สิ่งที่คุณต้องมองคือภาพในอีก 18 เดือนข้างหน้า เพราะราคาหุ้นในวันนี้สะท้อนสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนั้น

uckenmiller กล่าวถึงเหตุผลที่เราไม่ควรลงทุนโดยมองแค่ปัจจุบัน: "ไม่สำคัญเลยว่าบริษัทตอนนี้กำลังทำกำไรเท่าไหร่ หรือเคยทำได้แค่ไหน — สิ่งที่คุณต้องมองคือภาพในอีก 18 เดือนข้างหน้า เพราะราคาหุ้นในวันนี้สะท้อนสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนั้น" --- ราคาหุ้นไม่ได้สะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้น ตอนนี้ แต่มันสะท้อนสิ่งที่ “ตลาดคาดว่า” จะเกิดในอนาคต ดังนั้น แทนที่จะถามว่า “บริษัทนี้กำไรดีมั้ยตอนนี้?” ควรเปลี่ยนเป็น “อีก 18 เดือนข้างหน้า บริษัทนี้จะดีกว่านี้ไหม?” ใครที่มองอนาคตได้แม่นกว่า คนนั้นมักจะได้เปรียบในตลาด --- การลงทุนไม่ใช่การถอดบัญชีกำไรขาดทุน แต่คือการอ่าน “เรื่องราวของอนาคต” อย่าลงทุนเพื่อวันนี้ — ลงทุนเพื่อสิ่งที่จะมาถึง

เทคนิคการหาราคาเป้าหมายหุ้น (Exit strategy 101 - Target Price)

การ หา ราคา เป้าหมาย หุ้น

อีกแนวทางการขายหุ้นที่เขาใช้กัน คือ ระบุราคาเป้าหมายครับ
ถือเป็นการสวิงเทรดที่ใช้กันแพร่หลายมาก
โดยคนที่สามารถทำเรื่องแบบนี้ได้ ต้องมีเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ว่าอยากได้กำไรไม่มากนัก แต่ก็มีโอกาสได้สูง ไม่คิดจะซื้อแล้วรวยด้วยหุ้นตัวเดียวแบบมือใหม่ขี้โลภส่วนใหญ่ตั้งใจกัน

เทคนิคการหาราคาเป้าหมายหุ้น
เป้าหมายการส่วนใหญ่ของพวกเขามาจากการ.....
- ใช้ทรงของ price pattern เพื่อระบุว่าราคาควรไปถึงเท่าไหร่
ซึ่งมันจะมีสูตร






ภาพจาก rbneifx.wordpress.com



- บางคนก็ซื้อตอนที่ราคากลับตัวจากขาลง แล้วไปขายที่จุดสูงสุดเดิมก็มี

อย่าง CPN จุดกลับตัวคือ Island Reversal เปิด gap ข้ามได้ก็ซื้อตาม
จุดขายที่ได้กำไรงามและสุดทางจริงๆ คือโซนยอด
สังเกตนะครับ ถ้าราคาทำแท่งเขียวยาวๆ ยาวที่สุด้ท่าที่เคยเห็น ไปทะลุทำนิวไฮ หรือ all time high หากมาด้วยวอลุ่มสูงด้วยล่ะก็ มีโอกาสจบรอบสูง ขายออกดีกว่า

- บางคนก็ใช้ตัวเลขศักดิ์สิทธิ์ อย่าง Fibonacci ช่วยกำหนดราคาขายได้เช่นกัน




https://www.slideshare.net/pipsumotraderfx/fibonacci-retracement-level

คลิปของพี่ปุย เทคนิคการหาราคาเป้าหมายหุ้น ด้วย Fibonacci


อุปสรรคของการใช้เทคนิคการหาราคาเป้าหมายหุ้น
๑) บางคนมองว่าได้กำไรน้อย ไม่คุ้ม
โดยส่วนใหญ่แล้วคนที่คิดแบบนี้ มักจะอยากเทรดให้ได้กำไรคำใหญ่ๆ ประเภทเป็นเด้ง พอเห็นกำไรที่ได้ไม่มาก หนักหน่วย หลักสิบต้นๆ แล้วก็คิดว่าไม่คุ้ม ซึ่งนั่นมาจากประสบการณ์ของพวกเขาเอง ที่ไม่เคยเทรดแบบนี้มาก่อน หากได้ลอง take profit แบบนี้ดู แล้วชนะหลายๆครั้ง ได้มากกว่าเสีย รับรองว่าติดใจ

๒) บางคนก็ยึดติดทฤษฎีมากไป
คือเขาคิดว่า ถ้าทรงมันตรงตามทฤษฎีแล้ว ทุกอย่างมันต้องเป๊ะ
จึงเกิดอคติ ถ้าราคายังไม่ถึงเป้า ก็ไม่ยอมขาย กลายเป็นดันทุรัง ยื้อเพื่อจะเอาให้ได้
โดยที่เขาลืมว่า ตัวเองไม่ได้เป็นเจ้าของตลาด จึงบังคับให้ตลาดวิ่งไปตามใจตัวเองไม่ได้
แทนที่จะ "เอาเท่าที่ได้" กลับ "จะเอาให้ได้"
คนที่หัวดื้อ เอาแต่ใจ อวดฉลาดกว่าตลาด แบบนี้ ตลาดชอบมากครับ อีกไม่นานได้คลานเป็นหมาแน่
แทนที่จะได้เงิน เผลอๆ โดนทุบให้ขายตัดขาดทุน แทนที่จะได้กำไร
พอขาดทุน แทนที่จะรู้ตัวเอง กลับคิดสู้ นั่นแหละครับ หางเริ่มงอกออกมาแล้ว อีกไม่นานก็เห่าเป็น
(ทั้งหมดนี้ว่าตัวเองนี่แหละครับ  ด่าได้ทุกวัน อิอิอิ)

๓) บางคนก็มโน
คิดไปเองว่าทรงนี้มันตรงสูตร แล้วสะเปะสะปะซื้อ เพราะไม่ทันบ้าง รีบไปบ้าง
อารมณ์กลัวตกรถ ทำให้ไม่ละเอียด พอไม่ละเอียด ถ้ามีความคิดที่ว่าตัวเองต้องถูกเสมอ
ไม่ยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง ไม่ยอม stop loss ยื้อจะหาไม้แก้ เพื่อเถียงตลาดว่าฉันถูก ตลาดผิด
แบบนี้ก็รอวันพังได้เลยครับ โชคดีได้ไม่เท่าไหร่ แต่โชคร้ายมาทีถึงขั้นหมดพอร์ตได้เลย

ก็ถือเป็นการให้ข้อมูลทั้งสองด้านให้ท่านคิดเผื่อใจไว้นะครับ
เพราะว่าการขายหุ้นนั้นมันเป็น "ศิลปะ" ไม่ใช่คณิตศาสตร์เพียวๆ
บางทีต้องมีการปรับให้ไหวเอนตามสถานการณ์ ซึ่งทำยากมาก ผมเองก็ยังไม่ผ่านด่านนี้


7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

เส้นทางการเทรดและวิธีเทรดปั้นพอร์ต 100% ++ ของ Leoš Mikulka

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

รวมบทความที่เกี่ยวกับ Gap หุ้น & ทฤษฎี Gap หุ้น

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่