ปัญหาของมือใหม่ส่วนใหญ่เป็นกันคือ "
หาหุ้นเองไม่เป็น"
สาเหตุน่าจะมาจาก
๑) ไม่มั่นใจในตัวเอง
มองว่าตลาดหุ้นเล่นยาก แต่ก็อยากได้เงิน จึงคิดว่าพึ่งพาคนเก่งๆ
คนที่คร่ำหวอดในตลาดหุ้นมานาน กูรู มืออาชีพ นักวิเคราะห์
เพราะเชื่อว่าคนเก่งไม่น่าจะทำอะไรผิด
๒) กลัวพลาด
ไม่ต้องการขาดทุน ไม่รู้จะแก้ไขยังไง
อยากเทรดแล้วได้กำไรเท่านั้น จึงต้องพึ่งพาคนอื่นที่คิดว่าเก่งกว่า
๓) คิดเองไม่เป็น
ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ไม่กล้าตัดสินใจ แต่ก็อยากได้เงิน
ปัญหาต่อมาก็คือ
๑) ไม่รู้จะขายตรงไหน
๒) ต้องรอถามคนอื่นว่าเขาขายหรือยัง
๓) ขาดทุนหนักเพราะทำอะไรไม่ถูก
๔) โทษคนอื่นไปเรื่อยว่าเป็นต้นตอ ทั้งๆที่มันมาจากตัวเองแท้ๆ
๕) สุดท้ายคุณจะกลายเป็นคนที่น่ารำคาญไปในที่สุดครับ
ไม่มีข้อดีเลยนะ
แต่อย่ากระนั้นเลย...
ผมบอกท่านเลยว่า คนที่เขาหาหุ้นเป็นและประสบความสำเร็จ
ก็เคยเป็นแบบคุณ คือไม่มั่นใจ กลัว
แต่เพราะความที่เขาอยากยืนด้วยลำแข้งตัวเองไม่พึ่งใคร
เขาจึงพยายามหา วิธีหาหุ้น, การหาหุ้น, วิธีหาหุ้นต้นน้ํา ด้วยตัวเอง
แรกๆก็กลัวเหมือนกันแหละครับ แต่พอทำไปเรื่อๆ ลองผิดลองถูก
ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จครับ
วิธีหาหุ้นด้วยตัวเอง
ขอแนะนำไอเดีย หาหุ้นนอกกระแส วิธีหาหุ้นต้นน้ํา ที่น่าจะวิ่งด้วยตัวเองดีกว่า
ผมมีข้อสังเกตุส่วนตัวเกี่ยวกับหุ้นที่มีโอกาสซิ่งแรงๆ ดังนี้
1.มี Market Cap หรือ free float น้อยๆ ราคาวิ่งไวดี
2. พื้นฐานดี ROA ,ROE สูงๆ (10 ขึ้นไป), EBIDA โตขึ้น, มีสตอรี่น่าสนใจ
3. ช่วงก่อนหน้านี้ราคาลงมาเยอะๆ เพราะรายย่อยขายหนีตาย
4. ตอนนี้ราคาเริ่มฟื้นตัว หมายความว่ารถไกล้จะออก เริ่มมีรายใหญ่หรือคนมีเงินมากๆเข้ามาสะสมหุ้นกันแล้ว
พื้นฐาน
สองข้อแรก ดู Market Cap ผมไปที่
http://siamchart.com/stock/ แล้วคลิกให้มันเรียงจากน้อยไปมาก ROE ก็เช่นกัน
ส่วน EBIDA เข้าไปที่
https://www.set.or.th/set/companysummary.do มันจะแสดงข้อมูลสรุปของหุ้นขึ้นมา เราสามารถเช็ค EBIDA, ROA, ROE, free float และข้อมูลอื่นๆที่น่าสนใจให้เราหมดเลย
ตัว EBIDA ให้เช็คหน่อยนะว่ามันสูงเว่อร์หรือเปล่าถ้ามันผิดปกติก็ให้ไปดูช่องรายได้อื่น ถ้ามันสูงผิดปกติก็น่าจะเป็นกำไรพิเศษ พวกนี้ไม่น่าสนใจ
สตอรี่
ผมชอบเข้าไปอ่านบันทึกการประชุมผู้ถือหุ้น เพราะผู้บริหารมักจะบอกอนาคตของธุรกิจในนั้น
