คุณต้องเรียนรู้วิธีการเป็นผู้จัดการความเสี่ยงที่ยอดเยี่ยม

Image
พี่มาร์ค มิเนอร์วินี กล่าวว่า “หากคุณต้องการสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอ คุณต้องเรียนรู้วิธีการเป็นผู้จัดการความเสี่ยงที่ยอดเยี่ยม” การเป็นนักเทรดที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีอย่างสม่ำเสมอไม่ได้หมายถึงการชนะทุกครั้งที่คุณเข้าเทรด แต่หมายถึงการมีวิธีการจัดการความเสี่ยงอย่างชาญฉลาดเพื่อให้คุณสามารถปกป้องทุนของคุณและเพิ่มโอกาสในการเติบโตของพอร์ตการลงทุนในระยะยาว  นี่คือการขยายความแนวคิดที่ว่า "การเป็นผู้จัดการความเสี่ยงที่ยอดเยี่ยม" สำคัญอย่างไร: eBook "Risk Management: การบริหารจัดการความเสี่ยงเบื้องต้นสำหรับนักเทรด" มีจำหน่ายที่แอพ Meb เท่านั้น  https://t.co/YaO0CIQq8J 1. ความเสี่ยงเป็นส่วนหนึ่งของการเทรด ในตลาดการเงิน ไม่มีใครสามารถควบคุมผลลัพธ์ของแต่ละการเทรดได้ การเคลื่อนไหวของตลาดขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอก เช่น ข่าวเศรษฐกิจ หรือพฤติกรรมของผู้เล่นในตลาด ซึ่งมักเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ความสำเร็จจึงไม่ได้มาจากการ "เดาถูก" แต่เป็นการรู้วิธีจัดการความเสี่ยงเมื่อคุณ "เดาผิด" ตัวอย่าง:   สมมติว่าคุณมีเงินทุน 100,000 บาท หากคุณใช้เงินทั้งหมดในการเ

(สรุปหนังสือหุ้น) Investment Psychology Explained


Investment Psychology Explained : Classic Strategies to Beat the Markets (1993)
เป็นหนังสือของ Martin J. Pring ครับ
คนที่เขียนหนังสือ Price Pattern นั่นแหละ

จากที่ได้สแกนคร่าวๆ แล้วก็เห็นเนื้อหาน่าสนใจ
และพูดในสิ่งที่ตรงใจผมเหลือเกิน
ชอบหลายประเด็นเพราะเขียนถึง mindset นี่แหละ
เลยพยายามสรุปใจความบางส่วนมาให้อ่านกัน
อังกฤษผมห่วยนะ อย่าเชื่อมาก ถ้าชอบก็หาเล่มเต็มมาอ่านกันนะ


PART I KNOWING YOURSELF
เป็นเรื่องของการแนะนำให้รู้จักตัวเองครับ

1. There Is No Holy Grail
เปิดมาก็จัดหนักเลยครับ
แกบอกว่า คุณอาจจะซื้อหนังสือเล่มนี้ เพราะหวังว่าจะให้คำตอบง่ายๆในการค้นหาแนวทางของการรวยเร็วในตลาดการเงิน แต่ผมต้องบอกว่าคุณผิดหวังแน่นอน
มันไม่มีจอกศักดิ์สิทธิ์หรอก ในทางกลับกัน, หนังสือเล่มนี้สามารถชี้คุณไปในทิศทางที่ถูกต้องได้หากคุณยินดีที่จะรับรู้ว่าการทำงานหนัก, มีมุมมองที่เป็นกลาง, ความอดทน, และมีระเบียบวินัย
สิ่งเหล่านี้เป็นคุณลักษณะที่มีค่าที่จะนำติดตัวไปกับคุณใน ถนนสู่การลงทุนอย่างชาญฉลาด

ให้ผมเดานะว่าทำไมแกเขียนอย่างนี้?
ก่อนหน้านั้นแกมีงานที่ฮิตมากหลายเล่ม คือ เรื่องเกี่ยวกับ technical analysis ขายดีมาก!!
ซึ่งมีคนคิดว่ามันเป็น holy grail เอาไปใช้แล้วรวยเลย จึงซื้อหนังสือแกไปอ่านกันมากมาย
แต่พอใช้จริง ก็พบว่ามันไม่เป๊ะ มีล้มเหลว มีเคสหลอก มากมาย
ทำให้คนที่คิดเองไม่เป็น แต่จะลอกข้อสอบเก่าอย่างเดียว ต้องขาดทุนหนัก
ก็น่าจะมีการต่อว่ากันพอสมควร
ผู้เขียนจึงต้องออกมาระบายแบบนี้
ซึ่งผมเองก็เขียนในทำนองนี้ไว้เหมือนกัน
บทความชื่อ จากใจผู้เขียนหนังสือวิเคราะห์กราฟหุ้น : Technical Analysis

