คุณต้องเรียนรู้วิธีการเป็นผู้จัดการความเสี่ยงที่ยอดเยี่ยม

Image
พี่มาร์ค มิเนอร์วินี กล่าวว่า “หากคุณต้องการสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอ คุณต้องเรียนรู้วิธีการเป็นผู้จัดการความเสี่ยงที่ยอดเยี่ยม” การเป็นนักเทรดที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีอย่างสม่ำเสมอไม่ได้หมายถึงการชนะทุกครั้งที่คุณเข้าเทรด แต่หมายถึงการมีวิธีการจัดการความเสี่ยงอย่างชาญฉลาดเพื่อให้คุณสามารถปกป้องทุนของคุณและเพิ่มโอกาสในการเติบโตของพอร์ตการลงทุนในระยะยาว  นี่คือการขยายความแนวคิดที่ว่า "การเป็นผู้จัดการความเสี่ยงที่ยอดเยี่ยม" สำคัญอย่างไร: eBook "Risk Management: การบริหารจัดการความเสี่ยงเบื้องต้นสำหรับนักเทรด" มีจำหน่ายที่แอพ Meb เท่านั้น  https://t.co/YaO0CIQq8J 1. ความเสี่ยงเป็นส่วนหนึ่งของการเทรด ในตลาดการเงิน ไม่มีใครสามารถควบคุมผลลัพธ์ของแต่ละการเทรดได้ การเคลื่อนไหวของตลาดขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอก เช่น ข่าวเศรษฐกิจ หรือพฤติกรรมของผู้เล่นในตลาด ซึ่งมักเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ความสำเร็จจึงไม่ได้มาจากการ "เดาถูก" แต่เป็นการรู้วิธีจัดการความเสี่ยงเมื่อคุณ "เดาผิด" ตัวอย่าง:   สมมติว่าคุณมีเงินทุน 100,000 บาท หากคุณใช้เงินทั้งหมดในการเ

(สรุปหนังสือหุ้น) The Mentally Tough Online Trader

โดย เซียว จับอิดนึ้ง : facebook.com/zyoit


The Mentally Tough Online Trader เป็นหนังสือที่พูดถึงวิธีการจัดการสภาพจิตใจของนักเล่นหุ้นออนไลน์ และอีกครึ่งเล่มเป็นเทคนิคอล โดยใจความหลักจะพูดถึง
+จิตวิทยาของ online trader
+Technical Analysis สำหรับ online trader
+และลักษณะของ online trader ที่ประสบความสำเร็จมีอะไรบ้าง
ก่อนหน้านี้ที่สนใจแค่ method ผมมองว่าเนื้อหาค่อนข้างเบาบางไปนิด เหมาะสำหรับอ่านเล่น
อารมณ์ประมาณเอาเนื้อหาประเภท "ปลุกยักษ์" มาประยุกต์ใช้กับนักเทรด

แต่พอได้มาให้ความสนใจกับ mindset จริงๆ ก็พบว่าเล่มนี้ก็ใช้ได้เลย
สามารถเอาบางเรื่องไปต่อยอดได้

ลักษณะ ๕ ประการของนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ
๑. ยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง : มีความเป็นอิสระทางความคิด, ศรัทธาในตัวเอง, เชื่อใจตนเอง
๒. ซื่อตรง ซื่อสัตย์ : มีมุมมองต่อตลาดและตนเองที่สุจริต ปราศจากอคติ, เข้าใจธรรมชาติของตัวเองว่ามีความกลัวกับความโลภอยู่ภายใน แต่ก็จะไม่หลงไปกับสิ่งเหล่านั้น
๓. มีความกล้าหาญ : ความเชื่อมั่นเกิดจากความรอบรู้ สามารถสร้างความมุ่งมั่นโดยอัตโนมัติและมีไหวพริบ มีสติที่รู้ตัว มีจิตใจที่สงบอันเป็นการรับประกันว่าประสบความสำเร็จ
๔. รอบคอบ : มีความสามารถในการบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างถูกต้อง มีกระบวนการคำนวณและวางแผน มีการพัฒนากลยุทธ์ที่ทำอย่างต่อเนื่อง
๕. มีความยืดหยุ่น : มีจิตใจที่เปิดกว้าง ยอมรับความเห็น ยอมปรับเปลี่ยนมุมมองได้ถ้าคิดว่ามันจะทำให้ตัวเองเป็นนักเทรดที่ดีขึ้น


