ถ้า Day trade แล้วสนุก, มันส์ - คุณเป็นนักเก็งกำไรได้
แต่ถ้าเล่นแล้วขาดทุนตลอด ท้อแท้ - ต้องเปลี่ยนไปเล่นให้ยาวขึ้น(ลงทุน)
จากหนังสือบทเรียนจากไต้หวัน
โดยทั่วไปจะไม่มีการจำกัดสิทธิการเข้าไปซื้อหุ้นในตลาด ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกัน ตราบใดที่คุณมีเงินในกระเป๋า แต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าทุกคนเหมาะที่จะเข้าเล่นไปหุ้น
นอกจากนั้น วิธีการเล่นว่าควรจะเล่นกันแบบไหน ก็มักจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างที่เป็นเรื่องเฉพาะเกี่ยวกับตัวผู้เล่นเอง ทั้งในด้านกำลังเงิน สภาพแวดล้อมของการดำเนินชีวิตและการทำงาน รวมไปถึงอุปนิสัยใจคอที่เป็นเรื่องส่วนตัวมากๆด้วย
ผู้ที่มีความแตกต่างกันในปัจจัยเหล่านี้ เวลาเล่นหุ้นก็ควรเล่นกันคนละแบบ ไม่ควรเอาอย่างกัน
แต่น่าเสียดายที่นักลงทุนหน้าใหม่ ส่วนใหญ่เมื่อก้าวเข้าสู่ตลาดหุ้นแล้ว จะพากันเล่นแบบเก็งกำไรระยะสั้นกันทันที การเข้าตลาดหุ้นแบบนี้นับว่าเสี่ยงมาก ทำให้หลายคนพากันมองดูด้วยสายตาวิตก อดที่จะร้อนใจแทนพวกเขาไม่ได้
จริงอยู่ สมมุติว่าคุณลงทุนไปกับหุ้นตัวหนึ่ง ในราคาหุ้นละ 15 บาท อีก 2-3 วันต่อมา สามารถขายออกในราคา 16 บาท ได้กำไร 1 บาท อาจรู้สึกว่าไม่เลวเลย
แต่หารู้ไม่ว่าการเล่นแบบเก็งกำไรระยะสั้นนั้นต้องเข้าไวออกไว หูตาไว กระทั่งบางทีต้องมีข่าววงใน ถ้าไม่ช่ำชองจริงๆ แล้วมีโอกาสได้กำไรมีน้อยมาก
ดังนั้น ในวงการนี้หาผู้ที่ทำกำไรได้อย่างเป็นกอบเป็นกำจากการเล่นหุ้นแบบนี้ได้เพียงไม่กี่คน ซึ่งต้องถือว่าเป็นข้อยกเว้น
ที่เป็นเช่นนั้น เพราะภาวะตลาดมีขึ้นมีลงอยู่ตลอดเวลา เมื่อคุณเล่นแบบเก็งกำไรระยะสั้นจนเป็นนิสัย ขาขึ้นก็เก็ง ขาลงก็เก็ง ไล่เล่นมันทั้งขาขึ้น ขาลง แล้วมันจะมีอะไรเหลือฬ ได้ไม่เท่าเสียล่ะมากกว่า
คนที่จะเล่นแบบเก็งกำไรระยะสั้นได้นั้น ก่อนอื่นต้องรู้ทิศทางตลาด คือต้องเก่ง นอกจากนั้นยังต้องอาศัยความ "เฮง" ด้วย ที่สำคัญจะต้องเข้าถึงแหล่งข่าวของพวกนักปั่น หรือนักเล่นหุ้นขาใหญ่ ที่มีอิทธิพลต่อตลาดไม่มากก็น้อย ซึ่งเรื่องแบบนี้คนหน้าใหม่ไม่มีทางทำได้
การเก็งกำไรระยะสั้น ทุกวันจะต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ใจจดจ่ออยู่กับเบาะแส สัญญาณต่างๆ เครียดหนักยิ่งกว่าการทำงานธรรมดา มีแรงบีบคั้นกดดันในจิตใจและอารมณ์ที่ยากจะอธิบายได้
