การที่เราจะ
รันเทรนด์ให้ได้ยาวนานตราบเท่าที่แนวโน้มจะไปได้ ก็ต้องมีเพื่อร่วมทางที่ดีช่วยคิดช่วยตัดสินใจครับ
ซึ่งตัวช่วยที่เห็นและเข้าใจง่าย ใช้สะดวกที่สุดก็คือ
เส้นค่าเฉลี่ย หรือ
Moving averages อันเป็นผลมาจากการเฉลี่ยของการเคลื่อนไหวราคาในระยะเวลาต่างๆกันครับ บางคนก็เรียกมันว่าค่ากลาง เพราะบ่อยครั้งที่ราคาวิ่งห่างจากเส้นค่าเฉลี่ยแล้วอีกไม่นานมันก็จะวิ่งกลับไปหาเส้นนี้อีก
นอกจากนี้ ประโยชน์ของมันที่ยอดเยี่ยมก็คือ เป็นเหมือนแนวรับหรือกรอบล่างประคองการขึ้นของแนวโน้มรอบนั้นๆครับ
ที่สำคัญคือ เส้นค่าเฉลี่ยจะมีประสิทธิภาพสุดเมื่อราคามีแนวโน้มที่ชัดเจนเท่านั้น ซึ่งเหมาะและตรงกับความต้องการของเราพอดี เพราะเมื่อเราก็ต้องการรันกำไรเฉพาะช่วงที่มันมีเทรนด์ขาขึ้นแข็งแรงเท่านั้น
พอราคาหมดแนวโน้มก็ขายออกเท่านั้นเอง ง่ายๆ
นอกจากนี้
เส้นค่าเฉลี่ย ยังช่วยดึงสติไม่ให้กลัวเกินไป พอราคาวิ่งขึ้นแรงๆแล้วมีย่อหนัก หากเราเฝ้าจอตลอดจะเกิดความกลัว ก็ให้ใช้เส้นนี้เป็นผู้ช่วยตัดสินขั้นสุดท้ายได้
เพราะบางทีเราเห็นราคาทำแท่งแดงลบเยอะ ก็กลัว (ในที่นี้ 2-5% ถือว่าปกตินะ แต่หากเป็น 10% ขึ้นไปก็ควรกลัวครับ) จึงรู้สึกอยากขายล็อกกำไร จนลืมเป้าหมายของเราว่าอยากรันเทรนด์กินกำไรคำโตๆ
การใช้เส้นค่าเฉลี่ยเป็นด่านสุดท้ายเพื่อยืนยันการกลับตัวถือว่าช่วยลด bias ได้เยอะเลยครับ คือถ้าเห็นราคาลงแรง แต่ยังไม่ละเมิดเส้นค่าเฉลี่ยก็ถือว่าแนวโน้มยังไม่จบ เราก็หลับตาข้างหนึ่งรอดูความเคลื่อนไหวของมันต่อไป เพราะมันมีโอกาสหยุดลงแล้วเด้งกลับขึ้นไปทำนิวไฮได้อีกในอนาคต (ซึ่งควรใช้กับหุ้นที่พื้นฐานดีเท่านั้นนะครับ)
คำว่า
Magic line นั้น หมายความถึงเส้นค่าเฉลี่ยที่เหมาะสมกับหุ้นตัวหนึ่งๆเท่านั้น ซึ่งบางทีก็ไม่เหมือนตัวอื่น เราก็ต้องปรับหาเอาเอง
ซึ่งผมมีไอเดียให้ท่านปรับจุดเริ่มต้นแบบนี้
- หากราคาวิ่งเร็ว ทำแท่งเขียวยาวต่อเนื่อง พอย่อก็แท่งสั้นไม่กี่วันก็ไปต่อ แสดงว่าเป็นหุ้นซิ่งเก็งกำไรสูง หากอยากได้กำไรเกาะแนวโน้มเร่งด่วนนั้น เส้น 5-10 วัน เหมาะสุด
- หากราคาวิ่งไม่เร็วมาก มีเขียวแท่งสั้นๆ ขึ้นสามสี่วัน แดงสามสี่วัน แต่เป็นแท่งสั้นๆ ราคายกไฮยกโลว์ขึ้น ไม่ย่อแรง ลงไปกินกรอบเดิม แสดงว่าราคายังอยู่ในช่วงสะสม เส้น 10-30 วัน จะใช้ดี