การจะอยู่รอดในตลาดอย่างยั่งยืน ต้องทำยังไงบ้าง?
๑. มีความอดทน  : คุณต้องรู้จักรอคอยโอกาส รอให้ราคาเคลื่อนไหวเข้าตามสูตรและแผนของคุณก่อน ค่อยเข้าเทรด
๒. มีวินัย : มองภาพใหญ่เอาไว้ คำนึงถึงความเสี่ยง การบริหารเงินต้น ให้เราอยู่รอดเป็นหลัก
๓. มีกลยุทธ์ : มีแผนการเทรดที่ระบุ limit loss จุดตัดขาดทุน และการ let profit run
๔. มีความเชี่ยวชาญในการเทรดเฉพาะทาง : รู้คาแรคเตอร์ของตลาดที่ตัวเองถนัดเป็นอย่างดี รวมถึงสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้การเทรดบรรลุผล
๕. มีเป้าหมายที่ระบุชัด
๖. ยึดมั่นกับการควบคุมความเสี่ยง : หมั่นเช็ค risk reward ratio ตลอด
๗. มีความนิ่งของสภาพจิตใจ : ต้องมองตัวเอวในแง่บวก มีความคิดสร้างสรรค์ แต่ก็มีการโฟกัสที่เข้มข้น ซึ่งการมีการวางแผนที่ดีและทำตามวินัย จะช่วยให้ท่านมีความผ่อนคลายและมั่นใจ


หลุมพรางที่นักเทรด ทั้งระยะสั้นและยาวพลาดกัน
๑. เลือกหุ้นไม่เป็น ไม่ดูความสามารถในการทำกำไร และไม่สนใจสภาพคล่อง
๒. พยายามซื้อที่จุดต่ำสุดให้ได้
๓. ถัวเฉลี่ยขาดทุน
๔. ซื้อหุ้นราคาต่ำๆ ถูกๆ
๕. อยากได้กำไรเร็วๆ ซื้อแล้วกำไรทันที
๖. ซื้อตามข่าวลือ หรือสตอรี่
๗. ลงทุนตามความรู้สึก แทนที่จะเป็นการทำการค้นคว้าทำการบ้านมาก่อน
๘. ไม่กล้าขายเพื่อป้องกันรักษากำไร ปล่อยกำไรให้กลายเป็นขาดทุน
๙. ไม่ยอมขายขาดทุน ยอมทนขาดทุน
๑๐. ขายทำกำไรไวไป ไม่กี่ช่องก็ขาย
๑๑. โฟกัสไปที่การไม่อยากเสียค่าคอมมิชขั่นมากเกิน กว่าโอกาส
๑๒. รอซื้อที่ราคาย่อ แทนที่จะซื้อในจังหวะที่ราคาพร้อมวิ่ง
๑๓. ซื้อหุ้นตามความเชื่อ หรือความเห็น
๑๔. ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะทำยังไง(ซื้อหรือขาย)ในช่วงเวลาที่เข้าด้ายเข้าเข็ม วิกฤต


กฎ ๑๐ ข้อ เพื่อการเทรดที่ประสบความสำเร็จของ เบอร์นาร์ด บารุค
๑. อย่าเก็งกำไร ถ้าคุณไม่มีเวลาเฝ้าหน้าจอตลอด
๒. อย่าเชื่อข่าวลือและเคล็ดลับเลื่อนลอย
๓. ก่อนซื้อหุ้น ต้องทำการบ้านมาแล้วว่า บริษัทนั้นเป็นยังไง โดยเฉพาะ ความสามารถในการทำกำไร และโอกาสในการเติบโต
๔. อย่าพยายามซื้อที่ราคาต่ำสุด ขายที่จุดสุด เพราะมีแต่พวกขี้โม้เท่านั้นที่ทำได้
๕. เมื่อขาดทุน ก็ให้รีบขาย รีบเคลียร์ให้ไว การขาดทุนครั้งแรกมันดูแลง่ายเสมอ
๖. อย่าซื้อหุ้นหลายตัวเกิน โฟกัสเอาไม่กี่ตัว เท่าที่เราดูแลจัดการได้ง่าย
๗. หมั่นตรวจสอบผลงานการเทรดของตัวเอง เพื่อให้มั่นใจว่าแนวทาง กลยุทธ์ ยังใช้ดีอยู่
๘. รู้ว่าเมื่อไหร่ควรขายหุ้นที่วิ่งรอบใหญ่ออกได้เสียที เช่นเดียวกันกับการรู้จุดซื้อที่ดี
๙. เก็บเงินสดเหลือไว้บ้าง เพื่อให้เกิดสภาพคล่อง
๑๐. อย่าพยายามเก่งทุกตลาด ทุกแนวการลงทุน เลือกเอาสักอย่างที่ทำแล้วได้ดีที่สุด