ผมเห็นด้วยกับแกนะคือตอนแรกที่ผมเข้าเทรด ก็คิดแบบมักง่าย อยากรวยเร็ว
แต่โชคดีที่โดนตลาดสั่งสอบแบบเบาะๆ ให้ขาดทุนแบบเบาๆ
หลายครั้งเข้า เล่นนานไป อ่านเยอะ เขียนเยอะ จึงเริ่มรู้เดียงสาว่า ตลาดหุ้น "ไม่ง่าย"
ต้องอาศัยการทำงานหนัก, มีมุมมองที่เป็นกลาง, ความอดทน, และมีระเบียบวินัย ฯลฯ
ถ้าคิดอะไรง่ายๆ มักง่าย ก็เสียหายและหมดตัวไวกว่าใครเพื่อนแน่นอน

The Myth ความเชื่อผิดๆ
- The Myth of the Expert นักเทรดหน้าใหม่ส่วนใหญ่ มักจะให้ความเชื่อถือกับผู้เชี่ยวชาญมากจนเกินไป ทั้งที่แท้จริงแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้คิดถูกทุกครั้ง แต่เพราะเราเชื่อในเรื่อง holy grail จึงกลายเป็นติดกับดักคิดไปเองว่ากูรูต้องเก่ง
- The Myth of the Perfect Indicator เป็นอีกความเข้าใจผิดเรื่อง holy grail เพราะนักเทรดหน้าใหม่อยากรวยเร็วๆ อยากให้เงินทำงานแบบง่ายๆ จึงโหยหาอินดิเคเตอร์เทพ ใช้แล้วรวยเลย ผลก็คือ ต้องขาดทุนหุ้นจำนวนมาก และต้องตกเป็นเหยื่อพ่อค้าที่คอยทำมาหากินบนหลังนักเทรดอีกต่างหาก

2. How to Be Objective
ไม่มีความแน่นอน ในโลกการลงทุน
เมื่อไม่มีความแน่นอน คุณต้องเริ่มต้นทำความเข้าใจตัวเอง
—James L. Fraser

นักเทรดส่วนใหญ่ มักจะมีความคาดหวังที่ไม่สมจริง คือเชื่อว่าตัวเองเก่งเกินจริง ก่อนเทรดมองอะไรง่ายไปหมด ยังไงก็ต้องได้กำไร

นักเทรดต้องเผชิญหน้ากับสิ่งเร้าอารมณ์ ข่าวซุบซิบและการแกว่งของราคาอยู่ตลอด ทำให้พวกเขาเกิดอารมณ์สลับ 2 ขั้วระหว่างความกลัวและความโลภ จนทำให้การตัดสินใจแทบทุกครั้งเกิดจากอคติซึ่งไม่สร้างผลดีต่อการเทรดที่ประสบความสำเร็จเลย

เพื่อดึงสติตัวเอง, โปรดจำไว้ว่าราคาในตลาดการเงิน ถูกกำหนดโดยทัศนคติของนักลงทุน ต่อสภาวะเศรษฐกิจและการเงินที่เกิดตามแรงกระตุ้นของสิ่งแวดล้อม ซึ่งหมายความว่าความผันผวนของราคาจะขึ้นอยู่กับความหวังความกลัวและความคาดหวังของกลุ่มคนที่เขาคำนวณสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
 สิ่งที่คุณต้องทำคือพยายามเพิกเฉยต่อแรงกระตุ้นเหล่านั้น และสร้างความเป็นอิสระ รวมถึงพยายามอย่างแท้จริงที่จะเอาชนะอคติของคุณเอง
การแกว่งของตลาดเป็นผลมาจากอารมณ์ความรู้สึกของกลุ่มชน คุณไม่สามารถที่จะเปลี่ยนมันได้ แต่มันจะต้องเป็นสิ่งที่คุณควรยอมรับมัน หน้าที่ของนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จคือพยายามเอาชนะข้อบกพร่องทางจิตใจ คิด และมองให้แตกต่างจากฝูงชน มีอิสระในการคิด และตัดสินใจ

เชื่อโดยปราศจากอคติ
เราทุกคนต่างมีอคติเป็นของส่วนตัวกันอยู่แล้วมันมีอิทธิพลต่อความคิดของเราเป็นอย่างมาก และมันก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้นักเทรดต้องขาดทุนเป็นจำนวนมาก อคติเกิดจากประสบการณ์ถ้าเราเห็นอะไรที่มันมีความสอดคล้องกับประสบการณ์ที่เจ็บปวดในอดีตมันจะทำให้เราเผลอลงมือทำในสิ่งที่เป็นอัตโนมัติซึ่งบ่อยครั้งในตลาดหุ้นมันสร้างผลกระทบที่ไม่ดี
แนวทางการแก้ไขก็คือพยายามเป็นเจ้านายของความโลภและความกลัวให้ได้
เรามีเป้าหมายที่จะทำกำไรแต่ความกลัวกับความโลภมันก็จะพยายามฉุดให้เราไขว้เขวไปในทางใดทางหนึ่ง

3. Independent Thinking
นักเทรดควรปลีกตัวออกห่างจากข่าวสารบ้าง เพราะมันสามารถทำให้เกิดความไขว้เขวได้ง่าย
ต้องรักษาจุดยืนของตัวเอง วิธีการก็คือ
- แยกแยะข่าวให้ออก ว่าแบบไหนมันชวนเชื่อ แบบไหนคือข้อมูล
- ไม่ฟังข่าวลือ, ข่าวกระซิบ
- ฟังคำวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญอย่างมีดุลยพินิจ

