นักเทรดคิดว่างานของพวกเขาคือการทำเงิน แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่!

Image
นักเทรดคิดว่างานของพวกเขาคือการทำเงิน แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่! แปลและขยายความจาก  https://x.com/markminervini/status/1850913591630680378 นักเทรดหลายคนมีความเชื่อผิด ๆ ว่า “งาน” หรือสิ่งที่พวกเขาต้องทำคือการทำกำไรให้ได้มากที่สุด ในความจริงแล้ว เป้าหมายของการเทรดคือการทำเงิน แต่งานจริง ๆ ของนักเทรดนั้นคือการปฏิบัติตามและดำเนินกลยุทธ์ที่ได้วางแผนไว้อย่างมีวินัยโดยไม่หลุดออกจากกรอบที่ตั้งไว้ ถ้าคุณสามารถยึดมั่นในกฎการเทรดของตัวเองอย่างต่อเนื่อง ผลลัพธ์ตามมาคือกำไรและความสำเร็จจะเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ เป้าหมาย vs งานจริงของนักเทรด - เป้าหมาย  คือการทำเงินและสร้างผลตอบแทน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนอยากได้ แต่สิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่คุณสามารถควบคุมได้โดยตรง - งานจริง  ของนักเทรดคือการใช้กลยุทธ์ที่มีโอกาสชนะให้ได้อย่างสม่ำเสมอและมีวินัย ยึดมั่นในแผนการเทรดที่ตั้งไว้ การทำตามกฎของตัวเองอย่างเคร่งครัดจะช่วยให้คุณจัดการกับความเสี่ยงและลดโอกาสขาดทุนได้ ทำไมวินัยจึงสำคัญในงานของนักเทรด การมีวินัยเป็นสิ่งที่ช่วยให้การเทรดมีความมั่นคงและปลอดภัยมากขึ้น การไม่มีวินัยในการเทรดจะทำให้นักเทรดเกิดการตัดสินใจที่ผิดพลาด

(มือใหม่เล่นหุ้น) จาก Wyckoff Buy Zone กับจุดซื้อที่ปลอดภัย และ Pivot Point

โดย เซียว จับอิดนึ้ง : facebook.com/zyoit

ช่วงนี้ถ้ามองภาพรวมของราคาหุ้นในตลาดผ่านแนวทางของ Wyckoff Method ก็น่าจะออกมาประมาณนี้
คือน่าจะพ้นจากช่วง spring ขึ้นมาแล้ว
ส่วนใหญ่ก็กำลังอยู่ในกระบวนการ test ใน Phase C
แต่บางตัวก็ส่งสัญญาณ SOS อันเป็นลักษณะของ Phase D กันแล้ว

ตามหลักนะ จุดซื้อที่ดี ก็จะอยู่ในโซนนี้แหละครับ

อะไรทำให้เกิด Buy zone ?



สาเหตุหลักก็เนื่องมาจากการนำของ SET นี่เองครับ

เพราะก่อนหน้านี้ SET ร่วงแรงจาก 1800 ลงต่อเนื่องจนหลุด 1600 ทำให้คนกลัวกันทั้งบาง บ้างก็ว่า 1200 โน่นแหละ แม้แต่การเด้งครั้งนี้ ส่วนใหญ่ก็มองว่า มาอั้นที่ 1700 นี่แหละ เพราะมันเป็นแค่การเด้ง เด้งเพื่อลงต่อ ก็ว่ากันไปนะ ใครมีภูมิปัญญาอะไรก็ปล่อยมา คนที่เดาอนาคตไม่เก่งอย่างเรา ฟังเขาอย่าเดียว

อย่างที่ผมเขียนไว้ในเล่มดำว่า เจ้าภาพหลักของการสร้างแนวโน้มก็คือ SET นี่แหละ ดัชนีไปไหน หุ้นเกือบทั้งหมดของตลาดต้องวิ่งตาม เพราะมันเป็นภาวะจำยอมน่ะครับ เมื่อนางพญากระดิกหัว ลิ่วล้อจะมัวสะบัดหางไม่ได้ เมื่อ SET ร่วงแรง แม้หุ้นตัวนั้นจะมีพื้นฐานการทำกำไรดี มีโอกาสเติบโตน่าสนใจแค่ไหน ก็จะต้องโดนเทขายตาม เพราะคนถือหุ้นกลัว แต่จากนั้นเมื่อ SET กลับตัว หุ้นทั้งหลายก็จะเริ่มฟื้นตาม