ลักษณะของ top trader
๑. รู้ว่าแรงจูงใจให้เข้ามาเทรดของตนเองคืออะไร
๒. มุ่งมั่นพัฒนากลยุทธ์การเทรดให้เหมาะกับบุคลิกของตัวเอง
๓. ชอบการเทรด และทำมันได้อย่างสบายๆ ง่ายๆ
๔. มุ่งมั่นทำงานหนักเพื่อพัฒนาทักษะ และรักษาจุดแข็ง ไม้ตายในการทำเงินเอาไว้
๕. มั่นใจในตัวเองและแนวทางการเทรดของตัวเอง
๖. สร้างสิ่งแวดล้อมในการเทรดให้เหมาะสม ให้ตัวเองมีสภาพจิตใจที่เคลียร์ อันจะทำให้เขามีความยืดหยุ่นในการเทรด และรู้ว่าขั้นตอนที่ถูกต้องควรทำยังไงให้เรียบร้อยที่สุด
๗. มีกลยุทธ์การเทรดที่เวิร์ค และมีวินัยในการทำตามแผนเทรดนั้น
๘. มีอิสระในการตัดสินใจ เชื่อว่าตัวเองคือคนรับผิดชอบต่อสิ่งที่ทำทั้งหมด
๙. เข้าใจความแตกต่างระหว่างความผิดพลาดกับการขาดทุน loss vs. losing
๑๐. รู้จักปรับตัวในช่วงที่ตลาดยากลำบาก ว่ามันเสี่ยง ต้องเทรดน้อยลง
๑๑. เข้าใจว่าอะไรเป็นตัวขับเคลื่อนตลาด เข้าใจว่าหวังกับกลัว มันต่างกันยังไง
๑๒. ไม่เทรดเพื่อให้คนอื่นได้กำไร เอาใจคนอื่น


คาแรกเตอร์ของ top trader
๑) มั่นใจในตนเอง
๒) มีภูมิรู้
๓) มีความมั่นใจ
๔) มีวินัย
๕) สามารถกระตุ้นตัวเองให้มุ่งมั่นได้เอง
๖) จัดระเบียบเป้าหมาย การเดินทางได้เอง
๗) มุ่งมั่นในการทำงานสูง
๘) ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง
๙) อดทน
๑๐) ทำงานหนัก
๑๑) เปี่ยมพลัง
๑๒) มีเป้าหมาย
๑๓) จัดการความเครียดได้
๑๔) มีความคิดในเชิงรุก
๑๕) สนุกกับการบริหารความเสี่ยง
๑๖) มีการมุ่งเน้น โฟกัส
๑๗) มีความคิดเป็นอิสระ
๑๘) ทะเยอทะยาน ที่เป็นอัตโนมัติ
๑๙) มีการเคารพความเสี่ยง

ทักษะทางด้านจิตวิทยาที่จำเป็นสำหรับเทรดเดอร์
1) มีแรงจูงใจที่ที่น่าสนใจ
มันเป็นเหตุผลที่ทำให้คุณต้องเทรด หาให้เจอว่ามันคืออะไร
นักเทรดโดยทั่วไป มีแรงจูงใจดังนี้
- เทรดเพื่อความตื่นเต้น
- อยากรวยเร็วๆ
- เพื่อความบันเทิง
- มันเป็นอาชีพที่สุดยอด

เมื่อเกิดแรงจูงใจ ต่อไปเราจะเกิดโฟกัส จากนั้น(ถ้ามีความฉลาดพอ) คุณก็จะมีกลยุทธ์ที่เหมาะสม

แรงจูงใจของ Top trader
Winners are NOT BORN. They are MADE.
การเป็นผู้ชนะ ไม่ใช่พรสวรรค์ แต่มันเป็นพรแสวงล้วนๆ

แนวทางการตัดสินใจของผู้ชนะ
ลำดับแรก) มีการวิเคราะห์ที่รอบด้านและวางกลยุทธ์ที่ดี
(ขึ้นอยู่กับการเก็บข้อมูลว่าดีและละเอียดแค่ไหน)

