คุณต้องเรียนรู้วิธีการเป็นผู้จัดการความเสี่ยงที่ยอดเยี่ยม

Image
พี่มาร์ค มิเนอร์วินี กล่าวว่า “หากคุณต้องการสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอ คุณต้องเรียนรู้วิธีการเป็นผู้จัดการความเสี่ยงที่ยอดเยี่ยม” การเป็นนักเทรดที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีอย่างสม่ำเสมอไม่ได้หมายถึงการชนะทุกครั้งที่คุณเข้าเทรด แต่หมายถึงการมีวิธีการจัดการความเสี่ยงอย่างชาญฉลาดเพื่อให้คุณสามารถปกป้องทุนของคุณและเพิ่มโอกาสในการเติบโตของพอร์ตการลงทุนในระยะยาว  นี่คือการขยายความแนวคิดที่ว่า "การเป็นผู้จัดการความเสี่ยงที่ยอดเยี่ยม" สำคัญอย่างไร: eBook "Risk Management: การบริหารจัดการความเสี่ยงเบื้องต้นสำหรับนักเทรด" มีจำหน่ายที่แอพ Meb เท่านั้น  https://t.co/YaO0CIQq8J 1. ความเสี่ยงเป็นส่วนหนึ่งของการเทรด ในตลาดการเงิน ไม่มีใครสามารถควบคุมผลลัพธ์ของแต่ละการเทรดได้ การเคลื่อนไหวของตลาดขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอก เช่น ข่าวเศรษฐกิจ หรือพฤติกรรมของผู้เล่นในตลาด ซึ่งมักเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ความสำเร็จจึงไม่ได้มาจากการ "เดาถูก" แต่เป็นการรู้วิธีจัดการความเสี่ยงเมื่อคุณ "เดาผิด" ตัวอย่าง:   สมมติว่าคุณมีเงินทุน 100,000 บาท หากคุณใช้เงินทั้งหมดในการเ

หุ้น Turnaround : คำแนะนำจากรุ่นพี่สู่รุ่นน้อง


แชร์ไอเดียในการเลือกหุ้น Turnaround จากคนที่เคยเจ็บหนักมาก่อน
หุ้น Turnaround

พอดีผมเห็น feed บทความที่โพสต์ปีที่แล้วจาก facebook เกี่ยวกับ หุ้น Turnaround ก็เลยคันมือ อยากเขียนขยายความให้ท่านเห็นรายละเอียดของหุ้นพลิกฟื้นประเภทนี้ ว่ามันมีโอกาสและความเสี่ยงยังไงบ้าง จะได้ให้มันเป็นข้อมูลอ้างอิงให้นักเทรดหน้าใหม่ศึกษาเอาไว้

เพราะส่วนใหญ่ที่เป็นโพสต์ตามเว็บ มักจะบอกแต่ในด้านสวยงาม ความสำเร็จ แต่ไม่เคยมีใครออกมาเผยอย่างจริงจังว่าด้านมืดและความเลวร้ายของการขาดทุนหุ้นเทิร์นอะราวด์ นั้นมันสาหัสเพียงไหน
เจตนาคืออยากให้ท่านเห็นมุมมองรอบด้านนะครับ ไม่ได้กล่าวหาหุ้น หรือนักลงทุนแม้แต่คนเดียว คนที่ผมด่านั้นก็คือด่าตัวผมเองเท่านั้น



ขอเท้าความก่อนเลยว่า ผมเป็นคนหนึ่งที่เคยชอบเล่นหุ้นประเภทนี้มาก เพราะคิดว่าถ้าเลือกถูกตัวแล้วรวยเป็นเศรษฐีเลย เวลาซื้อทีไรก็มักจะฝันกลางวันว่าเราจะรวยหลายสิบเด้งจากหุ้นตัวนี้
ประเภทว่าซื้อแสนกำไรเป็นล้าน
เมื่อมี mindset แบบนี้ก็มักจะลงต่ำไปเลือกหุ้นเศษสลึง เป็นหลัก