ช่วงที่ SET ร่วงต่อเนื่อง หรือที่เรียกว่า พักฐานแรง นี่แหละที่หุ้นลงมาสร้าง accumulation phase กันใหม่ ทรงก็คล้ายกับรูปบนสุดนั่นเลยครับ คือมีการขายเป็นหลัก ขายได้ทุกวัน เพราะบรรยากาศของดัชนีมันเอื้อให้ต้องทำอย่างนั้น แต่ในระหว่างที่ SET เป็นขาลงนั้น มันก็ไม่ได้แดงทุกวัน ถ้าได้เขียว หุ้นบางตัวก็จะแริ่มมีการดีดตาม
พอ SET ไม่ทำนิวโลว์ มีการย่ำ ไม่ลงต่อ หุ้นบางส่วนก็จะออกข้าง เพื่อทดสอบแรงขายตาม
ตรงนี้แหละเป็นจุดสังเกตที่สำคัญ
แต่ก่อนผมก็ไม่เคยคิดเทียบกับ SET มาก่อน พอมีเวลาทำการบ้าน เฝ้าหุ้นเพื่อหาจังหวะซื้อ ก็เห็นจุดร่วม
อ๋อ.. ถ้าอยากเข้าใจ Wyckoff accumulation ต้องดูดัชนีประกอบด้วย
ที่สำคัญคือ ต้องมีเงินสดรอซื้อหุ้นที่ราคากลับตัวตามแบบ phase C กับ D

ถึงกระนั้น ผมก็ไม่แนะนำให้ท่าน ดักซื้อที่ช่วง spring
เพราะมันยากเกินไป เสี่ยงเกินไป เพราะสถานการณ์ยังไม่เคลียร์
รอให้ SET มันกลับตัว หรือยืนยันการกลับตัวก่อน ค่อยหาทางเข้าซื้อ

เพราะอะไร?
เพราะเวลา SET ลงน่ะ หุ้นทุกตัว ลงตามเหมือนนัดกันมา
แต่เวลาขึ้นน่ะ โอ้โห เหมือนคนขี้เกียจตื่นเช้าน่ะครับ ต้องแซะขึ้นจากเตียงกันเลย
อืดอาด ลีลา เพราะว่าเงินไม่ยอมเข้า คนซื้อก็กลัวโดนตบคว่ำเหมือนกัน
ลักษณะของการโดนตบ ก็คือ แท่งเทีนทิ้งไส้บนนั่นแหละครับ
มันเป็นการทดสอบแรงขายด้านบน ว่ายังมีคนต้านอยู่มากแค่ไหน



SITHAI คือทรงของการเจอแรงต้านของ supply ทางด้านบน
ใครกันล่ะที่ต้าน? ก็คือคนติดดอยนั่นไง กำลังร้องขอชีวิตคืน

เมื่อมีคนไม่อยากให้ผ่าน ก็ต้องยอมถอย กลับมาตั้งหลักใหม่ ค่อยๆสะสมเพื่อเอาใหม่
ดีหน่อยก็จะเป็นทรงนี้

หรืออาจจะโดนขายหนักให้กลับมาตั้งหลักใหม่แบบนี้


เราเดาไม่ออกหรอกว่าจะเป็นยังไงต่อ เพราะไม่ใช่นักทำนายอนาคต
ดังนั้น สิ่งที่ทำได้คือ "รักษาผลประโยชน์ของตัวเอง" ถ้าไม่แน่ใจ หนีก่อน

ทีนี้ ถ้าใครไม่เข้าใจ wyckoff เลย แต่อยากหา Phase C - D  จะทำยังไง?
ผมแนะนำเลย basic ที่สุด คือการยืนยันขาขึ้น
ก็ไม่มีท่าไหนหรอก ผมซ้ำซากมาก จำท่าจากภาพเดียว จากหนังสือเล่มเขียวกับดำ


หรือ ขั้นตอนการกลับตัวขาดขาลงแบบนี้ก็ได้
โดยจุดซื้อที่ดีและไม่ต้องรอนาน คือจุด 4 นะครับ
ปล่อยให้เทพเขาซื้อที่จุด 1 ไปก่อน
เราเล่นหุ้นแบบหลังแน่น ไม่ชัวร์ไม่เอา
แต่ถ้าคิดว่าชัวร์ จากนั้นมันชั่ว ก็ต้องรีบเลิกนะครับ
นั่นคือการมี stop loss ดักเอาไว้ หลุด 5-7% ไม่ควรเก็บไว้ทำพันธุ์
ถ้าจากนั้นมันกลับตัวเป็นคนดี ค่อยว่ากันใหม่