มันอยู่ในเว็บของบริษัท-หน้านักลงทุนสัมพันธ์
หรือถ้าเขามาออก Oppday ก็ไล่ดูได้ครับ ของดีเลยครับ
กระซิบเลยว่า นักลงทุนระดับเทพ อย่างพี่โจ ลูกอีสาน
แม้แต่เม่าต่ำชั้นอย่างผม
ก็ได้หุ้นดีๆ น่าสนใจจากคลิป Oppday เช่นกันครับ
หรือท่านจะดูจากผลประกอบการล่าสุดก็ได้
มีคนทำให้ท่านดูมากมายเลย อาทิ
จากเว็บพันทิพ
https://pantip.com/topic/37973154 สรุปของทุกบริษัท
หาพวกที่มีปลประกอบการเติบโตดี น่าตื่นเต้น
แล้วเอามาทำการบ้านต่อ
ผมชอบของเพจ Aspen นะ ทำมาได้ดี
https://www.facebook.com/pg/AspenbyThaiQuest/
ถ้าคิดว่ามันเยอะจัด ไม่รู้เริ่มตรงไหน
ก็ให้เริ่มจากสิ่งที่ท่านชอบก่อนครับ
หุ้นประเภทไหนที่ท่านเล่นแล้วได้กำไร
ท่านเคยทำงานในอุตสาหกรรมไหน
ตั้งต้นจากสิ่งเหล่านี้ก่อนครับ
เทคนิคอล
เป็นการหาจุดซื้อที่ดี ไม่ต้องรอนานครับ เพราะการซื้อดักบางทีก็ไม่ใช่ผลดี เพราะอาจโดนขังได้
ซื้อผิดจังหวะ ก็ไม่ดี เพราะมีโอกาสติดดอยสูง
ก็มีหลายแนวทางครับ....
ราคาฟื้นตัวจากขาลง
ปิดกราฟคัดหุ้นที่อยู่ในช่วงฟื้นตัว (Recovery) สะสม (Accumulation) หรือ ขาขึ้น (Uptrend) เอามาเล่น วิธีการดูว่าหุ้นอยู่ระยะไหนก็ใช้หลักจากบล็อกนี้ครับ
http://ematradingsystem.blogspot.com/2015/10/ema200-ema50.html
ช่วงที่ราคากลับทิศทางแนวโน้มตามแนวทางนี้จะเป็นไปอย่างระมัดระวัง และทุลักทุเล
คล้ายๆกับเด็กที่เพิ่งรู้จักปีนขึ้นที่สูง ต้องใช้ความพยายามและต่อสู้เอามากๆ
แต่เมื่อปีนขึ้นไปได้แล้ว ก็จะไม่ทุลักทุเลแบบเดิมอีก
หนำซ้ำยังใช้เบาะโซฟาเป็นที่กระโดดเล่นสนุกได้อีกต่างหาก
รายละเอียด ดูในเล่มดำได้นะครับ
หรือท่านจะดูการกลับตัวจากขาลงแบบนี้ก็ได้
ฐานราคา
เพิ่มเติม ถ้ามันวิ่งไปแล้ว อยากเล่นทำไง?
ให้รอดูการสร้างฐานราคาแบบนี้ครับ
ไอเดียทางเทคนิคอล ผมมีรวบรวมไว้ในหนังสือเล่มเขียวกับเล่มดำมากมายเลยนะครับ
ลองหยิบขึ้นมาพลิกอ่านดู
การเปิด gap
หุ้นบางตัว ราคาเปิด gap เป็นสัญญาณต้นเทรนด์ครับ
แต่มันก็มีของจริงไม่ถึง 20% ของทั้งหมดเท่านั้น
ท่านต้องระวังให้ดีด้วยครับ อย่าเพลิน
วิธีการดู ใช้หลักการของพี่มาร์ค
๑) แรงตอบรับในช่วงแรก
หุ้นดีดแรง หรือโดนทุบ?
ถ้าเปิดกระโดด ก็ให้ความสนใจ เพราะตลาดตื่นเต้นกับกำไร
แต่ถ้ามันจะไปไกลๆ ต้องดูเกมส์ยาวในข้อต่อไปครับ
๒) ดูแรงต้านต่อเนื่อง
ข้อนี้แหละสำคัญ ว่าราคาจะยืนรักษาทรงของขาขึ้นได้หรือเปล่า?