หากคุณเป็นนักเล่นหนุ้นหน้าใหม่ก็ไม่มีทางที่จะทนทานได้ จิตใจจะสับสน การตัดสินใจจะไม่เด็ดขาด คิดกลับไปกลับมา ในที่สุดก็จะกลายเป็นว่า ตัดสินใจซื้อหุ้นในราคาที่สูงไป หรือขายไปในราคาที่ต่ำกว่าควรจะเป็น
อย่างไรก็ดี ถ้าคุณถลำตัวเข้าสู่วงจรเก็งกำไรไปแล้วก็ยังพอจะได้ประโยชน์จากการเล่นเสียตรงที่สำรวจดูว่ามันมีผลกระทบต่อจิตใจตัวเองอย่างไร หากว่าตัวเองรู้สึกท้อแท้ อ่อนอกอ่อนใจกับความผิดพลาด ก็อย่าเล่นเช่นนี้ต่อไป
แต่หากว่ารู้สึกว่า สนุกดีนะ มันส์จริง ก็จัดว่าคุณยังเหมาะที่จะเล่นหุ้นแบบนั้นต่อไป เพียงแต่ว่าจะต้องรีบสรุปหาบทเรียนขจัดข้อบกพร่อง และความไม่รู้ของตนออกไปให้รวดเร็ว
นักลงทุน(นักเก็งกำไร) ที่เราเห็นอยู่ในตลาดหุ้นมีมากเหลือเกิน จากการเปิดเผยของพวกโบรคเกอร์พบว่า ส่วนใหญ่แล้วพวกนักเก็งกำไรระยะสั้นจะเสียมากกว่าได้ และมีส่วนหนึ่งที่ไม่เหมาะมาเล่นหุ้นแบบนี้เลย พวกเขาไม่เข้าใจตลาด ไม่รู้จักเลือกหุ้น ตัดสินใจไม่เป็น จังหวะที่พอจะได้กำไร กลับขาดทุน มักจะเข้าซื้อตอนที่ราคาหุ้นเริ่มอ่อนตัวลง(หลังจากพุ่งแรงมาแล้ว) หรือไม่ก็เทขายหุ้นที่ราคาตกไปจนถึงระยะที่ไกล้จะเงยหัวขึ้นมาแล้ว เรียกว่าเข้าไม่ถูกจังหวะทั้งขึ้นทั้งล่อง
จากนี้พอจะมองเห็นได้ไม่ยากว่า มีเพียงนักเล่นหุ้นบางประเภทเท่านั้น ก็เหมาะกับการเล่นเก็งกำไรระยะสั้น อย่าคิดว่าคนอื่นเขาเล่นได้ เราก็จะเล่นได้
ในทางเป็นจริง สถิติที่ผ่านมาก็บอกชัดแล้วว่า การเล่นหุ้นแบบระยะกลางและระยะยาวโดยอิงอยู่กับความเข้าใจในการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นที่เราจะซื้อขาย ทั้งอดีตและปัจจุบัน จะมีโอกาสทำกำไรได้มากกว่า จะเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนเป็นกอบเป็นกำได้มากกว่าการเก็งกำไรระยะสั้น และไม่ต้องเคร่งเครียดจนเกินไปด้วย การเล่นหุ้นแบบนี้ จึงจะรู้สึกเพลิดเพลิน อันเป็นกำไรที่แท้จริงของชีวิต
ดังนั้นหากรู้ตัวเองว่า ไม่อยู่ในประเภทนักเก็งกำไร แต่เป็นนักลงทุนที่ต้องการให้มีรายได้และกำไรงอกเงยจากก้อนเงินที่ตนมีอยู่ นอกเวลาทำงานยังพอมีเวลาติดตามข่าวสารเหตุการณ์ รู้จักวิเคราะห์สถานการณ์ ทำความเข้าใจหุ้นในตลาดจนรู้จักและจับทิศทางได้ ก็จงเข้าไปเล่นแบบ "ระยะกลางหรือระยะยาว"