ผม่าทั้งสองรูปนี้ มันเป็นการอธิบาย Phase C กับ D ของ wyckoff อีกรูปแบบหนึ่ง
ถ้าท่านไม่เข้าใจรูปบน ก็เอาแบบง่ายๆอย่างสองรูปนี้ ก็ใช้งานได้เหมือนกันครับ

คือการจำสองภาพนี้ มันครอบคลุมแนวทางการกลับตัวได้ทั้งหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นกลับตัวจากขาลง หรือการสร้างฐานในด้านบน หรือที่เขาเรียกกันว่า re-accumulation ซึ่งมันก็คือเรื่องเดียวกับรูปที่ 9.47 เลย
กราฟทรงที่คล้ายกัน

จริงๆแล้ว ทรงแบบนี้มีให้เห็นทุกปี มันเป็นกระบวนการย่อยแรงขายแบบพื้นๆ
ใครมีเล่มดำก็หยิบเอามาพลิกอ่านได้นะ บทที่ 9 จุดซื้อระหว่างขาขึ้น

ทีนี้ ก็มีอีกปัญหาของทรงกราฟที่ชวนคิดกัน
บางตัวมันดีดแรงมาก SOS (หรือ Sign of Strength) มันแรงมาก ไม่กล้าซื้อจะทำยังไง?
ก็ต้องรอดูการย่อยแรงขายหลังจากนั้นครับ

ตัวอย่าง FN ให้ท่านมองมันเป็นกรอบย่อยแรงขายใหม่ พอเห็นราคาทำแท่งเขียวยาวแสดง sign of strength ถ้ามัน breakout กรอบการแกว่งที่แคบที่สุดได้ ก็ follow buy ตาม
การซื้อแบบนี้ จะปลอดภัยกว่า การตามตอนที่ราคาข้ามจุดสูงสุดของแท่งเขียวยาวสองแท่งนั้น เพราะมีคนเล่นรอบเขารอดักขายแล้ว ราคาอาจไม่ผ่าน หรือถ้าผ่านได้ ก็จะวิ่งพรวดเดียว ตามไม่ทัน
เรื่องพวกนี้ มีในเล่มดำนะครับ ลองพลิกไปอ่านดู

แต่อีกประเด็นที่ผมเจอบ่อย คือแนวต้านจากเส้นค่าเฉลี่ย
เพราะหุุ้นที่เป็นขาลง ราคาลงไปต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยระยะกลางและยาว
เมื่อมันฟื้นตัวขึ้น ก็มักจะต้องเจอดักขายที่โซนเส้นค่าเฉลี่ย เช่น

BIZ ราคาร่วงลงมาโดยตลอด พอมีเด้งก็ไม่เคยผ่าน EMA10 อย่างน้อย ๓ ครั้งติด
ล่าสุดก็ทำได้ในแท่งเดียว ก็ถือว่าน่าสนใจติดตามดูว่าจะยังไงต่อไป


เรื่องเส้นค่าเฉลี่ย แนะนำให้ท่าหยิบเล่มเขียวมาอ่านเพิ่มนะครับ

แถมประเด็นเสริม คือ Pivot Point เพราะมันมักจะมาพร้อมกัน
หน้าตาก็เป็นเหมือนกับที่ผมชี้รูปบนเลยครับ นี่เป็นภาพเบสิค คือ
๑)  ราคาทำแท่งเขียวยาว breakout กรอบการบีบตัวแคบๆ
๒) วอลุ่มสูงกว่าช่วง 10 วันที่ผ่านมา
ความจริงแล้ว มันก็คือแท่ง SOS นั่นเองแหละ เพียงแต่ต่างคนต่างเรียก
ท่านลองเลื่อนไปดูภาพบนก็ได้

