การเทรดที่ประสบความสำเร็จ นั้น แค่ “ดีกว่าค่าเฉลี่ย” ก็ยังไม่พอ

Image
Alexander Elder กล่าวว่า การเป็นเพียงแค่ “ดีกว่าค่าเฉลี่ย” ยังไม่เพียงพอ คุณต้องโดดเด่นกว่าใครๆ เพื่อที่จะชนะในเกมที่มีผลรวมติดลบ (Being simply “better than average” is not good enough. You have to be head and shoulders above the crowd to win a minus-sum game.) eBook : คิดและสวิงเทรดเป็นระบบแบบพี่แดน (Dan Zanger) มีจำหน่ายที่แอพ Meb ที่เดียว https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTk5MjQzNSI7czo3OiJib29rX2lkIjtpOjM0NDM3MTt9 ในคำพูดนี้ Alexander Elder กำลังเน้นย้ำว่า ในโลกของการเทรด การเป็นเพียงแค่คนที่ "เก่งกว่าค่าเฉลี่ย" อาจไม่เพียงพอที่จะประสบความสำเร็จได้ เพราะการเทรดไม่ใช่เกมที่ทุกคนสามารถชนะพร้อมกันได้ มันคือเกมที่เรียกว่า เกมที่มีผลรวมติดลบ (minus-sum game) ซึ่งหมายความว่า ทรัพยากรที่หมุนเวียนอยู่ในตลาด เช่น กำไรและขาดทุน ถูกกระจายไปในกลุ่มผู้เล่น แต่เมื่อรวมต้นทุนการเทรด เช่น ค่าธรรมเนียม นายหน้า และค่าเสียโอกาสแล้ว จะทำให้โดยรวมตลาดมีผลขาดทุนสุทธิ "เกมที่มีผลรวมติดลบ" หมายถึงอะไร? การเทรดในตลาดไม่ได้มี...

ถ้าคุณเห็นว่าทรงหุ้นมันเข้าสูตรมากๆ ทำไมไม่ทุ่มซื้อไปเลย?

มีสมาชิกสอบถามมาว่า "ถ้าคุณเห็นว่าทรงหุ้นมันเข้าสูตรมากๆ ทำไมไม่ทุ่มซื้อไปเลย?"

ขอตอบว่า...
คือถ้าเรามองย้อนหลังไปจากตอนนี้ เรารู้หมดไงว่าราคามันวิ่งถึงไหน ก็เลยคิดว่า รู้งี้อัดตัวเดียวเต็มพอร์ตเลยดีกว่า

แต่บอกเลยว่ามันละอารมณ์กับตอนที่คุณอยู่หน้างาน คือตอนที่คุณ(ไม่สิ เอาแค่ผมก็แล้วกัน)ซื้อน่ะ มันมีสองอารมณ์คือซื้อแล้วก็เกิดอาการ กลัว กับ กล้า รวมกันกลายเป็นลุ้นครับ ลุ้นให้ยืนอยู่ไม่ลงมากินทุน ให้ผิดหวัง และกลายเป็นกลัว

พูดง่ายๆคือ เรารู้ว่าคนนี้น่าจะใช่ แต่ก็ต้องแอบเผื่อใจไว้เจ็บด้วย

ซึ่งความเจ็บที่ว่านี้ มันเกิดจากการขาดทุนที่หนักหนาในอดีต ทำให้ผมต้องระวัง (จะว่าขี้ขลาดก็ได้) ถ้าเห็นตัวไหนลบเกินสามพันก็เหงื่อแตก เขกกระโหลกตัวเองแล้วครับ เพราะภาพเก่าๆมันหลอน ดังนั้นอาจเป็นเพราะตัวเองไม่อยากเสียหายขนาดนั้นอีก จึงกลายเป็นสมองสั่งการให้จำกัดวงเงินเข้าซื้อเท่าที่จะทนได้ครับ

อีกอย่างก็บอกตรงๆเลยว่า ผมเชื่อว่าการเล่นหุ้นไม่มีสูตรสำเร็จที่แท้จริง อะไรก็เกิดขึ้นได้ สูตรเดิมที่เราชนะมา อาจจะใช้กับตัวใหม่ไม่ได้(ซึ่งผมโดนบ่อยมาก) คือเรารู้แค่ว่าสภาพแวดล้อมแบบไหนมันเป็นใจต่อการเติบโตของราคาหุ้นแค่นั้นแหละ ที่เหลือก็ต้องลุ้นว่ามันจะเป็นอย่างที่เราคาดมั้ย ถ้าใช่คุณอาจซื้อเพิ่ม (ซึ่งในเคสนี้ผมไม่กล้าจริงๆ ก็เลยได้เท่านี้) ถ้าไม่ก็เลิก คิดแบบนี้น่าจะ feel good มากกว่านะผมว่า


7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

Marios Stamatoudis สวิงเทรดปั้นพอร์ตโต 291.2% ในปีเดียว เขาทำได้อย่างไร?

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

Oliver Kell: วงจรของการเคลื่อนไหวของราคา (Cycle of Price Action)

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน