คุณต้องเรียนรู้วิธีการเป็นผู้จัดการความเสี่ยงที่ยอดเยี่ยม

Image
พี่มาร์ค มิเนอร์วินี กล่าวว่า “หากคุณต้องการสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอ คุณต้องเรียนรู้วิธีการเป็นผู้จัดการความเสี่ยงที่ยอดเยี่ยม” การเป็นนักเทรดที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีอย่างสม่ำเสมอไม่ได้หมายถึงการชนะทุกครั้งที่คุณเข้าเทรด แต่หมายถึงการมีวิธีการจัดการความเสี่ยงอย่างชาญฉลาดเพื่อให้คุณสามารถปกป้องทุนของคุณและเพิ่มโอกาสในการเติบโตของพอร์ตการลงทุนในระยะยาว  นี่คือการขยายความแนวคิดที่ว่า "การเป็นผู้จัดการความเสี่ยงที่ยอดเยี่ยม" สำคัญอย่างไร: eBook "Risk Management: การบริหารจัดการความเสี่ยงเบื้องต้นสำหรับนักเทรด" มีจำหน่ายที่แอพ Meb เท่านั้น  https://t.co/YaO0CIQq8J 1. ความเสี่ยงเป็นส่วนหนึ่งของการเทรด ในตลาดการเงิน ไม่มีใครสามารถควบคุมผลลัพธ์ของแต่ละการเทรดได้ การเคลื่อนไหวของตลาดขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอก เช่น ข่าวเศรษฐกิจ หรือพฤติกรรมของผู้เล่นในตลาด ซึ่งมักเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ความสำเร็จจึงไม่ได้มาจากการ "เดาถูก" แต่เป็นการรู้วิธีจัดการความเสี่ยงเมื่อคุณ "เดาผิด" ตัวอย่าง:   สมมติว่าคุณมีเงินทุน 100,000 บาท หากคุณใช้เงินทั้งหมดในการเ

ขายหุ้นเมื่อมีสัญญาณกลับตัว (Exit strategy 102 - Reversal)


ต่อเนื่องจากโพสต์เมื่อวานครับ ว่าด้วย การขายหุ้น อีกสักตอน
และจะมีอีกเรื่อยๆนะครับ เพราะพอได้ทำแล้วมันก็เริ่มติดพัน อยากทำอีกจนกว่าจะเบื่อ

แต่ก็ขอย้ำนะครับว่า ที่ผมแนะท่านทั้งหลายทั้งปวงนี้
มันเป็นแค่ "สูตร" เท่านั้นเอง ซึ่งมันหลากหลายมาก
ท่านแค่จำไม่ได้ ต้อง "ลองทำ" ดูเท่านั้น
เมื่อทำแล้ว ท่านจะรู้ว่าแบบไหนมันใช่และเหมาะกับท่าน
ถ้ายังไม่ดีพอ ก็ค่อยๆปรับมันไปครับ
เรื่องนี้ต้องใช้เวลาพอสมควร

เพราะ ตอนขายหุ้นมักจะเป็นช่วงที่ยากลำบากที่สุด 
เนื่องจากตอนนั้น อารมณ์ กลัว(กลัวขายหมู) กับ โลภ(อยากได้มากกว่านั้น) มันเข้ามาขัดขวาง 
ซึ่งถ้าหากท่านจัดการกับอารมณ์ทั้งสองอย่างได้ ท่านจะไม่มีคำบ่นประเภทนี้เลย

ที่สำคัญคือ พวกเรามักจะคาดหวังว่าต้องขายหุ้นให้ได้ที่จุดสูงสุดทุกครั้ง ต้องได้กำไรจากหุ้นร้อยเปอร์เซ็นต์ทุกตัวที่ซื้อ ซึ่งมันเป็นอุปสรรคต่อทัศนคติการเทรดที่สำเร็จอย่างยิ่ง