ลำดับสอง) ลงมือทำโดยอัตโนมัติ (เกิดจากความมั่นใจ)

ลำดับที่สาม) ได้ผลการเทรดที่สำเร็จ(ไม่ว่าจะได้กำไรมากหรือน้อยก็ตาม)

Joel Greenberg บอกว่า การเทรดเหมือนเกมส์ต่อจิ๊กซอว์ ซึ่งเป็นเกมส์ที่เขาชอบ
ในตลาดหุ้นมันมีปริศนาในอนาคตที่คาดเดาไม่ถูกว่ามันจะออกมาหน้าไหน
เรามีแค่ข้อมูลปัจจุบันในมือเท่านั้น ความสนุกคือสิ่งที่เราคาดเดาเอาไว้ กับสิ่งตลาดเฉลยนั้น มันจะตรงกันหรือเปล่า

Joseph Seigel บอกว่า การเทรดก็เหมือนการแข่งขัน โดยคุณต้องพยายามทำให้ตัวเองเอาชนะนักเทรดคนอื่นด้วยความมั่นใจในตนเองแม้จะมีกังวลอยู่ด้วย


2) มีการตั้งเป้าหมาย
คุณต้องมีสามสิ่งนี้
- รู้ความต้องการของตัว คุณต้องการอะไรจากการเทรด
ทักษะทางจิตวิทยาหรือกลไก, เทคนิคการเทรด, การบริหารความเสี่ยง หรือสไตล์การเทรดที่คุณอยากจะประสบความสำเร็จในอนาคต
- พัฒนาแผนการลงมือทำ
ลงมือทำคือสิ่งจำเป็น, ทำการบ้าน, ทำงานหนัก, และมีวินัย
- ประเมินผล และปรับปรุง
ในโลกของการเทรด นอกจากจะมีความตื่นเต้น มันยังเต็มไปด้วยความเสี่ยง, คาดเดาไม่ได้ และ ผันผวน
ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จในการเทรด คุณต้องมองที่กระบวนการเป็นหลัก ไม่ใช่จ้องผลลัพธ์ เพราะการเทรดมันต้องการความสามารถในการปรับจูนกระบวนการให้เหมาะกับสภาวะตลาด ถ้ามันเวิร์คก็ทำต่อ แต่ถ้าใช้ไม่ได้ก็ทิ้งไปก่อน
นักเทรดที่ประสบความสำเร็จ ใช้ประสาทสำผัสและความเด็ดเดี่ยวอันเกิดจากสติปัญญา เพื่อเลือกเอากลยุทธ์ที่เหมาะสมมาใช้ ดังนั้นหัวใจของมันคือ คุณต้องมีความยืดหยุ่น, มีความรู้สะสม, และ ความวิริยะ

สิ่งที่ทำให้ Top tarder มีความต่างจากเม่า
- พวกเขามีการทำการบ้าน มีการค้นคว้า คัดกรอง อย่างหนัก ก่อนซื้อหุ้นได้แต่ละตัว
- พวกเขารักการเทรดอย่างจริงจัง
- มีการบริหารความเสี่ยงอย่างดีเยี่ยม
- ยอมรับว่าการขาดทุนเป็นส่วนหนึ่งของการเทรด
เมื่อทีความเชื่อแบบนี้ มันทำให้พวกเขา
- มีความเข้าใจที่มาของแรงกระตุ้นให้เทรด เมื่อหมดก็สามารถสร้างได้
- สามารถสร้างระบบการเทรดที่เหมาะสมกับบุคลิกได้
- สนุกกับการเทรด
- สนุกกับการทำงานหนัก
- มีความมั่นใจ
- มีจิตใจที่นิ่งและสงบ

3) มีความมั่นใจ
สมการของความเชื่อทางบวก
อันดับแรก) มีความคาดหวังทางบวก (เพราะมีความมั่นใจ)
ต่อมา) มันจะช่วยให้สร้างกลยุทธ์ที่รอบคอบ
สุดท้าย) ผลการเทรดออกมาดีตามที่ต้องการ(ไม่ว่าจะกำไรหรือขาดทุนก็ตาม)

สมการของความเชื่อทางลบ
อันดับแรก) ความคาดหวังทางลบ (กลัว, ไม่แน่ใจ)
ต่อมา) มันทำให้เกิดการสร้างกลยุทธ์ที่หละหลวม (เพราะมีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง)
สุดท้าย) ผลการเทรดออกมาแย่