ผมแนะนำวิธีดูง่ายๆคือ ทำเป็นกล่อง ตั้งแต่ระดับที่เปิด gap ขึ้นไป แล้วดูการย่อยแรงขายว่าเอาอยู่มั้ย เพราะช่วงนี้จะเป็นตอนที่คนที่ได้กำไรเขาขายกัน ถ้าอยู่ก็แสดงว่ามีโอกาสไปต่อสูง ท่านก็รอให้เกิด pivot buy point แล้วค่อยตาม
๓) แรงยืดหยุ่น
คือดูทรงของการย่อยแรงขาย มีการต่อสู้กันดุเดือดแค่ไหน
ต้องลุ้นให้ demand เอาชนะและรับแรงขายให้อยู่
(ถ้าใครมีหนังสือเล่มดำ ให้ลองเปิดอ่านบทที่ 7 กับบทที่ 9 นะครับ ผมลงรายละเอียดไว้ให้แล้ว)
เคสในช่วงนี้จะมีอยู่ ๒ แบบ
- การย่อยแรงขาย คือราคาจะแกว่งแคบลง แล้วก็ค่อยๆ ยกตัวขึ้นด้วย pivot point
- มีการเขย่ารุนแรง โดนขายโหด ให้ราคาร่วงแรง พี่มาร์คบอกว่าถ้าราคาลงห่างจากยอดเกิน 15% ถือว่าไม่สวยแล้ว ให้หาที่ราคาร่วงเบากว่านั้น และที่สำคัญคือ เมื่อโดนขายแท่งแดง วันต่อไปก็ควรดีดกลับทันที แบบนี้มันเป็นทรงของหุ้นที่มีพลังเหลือพอที่จะไปต่อได้
พวกนี้ผมเรียกมันว่าการ Buying Strength หรือซื้อเมื่อราคาแสดงความแข็งแรง พร้อมวิ่งต่อ
ซึ่งผมได้บรรยายและยกเคสให้ดูมากมายในเล่มเขียวแล้วนะครับ ลองพลิกอ่านดู
เด้งที่เส้นค่าเฉลี่ย
หุ้นที่เป็นขาขึ้น ส่วนใหญ่จะเด้งที่แนวรับยกไฮยกโลว์ขึ้นครับ
ถ้าท่านไม่ทันจุดซื้อแบบ breakout ก็สามารถซื้อตอนย่อได้เช่นกัน โดยเฉพาะการเด้งจากเส้นค่าเฉลี่ย
แนะนำให้เปิดหนังสือเล่มเขียว "หุ้นซิ่ง สวิงเทรด" ดูเลยครับ
เป็นเรื่องของการ Buying weakness ซึ่งก็มีเคสเพียบเช่นกัน
นี่เป็นการไกด์หยาบๆนะครับ คุณสามารถปรับได้ว่าจะเอาอะไรมาคัดตามที่คุณถนัด ตั้งสมมุติฐาน-ทดลอง-สรุป ถ้าใช่ก็ทำซ้ำ และพัฒนาให้มีความแม่นยำเพิ่มขึ้นครับ
เริ่มลงมือทำ
สิ่งสำคัญที่สุดคือการเริ่มลองลงมือทำ
เราก็เหมือนเด็กทารกที่เพิ่งเกิดมาในโลกของตลาดหุ้น แค่ลุกยังยากเลย
นึกถึงลูกน้อยแรกหัดเดินของคุณให้ดี
กว่าจะลุก กว่าจะเดินได้ ต้องพยายามมากแค่ไหน?
ถ้าอยากเดินได้ ก็ต้องเริ่มต้นจากการพยายามลุกเอง
เหมือนเด็กทารกนั่นเลยครับ
แม้ครั้งแรกเราจะขาอ่อน ก้นจ้ำเบ้า ก็อย่าไปกลัวเจ็บ
ลุกขึ้นมาลองใหม่ ทำไป ผิดนิดผิดหน่อย ก็ได้เรียนรู้
ผมว่าถ้าท่านทำไปไม่เกิน 5 ครั้ง เดี๋ยวก็เริ่มมั่นใจขึ้นมาเอง
ยิ่งเล่นเองแล้วได้กำไรนะ ท่านยิ่งไม่อยากขอหุ้นใครอีกเลย
-------------------------
(แนะนำ)
หากต้องการศึกษาวิธีเล่นหุ้น แนะนำให้ไปอ่านบทความฟรี คลิปฟรีที่นี่ก่อนก็ได้
คลิกลิ้งนี้ครับ
https://www.zyo71.com/p/index.html เป็นสารบัญเว็บนี้ครับ