Pivot Point มันดียังไง?
ก็เหมือน SOS คือ เป็นการส่งสัญญาณว่า มีแรงซื้อจาก smart money หรือ สถาบัน หรือ รายใหญ่ อะไรแล้วแต่คุณจะเรียก มันเป็นการบอกว่าราคาพร้อมเดินเครื่องไปต่อแล้ว หลังจากที่พักรอผู้โดยสารอยู่นาน
แต่ถึงกระนั้น จุดซื้อใช่ว่าจะเข้าได้ทุกจุดนะ เพราะความเสี่ยงก็ต่างกัน
ท่านควรรอตอนที่มันเกิด pivot ข้ามกรอบการแกว่งที่แคบๆ แล้ว follow buy ตอนที่ราคา breakout
ที่แนะนำแบบนี้ก็เพราะว่า จุดหนี หรือ stop loss ของท่านจะแคบไงครับ
อีกอย่างก็มั่นใจว่าอย่างน้อยฉันไม่น่าโดนหลอก
ถ้าราคาหลุดโลว์ของกรอบการแกว่ง ก็หมายความว่า มันอ่อนแอ และเมื่อกรอบการแกว่งมันแคบ เปอร์เซ็นต์การ stop loss ของคุณก็น้อย แทนที่จะขายที่ 7% ก็อาจจะเหลือแค่ 3-5% เท่านั้น
อีกอย่าง ยิ่งท่านซื้อหุ้นที่ราคาเยอะๆระดับสิบบาทขึ้น การแกว่งของราคาที่แคบ เปอร์เซ็นต์การตัดขาดทุนก็จะน้อยตาม นี่แหละคือเหตุผลหนึ่งว่าทำไมเทรดเดอร์สายพี่มาร์ค ปู่โอนีล ถึงแนะนำให้ซื้อหุ้นราคาเกินสิบ เพราะ stop loss ของท่านจะแคบกว่าซื้อหุ้นต่ำกว่านั้น

แต่อย่างไรก็ตาม
สภาพตลาดหรือ SET คือ key success factor เลยครับ
โดยเฉพาะช่วงที่ตลาดฟื้นตัวจากขาลง เป็นขาขึ้นรอบใหม่ มันเป็นจังหวะเข้าทำที่ดีมาก
เพราะมันเป็นช่วงที่ฝุ่นกำลังหายตลบ หุ้นตัวที่แข็งแกร่ง พร้อมขึ้น มักจะออกตัวก่อน
ซึ่งไม่มีเยอะ ถ้าเรามีความรู้ ก็สามารถเข้าไปจับจองเป็นเจ้าของได้ตั้งแต่ต้นเทรนด์
นี่คืออีกเหตุผลว่าทำไมสายโมเมนตัมของปู่โอนีลจึงชอบช่วงนี้มาก

ดูอย่าง HPT สิครับ มันหยุดลงก่อน SET เสียอีกนะ
แต่เพราะดัชนียังไม่นิ่ง มันก็รอ รอไปเรื่อยๆ
จนกระทั่ง SET ยืนยันว่าอยากขึ้นมากกว่าลง pivot ออกมาเลย ทั้งแท่งเขียวและวอลุ่ม

ดังนั้น ทุกอย่างต้องเป็นไปในทางเดียวกัน คือ
๑) บรรยากาศตลาด ซึ่งวัดจากการเคลื่อนไหวของ SET ถ้าดี หุ้นก็จะดีตาม
๒) พอดัชนีดี เราก็ค่อยไปคัดเลือกหุ้นที่ทำตัวสอดคล้องกับ SET ต่อไป
ถ้าเป็นแนวทางของผมก็ไม่ซับซ้อนอะไร ๓ รูปนั่นแหละ หากินได้ตลอด
โดยต้องใช้ร่วมกับการ stop loss ด้วยนะครับ อย่าลืม สิ่งสำคัญที่สุดของนักเก็งกำไรคือเงินทุน

แต่ๆๆๆ อย่าเชื่อผมมาก
นี่เป็นเคสที่ล้มเหลว

ดังนั้น รักษาเงินต้นของท่านไว้ก่อนเป็นดี

บทความอ่านเพิ่มเติม
๑) วอลุ่มและการยืนยันขาขึ้น ฮิตมากๆ ช่วงนี้คนแชร์กันเยอะ
๒) หา trend reversal ด้วยเส้นค่าเฉลี่ย

หนังสืออ่านเพิ่มเติม
๑) หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่ (เล่มดำ)
๒) หุ้นซิ่ง สวิงเทรด (เล่มเขียว)

- ขอให้ท่านได้กำไรจากการเทรดอย่างยั่งยืน - 

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

Setup เงินล้านของ Kristjan Kullamägi

จิตวิทยา การวิเคราะห์และใช้งาน แท่งเทียน Doji

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่