หน้าที่ของตลาดคือทำให้ท่านเสียตังค์
หน้าที่ของท่านคือต้องยอมเสียเบี้ย เพื่อรักษาขุน
ยอมเสียเงินก้อนเล็ก เพื่อเก็บเงินส่วนใหญ่เอาไว้ทำกำไรก้อนใหญ่กับตัวที่ใช่
ก็ทำยากอีก เพราะบางคคนก็เสียเบี้ยตามรายทางมาโดยตลอด จนเสียไม่ได้อีกแล้ว
ครั้งนี้อยากได้คืนบ้าง ขออาวุธเด็ดๆสักชิ้นสิ

ตอบเลยว่า ผมไม่มีหรอกครับ เพราะผมเองก็ไม่ได้เป็นายตลาด
สิ่งที่ผมทำคือไม่ต้องการชนะตลาด แต่คอยบริหารสภาพจิตของตัวเอง
ให้สอดคล้องไปตามสภาพตลาดเท่านั้นเอง

แต่อย่างไรก็ตาม พวกท่านคงไม่ได้สนใจเรื่องการจัดการจิตใจตัวเองมากนัก เพราะมันยาก 
อยากเข้ามาเทรดแล้วกำไรไวๆ ด่วนๆ จะได้เอาไปอวด ไปทำอย่างอื่นต่อ
เห็นตลาดหุ้นเป็นดอกไม้ริมทาง นึกจะเด็ดกำไรตอนไหนก็ได้ 
...ไปเอาความเชื่อแบบนี้มาจากไหนกันไม่ทราบ?

ผมก็ไม่อยากสอนจระเข้ให้ว่ายน้ำอีก 
เลยขอนำเสนอซีรีส์วิธีการขายหุ้นให้ท่านอ่านก็แล้วกันนะ

วันนี้จะเป็นเรื่องของ "การใช้ภาพใหญ่เพื่อหาจังหวะขาย"
คือเรื่องของวัฏจักรราคาหุ้น ดังรูปครับ
วัฎจักรราคาหุ้น เป็นภาพรวมของวงจรราคาหุ้น คือมันมี เกิดขึ้น - ตั้งอยู่ และดับไป
เหมือนธรรมชาติของมนุษย์เราเลย คือ เติบโต(เด็ก) - อิ่มตัว(ผู่ใหญ่) - ถดถอย(แก่) 

ถ้าอยากได้ตังค์แบบง่ายๆ คือการเล่นตามกระแส หรือแนวโน้ม ถ้าชอบซื้อ ก็เข้าในช่วงเติบโต แต่ถ้าถนัดขาย ก็เข้าตอนราคาถดถอย

โดยจุดอิ่มตัว คือ จุดเปลี่ยนของวงจร
นึกภาพคนโบราณออกมั้ยครับ อะไรที่มันมากไป ก็ไม่ดี น้อยไปก็ไม่เหมาะ ต้องเดินทางสายกลาง
หากท่านชอบซื้อ จุดอิ่มตัวคือตอนที่ท่านต้องเปลี่ยนจากการซื้อ เป็นขาย
เพราะจากนั้นราคาจะวิ่งกลับทิศ

ดังนั้น ช่วงราคากลับทิศนี่แหละ คือจุดที่นักซื้อทั้งหลายต้องหาจุดออก เพื่อ take profit หรือขายเก็บกำไรออกไปจากตลาด ซึ่งถ้าท่านอ่านหนังสือเทคนิคอล เขาจะบอกสัญญาณขายให้ท่านรับรู้มากมาย โดยแต่ละสูตรนั้น มันใช้ได้ดีหมด แต่ปัญหาคือ พวกเราไม่เชื่อเพราะรู้สึกว่า
๑) กำไรยังไม่ถึงเป้า อยากได้อีก
๒) เลยตัดสินใจว่ามันคลุมเครือ ไม่น่าเชื่อถือ
๓) จึงเกิดความขัดแย้งทางความคิด ตัดสินใจไม่ได้ ขอรอดู
๔) จนราคากลับลงไปขาดทุน จึงตัดสินใจได้



มาเข้าเรื่อง การหาสัญญาณขายหุ้น โดยการดู Market Phase กันครับ
ก็มีการขายอยู่ ๒ แบบด้วยกัน
แต่โดยหลักการแล้ว ประเด็นเดียว คือราคากลับตัว ยืนยันการเปลี่ยนแนวโน้ม