ลำดับขั้นของการเทรดที่ประสบความสำเร็จ
๑) เริ่มต้นจากการเทรดที่เกิดจากการวิเคราะห์ที่รอบด้าน
๒) ทำให้เกิดระบบที่เพิ่มความเชื่อและทัศนคติส่วนบุคคล
๓) จึงส่งผลให้ได้การกระทำที่เกิดจากโฟกัสทางบวก
๔) และยังทำให้สภาพจิตแน่วแน่และเปี่ยมสติ
๕) ในที่สุดก็จะทำให้ได้ประสิทธิผลการเทรดที่ดีเยี่ยม


4) มีการควบคุมความเครียด
ความกลัว ๓ อย่างและวิธีแก้
๑) กลัวล้มเหลว
อาการ คือ เทรดด้วยความกดดันสูง, มีการเดิมพันในแต่ละการเทรดสูง, ต้องการความเป๊ะ, หรือฟังความเห็นของคนอื่นมากเกินไป
วิธีแก้ คือ โฟกัสไปที่กระบวนการเทรด มีการฝึกซ้อมในใจก่อนเทรด และสร้างความเชื่อที่ว่าการเทรดคือการทำเพื่อตนเองไม่ใช่ทำให้คนอื่นๆพอใจ เมื่อคุณโฟกัสไปที่กระบวนการตามกลยุทธ์ คุณก็ไม่วอกแวก

๒) กลัวประสบความสำเร็จ
อาการ คือ ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้, หรือเกิดอาการรู้สึกดีกับกำไรมาก แต่ทำให้เทรดเกอร์บางคนเกิดความสงสัยในความสามารถของตัวเอง
วิธีแก้ คือ ระลึกเสมอว่า ถ้าเราวางแผนมาดี ผลที่ออกมาก็ดีตามนั้น, พยายามดึงสติให้กลับมายืนอยู่ในความเป็นจริง, จากนั้นก็กลับไปยึดและทำตามแผนที่วางไว้

๓) ควบคุมตัวเองไม่ได้
อาการ คือนักเทรดรู้สึกว่าตลาดเล่นไปแฟร์กับตัวเอง ทำให้เกิดการเทรดแบบขาดสติ
วิธีแก้ คือ ฝึกจิตให้มีความผ่อนคลายขณะเทรด โฟกัสไปที่กระบวนการตามกลยุทธ์ และมุ่งเน้นไปที่การยึดกฎ stop loss เพื่อเทรดแบบให้ขาดทุนน้อยไว้ก่อน


5) มีการโฟกัส
การโฟกัส คือหัวใจสำคัญของการมีวินัย ซึ่งมันเกิดจากความรู้ด้วยประสบการณ์และการค้นคว้า หาเจอว่าอะไรคือสิ่งสำคัญที่สุด ให้เราโฟกัสที่เป้าหมายนั้นเพียงอย่างเดียว
การโฟกัส คือ สิ่งที่คุณสามารถควบคุมได้ มันเป็นสิทธิอันชอบธรรม เป็นความรับผิดชอบของคุณ
ยิ่งคุณมีการมุ่งเน้นแบบจริงจังเท่าไหร่ ผลงานก็จะออกมาดีมากตาม โดยส่วนประกอบของมันคือ
- เห็นสัญญาณเข้าทำ
- ลงมือทันที
- รู้สึกดี มีความสุขที่ได้รับโอกาสนั้น
แต่การมีโฟกัสอย่างต่อเนื่องนั้น เป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก นี่คือเหตุผลที่คุณต้องมีตัวช่วย นั่นคือ มีแผนการเทรดที่สมบูรณ์, มีการทำการบ้าน วิจัยมาอย่างดี พวกนี้มันจะช่วยให้เราถ่องแท้กับงานที่เราทำได้ดีขึ้น เมื่อรู้แจ้ง มองทะลุ การบังคับตัวเองให้โฟกัสก็ไม่ต้องใช้พลัง


6) มีการดึงสติให้อยู่กับร่องกับรอย
7) มีจินตนาการในทางบวกและเพิ่มความสามารถ
8) สามารถปรับสภาพจิตให้มีความต่อเนื่อง

- ก็ยังมีอีกเยอะนะครับ ใครสนใจก็ซื้อจากร้าน amazon.com มาอ่านได้ - 
---------------(โฆษณา)-------------

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

สรุปหนังสือ Trade Like a Casino