ผลก็คือ รบ 100 ครั้ง แพ้ 99 ครั้ง
  ฟลุ๊คได้มาตัวเดียวคือ LIVE
ที่เหลือคืนกำไรให้ตลาดไปหมดแถมยังใจดีขาดทุนเพิ่มแถมไปอีกชุดใหญ่

ก็มาถึงปีนี้เองที่เพิ่งรู้สึกตัวว่า การลงทุนแบบนั้นมันผิด
เพราะโอกาสชนะริบหรี่ แต่โอกาสแพ้เปิดกว้างทางสะดวกเสียเหลือเกิน

แต่กระนั้น, ก็พอได้ผลึกคิดแบบเม่าๆจากการลงทุนหุ้นประเภทนี้มานิดหน่อย
จึงอยากแชร์ เผื่อจะเป็นไอเดียให้เพื่อนสมาชิกคิดต่อ ดังนี้
ถือว่าเป็นคำแนะนำจากรุ่นพี่ไปสู่รุ่นน้อง ด้วยความปรารถนาดีก็แล้วกันนะครับ

คือหุ้นที่จะเทิร์นน่ะ ไม่จำเป็นต้องต่ำบาทก็ได้ นี่อยากบอกเลย
ซึ่งโดยหลักการที่ควรจะเป็นก็คือมันกำลังจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
คือกำไรพลิกกลับไปโต ได้แบบยั่งยืนยิ่งดี



ก่อนเข้าไปถึงรายละเอียด ขอแวะไปที่วิชาการนิด
หุ้น turn around คือ อะไร?
หุ้น turn around คือ หุ้นที่มีผลประกอบการพลิกฟื้น จากขาดทุนหนักติดต่อกัน มาเป็นบวกอย่างต่อเนื่อง ผลกำไรจากที่ขาดทุน กลายมาเป็นบวก โดยถ้าเป็นหุ้น  turn around ที่แท้จริง มันจะไม่กลับไปขาดทุนซ้ำเดิมอีก เพราะทางบริษัทมีการแก้ไขปัญหาเหล่านั้นให้หมดไปอย่างสิ้นเชิง

ลักษณะ หุ้น turnaround 
การจะขาดทุนก็มาจากปัญหานี่แหละ
ปัญหาของหุ้น turn around ที่ขาดทุนหนักๆ มีหลายอย่าง ทั้งปัญหาชั่วคราว และถาวร
๑) ปัญหาชั่วคราว เช่น
- นโยบายการบริหารงานบางอย่างผิดพลาด เช่น ขยายงานบางอย่างไปแล้วสู้คู่แข่งไม่ได้ไม่ได้
- ตลาดเกิดความเข้าใจผิด เช่น นักลงทุนตีความนโยบายรัฐผิด ตกใจขายหุ้นที่ไม่เกี่ยวข้องทิ้ง
- ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการชั่วคราว เช่นสร้างโรงงานใหม่
หุ้นประเภทนี้จะ turn around ได้ง่าย เพราะถ้าผู้บริหารมือความเป็นมืออาชีพ เข้ามาเพื่อบริษัทจริงๆ เขาจะรีบปรับปรุงแก้ไขให้บริษัทผ่านช่วงเวลาขาดทุนให้ลุล่วงไปได้
๒) ปัญหาถาวร
- ธุรกิจแข่งขันสูง ไม่สามารถแข่งขันได้
- ผู้บริหารไร้ศักยภาพ ไม่ทำให้กิจการมีกำไร แต่ตั้งใจเพิ่มทุนอย่างเดียว
- อยู่ในธุรกิจตะวันตกดิน คือ ธุรกิจที่ไม่สามารถเติบโตได้อีก รอวันปิดกิจการเพราะเสื่อมค่านิยม
- ผู้บริหารดำเนินงานผิดพลาด แต่ดันทุรัง มีแต่สตอรี่ล้างขาดทุนสะสม
ประเภทนี้ ถ้าเจอ ก็อย่ไปยุ่งกับมันเลย เข้าไปก็เสียเงินเล่น