ซื้อไว้แล้วติดตามไปเรื่อยๆ เป็นเวลาเดือนสองเดือน ไม่ตื่นเต้นตกใจผวาไปมากับการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงในแต่ละวัน รอจนกระทั่งราคาหุ้นเขยิบถึงระดับที่เราพอใจ แล้วจึงปล่อยออกไป เพื่อเก็บกำไรเพิ่มเข้าไปในบัญชีธนาคาร หรือหมุนเข้าไปในการซื้อขายหุ้นอีกครั้งหนึ่งที่มากกว่าเดิมก็ยังได้ เช่นนี้แล้วคุณจะเป็นนักเล่นหุ้นที่มีความสุขแม้จะไม่รู้สึกสะใจเท่ากับบรรดานักซิ่งในเกมการเล่นระยะสั้นก็ตาม
ในกรณีที่คุณไม่รู้เรื่องหุ้นหรือรู้น้อยมาก ไม่มีเวลามาสนใจอีกด้วย การวิเคราะห์แบบไหนฟังแล้วไม่กระดิก ก็ยังอยากจะเอากับเขาด้วย ทางที่ดีก็เลือกเล่นหุ้นที่มีความมั่นคงสูงซื้อแล้วเก็บ(ดอง)ไว้เป็นปีๆ เป็นไปได้ที่คุณจะได้ผลตอบแทนในบั้นปลายที่มากกว่าการฝากเงินดอกเบี้ยในธนาคารเช่นเดียวกัน
-------------------------
-------(ขอประชาสัมพันธ์สักนิดนะครับ)-------
-----(เผื่อมีคนยังไม่ทราบ) -----
หนังสือผลงานของผู้เขียนเองครับ
มีสองเล่ม พี่น้อง ดำ - เขียว
ถ้าท่านชอบบทความที่ผมเขียน อยากมีหนังสืออ้างอิงเก็บไว้
อยากอ่านเนื้อหา+เคส เพิ่มเติม เพื่อทำความเข้าใจมากขึ้น
"
หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่" (เล่มดำ) แนะแนวทางการเทรดหุ้นแนวโน้มขาขึ้น ด้วย กราฟวีค ถือ
เป็นการซื้อแล้วถือระยะกลางถึงยาว ก็จะเน้นการดูแนวโน้มขาขึ้นด้วย price pattern จากนั้นก็รันเทรนด์ด้วยเส้นค่าเฉลี่ย จบลงที่การขายด้วย price pattern เรียกว่าครบวงจรตั้งแต่ซื้อยันขายเลยครับ อ่านเล่มเดียวจบ
อ่านสรุปหนังสือ
หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่ที่นี่
รีวิวหนังสือหุ้นขาขึ้นรอบใหญ่
ส่วน "
หุ้นซิ่ง สวิงเทรด" (เล่มเขียว) แนะแนวทางการเทรดหุ้นแนวโน้มขาขึ้นด้วยกราฟรายวัน ถือเป็น
การเก็งกำไรระยะสั้นถึงกลาง เล่มนี้จะเน้น
การดูแท่งเทียน เอามาใช้ในการหาสัญญาณต้นเทรนด์ของขาขึ้น ซื้อหุ้นแบบ buying strength, buy weakness รันเทรนด์ด้วยเส้นค่าเฉลี่ย 10,20,50, 100, 200 วัน ขายหุ้นออกด้วย selling into strength, selling weakness ครบวงจรเช่นกัน
อ่านสรุปหนังสือ
หุ้นซิ่งสวิงเทรด ที่นี่
ถ้าให้เทียบความต่างของทั้งสองเล่มนะ
เล่มดำเป็นการเขียนถึงภาพรวม ภาคทฤษฎี
ส่วนเล่มเขียว เป็นการเจาะลึก เน้นเคส เป็นภาคปฏิบัติ
อ่านจบสองเล่ม ท่านสามารถเดาใจผมได้หมด ว่าเทรดยังไง
เพราะมันเป็นการกลั่นออกมาจากประสบการณ์และมุมมองของผมเอง
ผมใช้ไอเดียพวกนี้แหละครับในการทำเงินได้หุ้นเด้ง อย่างที่เคยอวดไว้
คลิกเข้าไปอ่านรายละเอียดได้ครับ
รายละเอียด คลิกที่ชื่อหนังสือเลยครับ