน้มหรือพฤติกรรมแบบไหนที่เข้าทางกับสไตล์หรือแนวทางที่คุณถนัด


- ความผิดพลาดจากการเทรดและโอกาสที่เราพลาด ทั้งสองสิ่งนี้ถือเป็นตัวสร้างความเครียดให้กับเทรดเดอร์เป็นอย่างมาก การเขียนบันทึกจะช่วยให้คุณจดจำได้ว่าควรเลี่ยงหรือควรเข้า
- นิยามความเป็นตัวคุณเองและสถานการณ์ปัจจุบัน
- ติดตามความคืบหน้าของเป้าหมายตามที่ได้ตั้งเอาไว้ในแผนการเทรด
- แจกแจงรายละเอียดของจุดอ่อนและจุดแข็งในความสามารถในการดำเนินงานและการจัดการกับความกดดัน
- ปูเส้นทางในการเป็นโค้ชให้ตัวเองเพือพัฒนาตนเอง
โค้ชหรือพี่เลี้ยงมีหน้าที่แนะนำหรือวางให้คุณเดินในเส้นทางทางที่ถูกต้อง, ชี้จุดบกพร่อง, จดจำในสิ่งที่คุณทำได้ดี ควบคุมให้ตัวคุณอยู่ในระเบียบวินัยและรักษาประสิทธิผล
แต่การจะจ้างโค้ชสักคนให้มาดูแลได้ต้องมีค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับมือใหม่ส่วนใหญ่ ดังนั้นการเขียนบันทึกการเทรดจึงถือเป็นทางเลือกที่ดีสุดในการเป็นโค้ชให้กับตัวเอง เพราะเอาจริงๆแล้วไม่มีใครเข้าใจเราได้ลึกซึ้งเท่าตัวเราเอง

การลงรายละเอียดในบันทุกกการเทรดอย่างสุจริตถือเป็นการโคช้ตัวเองได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด เพราะถือเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้

การเขียนบันทึกการเทรดทุกวันออกจะเป็นเรื่องน่าเบื่ออยู่เหมือนกัน(ถ้าคุณไม่มีความรู้สึกหลงไหลในการลงทุน) แต่จากการบันทึกนี้จะช่วยให้คุณสามารถรีวิวการเทรดย้อนหลัง ซึ่งบางทีมันอาจจะมีประโยชน์มากกว่าการอ่านหนังสือหรือแม้กระทั่งการเข้าสัมนาด้วยซ้ำ

เมื่อคุณเขียนบันทึกการเทรดต่อเนื่องเป็นปี
สิ่งที่คุณเขียน, ประสบการณ์และความรู้มันจะโตไปกับคุณ และถ้าคุณลงรายละเอียดทุกสิ่งเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เช่นจิตวิทยามวลชน, ตลาด, การปรับแต่งระบบการเทรด ฯลฯ เหล่านี้จะช่วยให้คุณได้บทเรียนและจดจำได้ว่า
- ข่าวแบบไหนที่คุณควรไม่ให้ความสนใจ
- ความเสี่ยงแค่ไหนที่คุณยอมรับได้ต่อการเทรกแต่ละครั้ง
- จังหวะไหนที่ควรเทรด ช่วงไหนที่อยู่เฉยๆ
ดังนั้นการจะดูว่าใครมีวินัยก็ดูได้จากความสม่ำเสมอในการบันทึกการเทรดอนี่แหละ และมันอาจจะเป็นส่วนทำนายว่าอนาคตสดใสได้หรือไม่

สิ่งที่ต้องมีในบันทึกการเทรด
1. พื้นที่การเทรดแบบไหนที่มีโอกาสชนะ
2. จุดเข้าทำที่ใช่
3. จำนวนเงินที่เหทาะสมสำหรับเข้าเทรดในแต่ละครั้ง
4. กฎการจัดการการเทรด
5. ตรวจสอบการเทรดย้อนหลัง


7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

Marios Stamatoudis สวิงเทรดปั้นพอร์ตโต 291.2% ในปีเดียว เขาทำได้อย่างไร?

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

Oliver Kell: วงจรของการเคลื่อนไหวของราคา (Cycle of Price Action)