ลักษณะหุ้นเทิร์นอะราวด์  เกรด A
๑) ตัดเนื้อร้ายทิ้ง 
คือ core business เขาดีมีชาติตระกูลอยู่แล้ว แต่ไปขยายการลงทุนเพิ่มผิดจังหวะ หรือตลาดมันแข็งจนสู้ไม่ได้ เลยต้องมีภาระค่าเสื่อมเข้าไปถ่วงกำไรที่ดีๆ ให้ไม่น่าดู กระทั่งวันหนึ่งผู้บริหารคิดได้ ก็ตัดใจ cut loss ตัวที่เป็นปัญหาทิ้งซะ ผลก็คือกำไรที่เคยดีๆก็กลับมาโดดเด่นได้อีกครั้ง ราคาหุ้นก็เด้งไปสะท้อนมูลค่าที่แท้จริง ล่าสุดของเคสนี้คือ COL

๒) เปลี่ยนธุรกิจที่เป็น Mega Trend 
เคสปัจจุบันยังไม่เจอนะ แต่ในอดีตคือ JAS, KAMART, SUPER พวกนี้ ธุรกิจเดิมมักจะขาดทุนบักโกรก แต่ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์มาก มองการณ์ไกล หีกดิบเปลี่ยนเพื่อสิ่งที่ดีกว่า มีความต้องการซื้อมากมายรออยู่ พอจังหวะได้ กำไรก็พลิกเลย ยิ่งถ้าเป็น first mover จะยอดมาก เพราะขยายตลาดได้ไว ลูกค้าจำแม่น

๓) เกิด Economies of scale 
กลุ่มนี้ลงทุนหนักมากมาก่อน แบบ JAS ก็เคยเป็นคือลงทุนวางโครงข่ายในช่วงแรกเยอะ แต่พอลูกค้าติด มีฐานแล้ว ถ้าต่อไปเพิ่มลูกค้าใหม่ได้ กำไรจะพลิกแรงมาก พวกนี้ต่อไปจะมีเยอะ ลองดูธุรกิจพวกแม่พิมพ์กดคุ๊กกี้ หรือขยายสาขาไว้

๔) เปลี่ยนผู้บริหาร 
อันนี้ต้องใช้เวลาดูหน่อย เน้นการผลัดไม้จากรุ่นหนึ่ง ไปรุ่นสอง ให้เด็กรุ่นใหม่เข้ามาบริหาร พวกเขาเหล่านี้ไฟแรงอยากพิสูจน์ตัวเอง มีความเข้าใจผู้บริโภครุ่นเดียวกัน เช่น MALEE เน้นขยายตลาดต่างประเทศ พอทำได้ กำไรก็โต , ก่อนหน้านั้นก็มี KAMART ที่ได้รุ่นสองมาช่วย ทำให้ได้ไอเดียของธุรกิจเครื่องสำอาง เป็นต้น

๕) หุ้นพื้นฐานดีที่ร่วงแรงเพราะตลาดตกใจกับข่าวร้าย
ยกตัวอย่างง่ายๆ ช่วงที่ตลาดหรือ SET เป็นขาลงเพราะวิกฤติ หุ้นชั้นดีชั้นเลวถูกขายกันถ้วนหน้า
เมื่อตลาดหรือ SET ฟื้นตัวกลับมา หุ้นที่พื้นฐานชั้นเลิศมักจะฟื้นตัวได้เร็วกว่าใครเพื่อเสมอ
ถ้าเจอลักษณะนี้แนะนำให้ท่านซื้อหุ้นที่เป็นอันดับหนึ่งของประเทศ ที่มีความสามารถในการแข่งขันสูงที่สุด รวมถึงหุ้นอันดับหนึ่งของอุตสาหกรรมไว้เลยครับ กำไรงามแน่
หรือกรณีของ AOT หลายปีก่อน ที่ถูกพันธมิตรยึดเอาไว้ ราคาร่วงแรงมาก พอเขาเลิกยึด ราคาก็ดีดกลับแรง แถมวิ่งไม่หยุดเลย เพราะเป็น mega trend พอดี