๑) ดูรูปแบบราคาสัญญาณกลับทิศ 
จุดกลับตัวของกราฟ เป็นยังไง? 
ให้นึกภาพตัวเองโดยก้อนหินขึ้นฟ้า มันจะขึ้นไปพักนึง แล้วม้วนตัวกลับลงมา
จุดที่ราคาม้วนกลับตัวนั่นแหละ คือจุดที่เราต้องหาให้เจอ

แต่ด้วยความที่ตลาดหุ้นมันเป็นการขึ้นแบบ "แผนซ้อนแผน"
การกลับตัวจึงมักจะไม่เป็นตัว V แบบปกติ

นอกจากตัว V ท่านต้องสังเกต ฐานราคา ๓ แบบนี้ไว้ด้วยครับ


โดยจุดขายออกตามหลักการดูวัฏจักรราคาคือ "รอให้ราคายินยันการกลับตัว"
นั่นคือหลุดระดับ B-F นั่นเองครับ

โดยถ้าเอาไปวางไว้ในภาพใหญ่ ถ้าราคาหลุด หน้าตาก็จะออกมาแบบนี้



๒) รอการยืนยันการหลุดแนวโน้ม
หลุดแนวโน้ม มีหลายไอเดียมาใช้
- หลุด trend line 
- หลุด เส้นค่าเฉลี่ย
- หลุด neckline ของรูปแบบราคาข้อแรก
- ยืนยันการกลับตัวเริ่มต้นขาลง

นึกภาพออกมั้ย
ผมได้ทำออกมาไว้ในภาพเดียว เรียกว่า "กระบวนท่าขายสลายอีโก้"


ซึ่ง "การยืนยันการกลับตัวเริ่มต้นขาลง" ก็เป็นเรื่องเดียวกันกับ trailing stop นั่นเองครับ

พวกนี้ ผมทำไว้ในหนังสือ "หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่" ไปแล้วครับ


ปัญหาของการใช้แนวทางนี้
๑) ไม่อยากขายเพราะไม่เชื่อสัญญาณ
สาเหตุน่าจะมาจากประสบการร์เดิมของท่านเองที่ขายหมูไป แล้วจำได้
พอเจอทรงคล้ายกันอีก ก็ต่อราคาสิ ไม่อยากพลาดซ้ำ ซึ่งถ้าโชคดี ก็ได้กำไรเพิ่ม แต่ตลาดมักจะใช้จังหวะนี้แหละเอาคืน เพราะเมื่อไหร่ที่คุณลังเล คุณจะเถียงตลาด แล้วคุณจะคืนกำไรให้ตลาดไป

๒) กำไรยังไม่ถึงเป้า ยังไม่อยากขาย
บางคนก็อยากได้กำไรเยอะๆ แต่บ่อยครั้งตลาดไม่ให้
เนื่องจากมันเป็นช่วงปลายของแนวโน้ม
หรือสภาพตลาดไม่อำนวยจริงๆ มันไม่มีแนวโน้ม แต่ท่านก็ยังไม่รู้กาละเทศะ

เมื่อตลาดไม่ใช่ แต่ท่านไม่รู้จักยืดหยุ่นตามตลาด ก็เละ ตัดขาดทุนบ่อย
ทั้งๆที่แค่รู้จักหยุด รู้จักรอจังหวะที่เหมาะสม ก็ไม่เจ็บตัวแท้ๆ
พูดง่ายๆคือ แกว่งเท้าหาเสี้ยน นั่นแหละ
โทษใครไม่ได้ ถ้าเจ็บแล้วไม่จำ ไม่ตรวจสอบตัวเอง ก็ถือว่าคุณไม่เหมาะกับการเทรดแล้วล่ะ

สรุปง่ายๆคือ
ที่เราขายไม่เป็น หรือไม่รู้จักขาย ไม่ได้มาจากตลาด
แต่มาจากตัวนักเทรดเอง เราคือศัตรูตัวฉกาจของเราเอง
ถ้าเชื่อสัญญาณ และพยายามตัดความโลภ ความกลัวเป็นคนผิด ออกไป
อะไรๆก็ง่ายขึ้นครับ

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

สรุปหนังสือ Trade Like a Casino