นักเทรดต้องแยกข่าวออกจากตลาดให้เบ็ดเสร็จ
พูดง่ายๆ คือเมื่อมีข่าวดีออกมา หรืองบออกมาดี ราคาหุ้นไม่จำเป็นต้องสะท้อนข่าวนั้นก็ได้
ถ้าเชื่อแบบนี้ คุณจะไม่ตกเป็นเหยื่อของการรีบเข้าซื้อหุ้น เมื่อเห็นข่าดี เพราะคุณจะรอดูความเห็นตลาดก่อนว่าคนส่วนใหญ่คิดยังไงกับข่าวนี้


4. Pride Goes Before a Loss
Pride of opinion หมายถึงความดื้อรั้น, ไม่สามารถยอมรับความผิดพลาดได้
ในชีวิตจริง ถ้ามครมีนิสัยแบบนี้ ก็อยูู่กับใครไม่ยืน สร้างแต่ปัญหา
ในโลกของการลงทุนนั้น มันเป็นสูตรแห่งความหายนะ

หลังจากช่วงเวลาที่ชนะยาวนาน, นักลงทุนเกือบทุกรายจะตกอยู่ในกับดักของการคิดว่าเขาเป็นนักเทรดฉลาดที่สุดไร้ที่ติไม่มีความผิดพลาด
แต่น่าเสียดายที่ตลาดเห็นจุดอ่อนนี้, พวกเขาจึงต้องขาดทุนหนัก คืนกำไรที่ได้มาอยากมากมายกลับไปให้ตลาดในชั่วเวลาสั้นๆ
เพราะความเชื่อมั่นเกินไปและความกระตือรือร้นที่จะเอาชนะ ก่อให้เกิดความประมาทซึ่งทำให้ตัดสินใจไม่ดีและวางจำนวนเงินที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากมนุษย์มีแนวโน้มของที่จะเสี่ยงมากขึ้นหลังจากประสบความสำเร็จ

Pride of opinion ยังสามารถสร้างปัญหาได้อีกเมื่อตลาดเป็นขาลง, เพราะนักลงทุนทั่วไปมักจะไม่ยอมขายขาดทุน, แม้ว่าจะมีหลักฐานมากมายแสดงให้เห็นว่าข้อเท็จจริงมีการเปลี่ยนแปลง แต่ pride of opinion ไม่เชื่อแนะนำให้ถือหุ้นไว้ก่อน ไม่ขายไม่ขาดทุน รอคืนทุนค่อยขาย

วิธีแก้ Pride of opinion
Pride of opinion คือมุมมองที่ดันทุรัง ผลที่ได้คือคุณไม่ได้แก้ปัญหา แต่กลับสร้างปัญหาให้ใหญ่โตขึ้น

ขั้นตอนแรกแก้คือ คุณต้องตระหนักว่าคุณมีปัญหาจริงๆ การขาดทุนคือสิ่งที่ฟ้องว่าคุณมีปัญหานะครับ ไม่ใช่ตลาดหรือใครแกล้ง คุณเข้าผิดจังหวะเองต่างหาก
คุณควรและวิเคราะห์ความผิดพลาดนั้นอย่างรอบคอบ ไม่ใช่หนีปัญหา โยนให้คนอื่นรับแทน
จากนั้นที่คุณต้องยอมรับคุณสามารถทำผิดพลาดได้ และยังต้องการแก้ไขปัญหานั้นให้ดีขึ้นด้วย

ขั้นตอนต่อไปคือการร่างกฎเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องผิดพลาดแบบเดิมอีก
อย่าเพิ่งไปตั้งเป้าว่าต้องทำเงินให้ได้มากแค่ไหน
แต่จงมองผ่านมุมของโอกาสกับความเสี่ยง
ถ้าเห็นว่าความเสี่ยงสูงกว่าโอกาส ไม่คุ้ม ก็อย่าเล่น
พร้อมกันนั้น ก็ถามตัวเองว่า "ความเลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นภายใต้สภาวะปกติ คืออะไร?"
กล่าวอีกนัยหนึ่งพิจารณาความเสี่ยงก่อนที่จะได้รางวัล
กระบวนการนี้ จะช่วยให้ท่านบรรลุวัตถุประสงค์ ๒ ประการ
อันดับแรก คือเราความสำคัญเรื่องรางวัลความเสี่ยงกับรางวัล
ประการที่สอง จะช่วยให้คุณตระหนักถึงความเสี่ยงก่อนเวลาที่คุณจะทำผิดพลาด เมื่อรู้ก่อน เวลาแก้ก็ไม่ต้องลนลาน แค่ทำตามแนวทางที่วางไว้

ยังมีอีกบานเลยครับ
แต่ผมหมดแรง มาได้เท่านี้เอง
ใครสนใจก็ลองไปที่ amazon.com หรือค้นออนไลน์ดูนะครับ


-------------------------

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

สรุปหนังสือ Trade Like a Casino