๖) หุ้นเทิร์นอะราวด์ตามวัฎจักร
ล่าสุดคงเห็นหุ้นอุตสาหกรรมเหล็กวิ่งแรงกัน นั่นแหละครับตัวอย่าง
วิธีสังเกตง่ายๆก็คือดูผลประกอบการที่ดีขึ้นเป็นกลุ่ม กราฟก็เป็นขาขึ้นกันทั้งกลุ่ม

ลักษณะหุ้นเทิร์นอะราวด์  เกรด F
๑) พยายามล้างขาดทุนสะสมปันผลเป็นครั้งแรกให้ได้ทั้งๆที่กิจการยังขาดทุนต่อเนื่อง
ข้อนี้บอกเลยว่ามุกซ้ำแล้ว ใช้ไม่ได้ผล เพราะใครๆก็ทำกันโดยเฉพาะหุ้นเน่าต่ำตม
พวกนี้มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการเพิ่มทุนกินเงินเม่าที่ติดดอยเท่านั้นแหละครับ
อย่าเพิ่งไปยุ่ง รอให้ตลาดดีก่อนเป็นขาขึ้นก่อนค่อยรอดูสัญญาณของ Market Maker แล้วค่อยตาม

๒) ราคาลงหนักต่อเนื่องเพราะสาเหตุร้ายแรง เช่นเป็นหนี้ หรือตั๋ว BE อะไรนั่น
คนที่ไม่รู้เรื่องก็อย่าไปยุ่งเลย ปล่อยให้คนใจถึงเขาเล่นไป
ตลาดหุ้นในแต่ละวันก็สวิงขึ้นลง คุณยังเสี่ยงไม่พออีกเหรอ ทำไมต้องไปยุ่งกับหุ้นที่เสี่ยงมากขนาดนี้

และที่อยากให้ข้อสังเกตเพิ่มอีกอย่างคือ ไม่ต้องไปซื้อดักให้โง่เลย
ที่ผมเจ๊งหนักๆ ก็เพราะซื้อดักนี่แหละ ราคานี้ถูกมากแล้ว ซื้อเลยเดี๋ยวเด้ง
 แบบนี้รบร้อยครั้ง ก็แพ้พันครั้ง เพราะเราไม่เคยรู้เดียงสาเลยว่า
"ถ้าของดีจริงทำไม Smart Money ถึงยังไม่ซื้อล่ะ?"
"เขาโง่กว่าเราเหรอ?" บ้าไปแล้ว!!

Smart Money เขามีสรรพกำลังเงิน ข้อมูลเชิงลึก มีสายสนกลใน ทุกอย่างที่เราไม่าสามารถเข้าถึงได้
หุ้นมี upside เยอะขนาดนั้น ถ้าเขาไม่รู้และไม่ซื้อก่อนเรานี่ ฝันกลางวันชัดๆ
ถ้าไม่ละเมอ,คงคิดไม่ได้เแบบนี้แน่นอน

ดังนั้นรอให้เขาเปิดเกมส์ก่อนไม่สาย แล้วเราค่อยตามเกาะเขาไปดีกว่า แบบนี้เซฟกว่ากันเยอะ ถ้ามันดีจริง มันไม่หยุดแค่ 10-20% คนแรกโลกไม่จำ คนกำไรยั่งยืนต่างหากที่เขาสรรเสริญ


สัญญาณการเปิดเกมส์ก็ดูง่ายๆ อย่างเคสหุ้น COL เป็นต้น ถ้าเขารู้ว่า upside สูงๆนี่ เขาจะซัดกันไม่ยั้งเลยนะครับ ไม่มีเหนียมอายปล่อยให้ราคาหุ้นเป็นขาลงอยู่หรอก

ปล COL แพงไปแล้วนะครับ ไม่เชียร์ให้ซื้อ แค่อยากยกตัวอย่างที่ไกล้ตัวให้คุณเห็นภาพง่ายเท่านั้น
(นี่เป็นเคสที่ผมเขียนไว้หลายปีแล้วครับ - เป็นอดีตไปแล้ว)

