นี่เป็นบทความที่ผมเขียนไว้ในปี 2016 ครับ แต่เห็นว่ามันน่าสนใจในประเด็นของ การหาจังหวะเข้าซื้อหุ้น ที่กลับตัวจากขาลง แล้วจากนั้นมันก็ซิ่งแหลกทำกำไรให้เราอย่างงาม
วันนี้จึงตั้งใจจะลองย้อนเวลาไปดูพฤติกรรมในอดีตที่แสนจะน่ารักของราคาหุ้นทั้งสองตัว ที่คล้ายๆกัน ซึ่งบางทีแนวทางนี้อาจจะใช้เป็นแนวทางสังเกตุหุ้น big shot ตัวต่อไปได้
1) ทั้งสองตัวเริ่มต้นช่วงแรกๆด้วยการดิ่งลงอย่างหนัก อันเกิดจากการถล่มขายของนักลงทุนที่ได้ราคา IPO เรียกว่าลงจนแทบจะหมดสภาพไปเลยทีเดียว
ในตอนนั้นถ้าใช้ EMA20 เป็นเส้นนำสายตาเพื่อเช็คสภาพ ก็พบว่าทั้งคู่อยู่ใต้เส้นค่าเฉลี่ย(อันเป็นขาลง)มาเป็นครึ่งปีเลยทีเดียว
2) ต่อมาก็มีการไล่ราคาให้กลับขึ้นไปให้ยืนอยู่บน EMA20 ได้อย่างมั่นคง ถือว่าราคาเกิดการเปลี่ยนแนวโน้มจากขาลงเป็นขาขึ้น
เมื่อเราเอากราฟ SET ท่านจะเห็นความสัมพันธ์ คือ
- ราคา TFG กับ KOOL กลับตัวหลังจากที่ SET กลับตัวจากขาลงได้เแล้ว
- โดยช่วงที่ SET กลับตัว มันจะมีการยืนยันการฟื้นตัวอยู่ ๒ ระดับ
ตอนที่ SET ยืนยัน 1 มักจะเป็นหุ้นขนาดใหญ่ วิ่ง เพราะทุกอย่างยังอึมครึม และการจะดัน SET ให้กลับตัวแรงๆต้องอาศัยเงินจำนวนมากเพื่อซื้อหุ้น big cap ให้บวกกันทั้งกระดาน ดังนั้นเงินจึงเข้าไปซื้อหุ้นตัวใหญ่กันหมด ตัวเล็กต้องรอก่อน
แต่เมื่อ SET ถูกยกระดับขึ้นมายืนยัน 2 แล้ว หุ้นใหญ่ก็ยังจะถูกไล่ขึ้นต่อ เพื่อรักษาโมเมนตัม
และที่เอามาผสมโรงด้วยคือหุ้นขนาดกลาง และขนาดเล็ก
ตอนนี้แหละครับที่หุ้นปั่น หุ้นซิ่ง จะเริ่มออกมาแผลงฤทธิ์ให้ท่านเก็งกำไรกันสนุกครับ
และ TFG กับ KOOL ก็อาศัยจังหวะนี้เช่นกัน
ดังนั้น ช่วง SET เป็นขาลง ท่านอย่าได้ติดหุ้นเป็นอันขาด ต้องมัเงินสดเหลือในพอร์ตให้มากที่สุด
แล้วก็ทำการบ้านเพื่อเช็คหุ้นเป็นประจำ แล้วก็รอจังหวะหุ้นกลับตัวสวยๆ
ท่านจะได้หุ้นต้นเทรนด์ที่วิ่งแรงๆตาามการฟื้นตัวของตลาด แถมเสี่ยงต่ำ
เพราะว่าตอนนั้นเหมือนช่วงฝนแรกของฤดูกาล เหล่าสรรพสัตว์ต่างคึกคักรับฝน
ความครื้นเครงจึงเกิดขึ้นอย่างไม่มียั้ง เพราะเก็บกดมานาน
3) จากนั้นก็มีการค่อยๆไล่ราคาขึ้นไปเรื่อยๆแบบขั้นบันใด ค่อยๆเบรคขึ้นไปทำนิวไฮได้ แล้วก็พักตัวออกข้างไปอย่างเป็นระเบียบ และไม่นานก็สามารถขึ้นไปทำ all time high ได้ในที่สุด
4) เมื่อไร้แนวต้านแล้ว ก็พุ่งเป็นแท่งเขียวยาวอย่างคึกคัก สร้างความอิ่มเอมเปรมปรีดิ์ให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างสมใจ
ถ้าเราทำการบ้านเช็คหุ้นน้องใหม่ที่เข้าตลาดมาในช่วงเดียวกัน ก็จะพบว่ามีหลายตัวมีความพยายามที่จะทำราคาพลิกจากขาลงเป็นขาขึ้นเหมือนกัน แต่อาจจะเป็นเพราะพลังไม่พอ หรือแรงขายยังทรงพลังมากอยู่ หรือยังไม่ถึงเวลา ก็จะหมดแรงลงไปวิ่งในกรอบ sideway เพื่อสะสมพลังเอาไว้ใช้ในโอกาสดีๆครั้งต่อไป ต้องเฝ้าดูไปเรื่อย โดยตั้ง follow buy ดักรอเอาไว้ หากผ่านพร้อมวอลุ่มก็น่าเสี่ยง