- อีกประเภทคือราคาวิ่งแรงเขียวกลางๆต่อเนื่องหลายวัน ครั้นพอย่อก็ลงหนักหน่วง ให้ใช้เส้น 50 วันเป็นกรอบเอาไว้
- ส่วนเส้น 100 กับ 200 วัน นั้น ผมคิดว่ามันควรจะเป็นจุดรับซื้อมากกว่าที่จะรันกำไร แต่ถ้าใครทนได้ก็ถือว่าใจแข็งมากครับ
เพราะหากราคาลงหนักถึงเส้นนี้แล้วแสดงว่ามันจบแนวโน้มที่แข็งแรงตั้งแต่ 20 วันไปแล้ว ช่วงที่หลุดเส้นนี้ลงไปถือว่าเป็นขาลงในระยะกลาง ไม่ควรถือ ให้ขายแล้วไปรอรับที่เส้น 100 หรือ 200 ไปเลย
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น, นี่ไม่ใช่สูตรสำเร็จหรอกนะ อย่าเชื่อผมมาก ผมแค่ตั้งข้อสังเกตเท่านั้น ท่านยังต้องดูทรงของแท่งเทียนประกอบ ว่ามันทะลุหลุดเส้นนั้นไปแล้วสามารถฟื้นกลับได้ในวันถัดไปหรือเปล่าหรือมันแสดงท่าทีว่าไม่ยอมลงต่อหรือไม่ แล้วค่อยพิจารณาตัดสินเป็นรายเคสต่อไปครับ
ฝากทิ้งท้ายก่อนจบ อย่าลืมเรื่องพื้นฐานนะครับ มันสำคัญมาก เพราะบ่อยครั้งที่หุ้นเน่าดีดตัวแรงๆ มันจะไปได้ไม่กี่แท่งหรอก ขึ้นไปเท่าไหร่ก็จะลงมาเท่านั้น แตกต่างจากหุ้นที่มีผลประกอบการที่ดีขึ้น จะมีคนมาช่วยรับประคองราคาเอาไว้เมื่อย่อมาถึงระดับ
----------------------------------------
-------------------------
(โฆษณา)
หนังสือผลงานของผู้เขียนเองครับ
มีสองเล่ม พี่น้อง ดำ - เขียว
"
หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่" (เล่มดำ) แนะแนวทางการเทรดหุ้นแนวโน้มขาขึ้น ด้วย กราฟวีค ก็จะเน้นการดูแนวโน้มขาขึ้นด้วย price pattern จากนั้นก็รันเทรนด์ด้วยเส้นค่าเฉลี่ย จบลงที่การขายด้วย price pattern เรียกว่าครบวงจรตั้งแต่ซื้อยันขายเลยครับ อ่านเล่มเดียวจบ
ส่วน "
หุ้นซิ่ง สวิงเทรด" (เล่มเขียว) แนะแนวทางการเทรดหุ้นแนวโน้มขาขึ้นด้วยกราฟรายวัน เล่มนี้จะเน้น
การดูแท่งเทียน เอามาใช้ในการหาสัญญาณต้นเทรนด์ของขาขึ้น ซื้อหุ้นแบบ buying strength, buy weakness รันเทรนด์ด้วยเส้นค่าเฉลี่ย 10,20,50, 100, 200 วัน ขายหุ้นออกด้วย selling into strength, selling weakness ครบวงจรเช่นกัน
ขอบคุณทุกท่านที่ให้การสนับสนุนผลงานของเซียว จับอิดนึ้ง ครับ