นี่แหละครับ ไอเดียในการเลือกหุ้นเทิร์นอะราวด์ ที่กลั่นออกมาจากชีวิตจริงของผมเอง เล่นจริงเจ็บจริง
ดังนั้น เลยอยากทิ้งท้ายสำหรับคนที่ให้ความสำคัญและอยากเล่นหุ้นเทิร์นอะราวด์ ว่า คุณต้องระมัดระวังให้จงหนัก เพราะประเภทหุ้นที่เล่นยากที่สุดในตลาดก็คือ หุ้น Turnaround นี่แหละครับ

แถมข้อสังเกตอีกนิดนึงนะครับ ถือเป็นคำแนะนำจากรุ่นพี่ ก็แล้วกัน
๑) ถ้าหุ้นมันจะเทิร์นอะราวด์ มันจะไม่มีข่าวหรอกครับ ราคามันนำข่าวไปแล้ว
ถ้าท่านเปิดหนังสือประเภทข่าวหุ้น หรือคลิปของพวกเขาเหล่านี้ แล้วเจอหัวข้อ หุ้น X เทิร์นอะราวด์ แน่ๆ แบบนี้ท่านต้องระวังให้จงหนัก เพราะหมาจะกัดมันไม่เห่า หมาเห่ามักไม่กัด
ของจริงคนฉลาดเขาเอาเลย รีบเก็บกันเงียบๆไม่ต้องออกข่าว
จะออกข่าวทำไมให้คนมาแย่งซื้อของถูก?
ถ้ามันมีข่าวออกมาแล้ว ก็เป็นเวลาขายแล้วครับ นี่เป็นตรรกะง่ายๆที่คุณก็รู้ดี เข้าใจง่าย

๒) ต้องมี Stop Loss!!!
อย่างที่บอกว่า หุ้นเทิร์นอะราวด์ มันเล่นโคตรยาก เพราะมีความผันผวนสูง และเกินครึ่งมันเป็นเกมส์หลอกกินเงินเม่ามือใหม่ เนื่องจากนักลงทุนหน้าใหม่ทุกคนอยากรวยเร็วๆ แต่ไม่มีความรู้ คือโลภเกินความความรู้นั่นเอง ตัดขาดทุนก็ไม่เป็น

หุ้นตัวแรกๆที่เข้ามาซื้อก็คือหุ้นประเภทขาดทุนหนัก ราคาเศษสลึง เพราะถูกดี ได้หุ้นเยอะ ซื้อแล้วหวังว่ามันจะ Turnaround

ระหว่างทางผู้บริหารก็ออกข่าวว่าจะมีพยายามปันผลให้ผู้ถือหุ้นพร้อมกันนั้นก็ขอเพิ่มทุน
แบบนี้บอกได้เลยว่าพวกเขากำลังหลอกท่านอยู่ เพราะไม่ได้ตั้งใจทำธุรกิจแล้วล่ะ รอกินเงินเพิ่มทุนอย่างเดียว รับเงินเดือนเบี้ยประชุมไปวันๆเท่านั้น

จึงแนะนำให้พวกท่านอย่าไปตาดหวังอะไรกับบริษัทแบบนี้
ให้ท่านรักษาผลประโยชน์ของท่านไว้ก่อนเสมอ
ถ้ามันลงไปขาดทุนเกิน 10% ให้ขายออกมาก่อน อย่าไปเสียดาย หรือกลัวเด้ง

เพราะถ้ามันได้ลง ก็มักจะลงแรง ได้มากกว่านั้นอีก 10% ถือว่าจิ๊บจ๊อยมาก เนื่องจาก ผลประกอบการมันเลวร้ายมาก งบออกมาแต่ละไตรมาส ไม่เคยกระเตื้องเลย มีแต่ขาดทุนสะสม แบบนี้อันตรายครับ

ถ้าท่านไม่ยอมตัดขาดทุน จาก 10% มันจะเพิ่มเป็น 50% จากนั้นมันยังสามารถลงไปถึง 90% ได้เลย
ผมเห็นหุ้นบางตัวจาก 2 บาท มันสามารถร่วงลงไปต่ำกว่า 0.20 บาทได้ในเวลาแค่ไม่กี่ปี
(ปล. กราฟหุ้นที่ยกมาให้ดู มันเป็นเคสเท่านั้นนะครับ อยากให้รู้ว่าทรงของหุ้นขาลงมันเป็นแบบนี้
ซึ่งทุกตัวก็จะมีหน้าตาแบบนี้ ไม่ว่าจะชื่ออะไร ถ้าได้ขาดทุนหนัก ต่อเนื่อง ราคาก็จะลงแบบบนี้)

ถ้าท่านคิดว่าราคาจาก 2 บาทร่วงลงมาที่ 1 บาท ราคาลด 50% ต่ำมากแล้ว
ถือว่าคิดผิดครับ เพราะจาก 1 บาท มันยังลงไป 0.50 บาทได้อีก ลด 50% อีกขยัก
ถ้าคิดว่าถูกมาก ก็คิดผิดอีก เพราะจากนั้นมันลงไปถึง 0.20 ลด 50% ได้อีก
จาก 0.20 ลดลงไปถึง 0.04 ลดเกิน  50% ได้อีก
จากครึ่งลงไปครึ่ง มันคือหายนะทางการเงินเลยนะครับ
จากที่ 10% ไม่ยอมขาย จากนั้น รถ บ้าน มีโอกาสหายไปได้ง่ายๆเลย

เรียกว่าโจรขึ้นบ้านมันยังเหลือเรือนให้ท่านนอน
แต่ถ้าท่านเจอหุ้น Turnaround (ที่ล้มเหลว) เสาเรือนจะไม่เหลือเลยครับ
หน้าที่ของนักลงทุน ไม่ว่าจะเป็น เทคนิคอล หรือ วีไอ ก็มีกฎเหมือนกันคือ รักษาเงินต้นเอาไว้
ถ้าไม่มีเงินต้น คุณก็ต้องออกจากตลาดไป

มองโลกแง่ร้ายเกินไปแล้วมั้ง???
บางท่านอาจไม่พอใจผม ที่เขียนในมุมมองแง่ร้ายเสียเหลือเกิน
แต่ผมขอน้อมรับครับ ว่าผมมองโลกในแง่ร้าย
ซึ่งผมก็เคยมองโลกในแง่ดีแบบคุณมาก่อนแหละ
เคยซื้อหุ้นราคา 0.02 บาท แล้วหวังจะไปขายที่ 1 บาท
โดยหุ้นตัวนั้น ไม่มีความสามารถในการทำกำไรแม้แต่นิดเดียว
ท่านว่าผมฉลาดมั้ยครับ
ไม่มองโลกในแง่ดี ไร้เดียงสา คิดไม่ได้หรอกครับ

ดังนั้น การมองโลกในแง่ร้ายในตลาดหุ้น คือสิ่งที่ถูกต้องครับ
คุณต้องมองความเสี่ยงก่อนเสมอ
มืออาชีพ ที่เขาอยู่รอดได้ในระยะยาว เขารู้ว่าตัวเองต้องขาดทุนเท่าไหร่เสียก่อน
จากนั้นค่อยไปดูกำไรว่ามีโอกาสจะได้เท่าไหร่
ถ้าโอกาสเสี่ยงมากกว่าขาดทุน เขาก็ไม่เล่น
ไม่เชื่อลองถามแอดมินเพจหุ้นมืออาชีพได้เลย

ตรงข้ามกับเม่า หรือคนที่ไม่เคยเล่นหุ้นเลย เทรดกระดาษ
พวกนี้ไม่เคยบาดเจ็บจากการลงเงินจริงเลย
จึงมองโลกสวยเหมือนผ้าที่พับไว้
มองแต่โอกาสกำไร ซื้อหุ้นตัวนี้ต้องได้เด้ง เพราะมันเหมือนเคสเก่าๆในหนังสือ
ไม่รู้ว่าความเสี่ยงของมันคืออะไร
ไม่รู้ว่ามันสามารถลงจาก 1 บาท ไปเป็น 0.50 เป็น 0.20 เป็น 0.10 หรือ SP ออกจากตลาดไปเลยก็มี
ไม่รู้ว่าเงินที่เคยมีเป็นล้าน หายไปจนเหลือแสนต้นๆ ความรู้สึกเจ็บปวดมันแค่ไหน

นี่คือความเสี่ยง ที่เม่าไม่เคยนึกถึง เพราะคิดว่าตัวเองไม่น่าโดน
หรือไม่เคยรู้ข้อมูลแบบนี้มาก่อน เพราะไม่มีใครอยากเล่า
หรือถูกปลุกเร้าจากนักเชียร์หุ้นที่มีแผนซ่อนเร้น

ดังนั้น คุณต้องมองในแง่ร้ายด้วย มองก่อนด้วย
โดยเริ่มต้นที่แผน เขียนไว้เลยว่า ถ้าราคาขาดทุนถึงระดับนี้ สมมุติ 10% ต้องขายออกก่อน
ฉันมีหน้าที่รักษาเงินต้นที่หามาได้อย่างยากลำบากของฉันไว้ก่อน
ขาดทุนก็ขาดทุนไป 10% ถือว่ายังน้อย เพราะมันมีโอกาสลงไปถึง 50% ถึง 90%  หรือ SP ไปเลย

คุณต้องคิดแบบนี้ได้แล้วครับ ให้ความเสี่ยงมาก่อนกำไร
นี่คือคำแนะนำจากคนที่ล้มเหลวมาก่อน
นี่เป็นมุมมอีกด้านที่สำคัญกว่าสตอรี่ที่ประสบความสำเร็จเสียอีก
ถ้าตลาดหุ้นเล่นแล้วได้กำไร คงไม่มีคนเจ๊งจำนวนมากหรอกครับ
นี่คือตรรกะง่ายๆ ฉะนั้นคุณต้องรู้ว่าคนที่ขาดทุนมันเกิดจากสาเหตุไหนด้วย

๓) ข้อนี้สำคัญ กำไรแล้ว ต้องขายเป็นด้วยนะ
นี่เป็นอีกปัญหาหนึ่งของนักลงทุนที่ซื้อหุ้นถูกตัว ถูกจังหวะ
แต่เพราะความไม่รู้ หรือมีความโลภ กลายเป็นทุกขลาภ
เพราะไม่รู้ว่าต้องขายตรงไหนดี

หุ้น turnaround ส่วนใหญ่มี ๒ แบบ
๓.๑) เทิร์นแบบ growth
คือมีผลประกอบการดีขึ้นแล้ว กำไรยังโตต่อไปได้อีก
อาทิ MALEE

ตอนมันฟื้นตัว ก็วิ่งแรง เพราะผลประกอบการดีขึ้น โตขึ้นเรื่อยๆอย่างน่าพอใจ
แต่พอหยุดโตเท่านั้นแหละ นักลงทุนผู้ชาญฉลาด smart money ของผม สาดขายหนีตายกันไม่ยั้ง
จากเทิร์นอะราว กราฟหงายขึ้น ก็กลายเป็นเทิร์นอะลง กราฟคว่ำหัวปัก
ถ้าท่านขายไม่เป็น มันแต่เคลิ้ม ก็ได้ขายเท่าทุน หรือขาดทุนก็มีถม



แนวทางการขายง่ายๆคือ หาเส้นค่าเฉลี่ยที่เป็นแนวรับให้ดี
ส่วนใหญ่คือ EMA50 ถ้าเห็นหลุด ก็ขายเถอะครับ กำไรแล้วนี่ รออะไรอีก?
รายละเอียดแนวทางการขาย แนะนำให้อ่านหนังสือเล่มดำกับเขียวของผมครับ ผมจัดเต็มจริงๆ

๓.๒) เทิร์นแบบซิ่ง
พูดกันตรงๆว่า เป็นการหาเรื่องปั่นของเจ้ามือ พอมีสตอรี่ที่น่าเชื่อถือหน่อยก็ไล่ราคาแรง
ส่วนใหญ่มักจะเกิดในช่วง SET เป็นขาขึ้นสุดคึก เป็นช่วงท้ายๆก่อนร่วงแรง
หุ้นพวกนี้จะวิ่งแรงมาก และส่วนใหญ่จะขึ้นรวดเดียวจบ
ผมเคยเขียนเคสไว้หลายตัวนะ ภายใต้หัวข้อ หุ้นซิ่งในตำนาน เช่น
TSF หุ้นซิ่งในตำนาน

หุ้นประเภทนี้ให้ท่านใช้ EMA10 เป็นตัวช่วยรันเทรด์
เพราะมันวิ่งแรงมาก ส่วนใหญ่บินเหนือเส้นนี้ได้ตลอดทีเป็นเด้ง
ถ้าหลุดก็ขาย (ผมทำเคสอยู่อีกหลายตัวในหนังสือเล่มเขียวนะ ลองไปอ่านดูได้)

PTL หุ้นซิ่งในตำนาน (หุ้นวัฏจักร)

เคสของ PTL ก็เป็นหุ้นเทิร์นอะราวด์เพราะมี demand เข้ามาจำนวนมาก
ราคาก็วิ่งแรงซิ่งแหลก
จุดขายมี ๒ แบบคือ selling into strength ตอนที่ราคาวิ่งแรงๆ
กับ selling weakness ขายตอนที่ราคาหลุดเส้นค่าเฉลี่ย หรือแนวรับของกรอบแจกจ่าย
รายละเอียดอ่านได้จากเล่มเขียว หุ้นซิ่งสวิงเทรด ครับ


สรุปนะครับ
๑) ถ้าจะเล่นหุ้น turnaround ต้องเลือกให้ดี เลือกให้ละเอียด เอาประเภทเกรด A ไว้ก่อน

๒) มี stop loss เอาไว้ และทำตามอย่างเคร่งครัด เพราะหุ้นประเภทนี้เสี่ยงมาก
แนะนำว่า ถ้าถึง 10% ให้ขายไปเลยครับ เพราะถ้ามันเป็นขาลงไปแล้ว ราคาจะร่วงเร็วมาก
รีบตัดขาดทุนตั้งแต่คุณยังยอมรับได้ คุณจะได้มีเงินเหลือซึ่งเป็นอำนาจของคุณ
แต่ถ้าไม่รีบ ยิ่งขาดทุนเยอะคุณจะไม่กล้า แล้วจากนั้นคุณต้องเป็นลูกไล่ของหุ้นแล้ว เขาจะให้เพิ่มทุนก็ต้องยอมเพราะทุนคุณสูง เงินก็จมอยู่ในหุ้นตัวนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ ถมไม่เต็ม
ทั้งๆที่ถ้าหากคุณขายตั้งแต่ 10% ป่านนี้มีโอกาสทำเงินคืนได้แล้ว
ดังนั้น ตัดขาดทุนให้ไวครับ กับหุ้นเทิร์นอะราวด์

๓) ถ้าอยากเล่นจริง ก็อย่าเล่นเยอะ เพราะมันเสี่ยงเหลือเกิน เอาแค่ให้รู้เป็นวิชาไปก่อน ผมเห็นเซียนหุ้นเทิร์นอะราวด์ ที่เก่งๆเคยกำไรเป็นสิบเด้ง ก็มาตกม้าตายกับหุ้นประเภทนี้หลายคน นี่ขนาดเขาโชกโชนนะครับ แล้วเราล่ะ ต้องถามตัวเอง เรายังใหม่ อย่าไปเสี่ยงให้มากเลย เอาให้พอรู้ก็พอ มีหุ้นดีๆ อีกเยอะในตลาดบ้านเรา อย่าเสี่ยงโดยไม่จำเป็นกับหุ้นเทิร์นอะราวด์เลย


แถมคลิปให้ดูกันอีกนิด
พวกนี้เป็นความรู้จากกูรูนะครับ เผื่อเอาไว้เป็นข้อมูล (ไม่เกี่ยวกับผมแล้ว)













((โฆษณา))
 เล่นหุ้นขาดทุน อย่าเพิ่งขาดใจ
ยังมีคนโดนหนักกว่าคุณอีก 
นี่คือความรู้ที่เขาได้จากการขาดทุน
ความรู้หุ้น มูลค่า 1 ล้านบาท
ลองหาอ่านดู เผื่อท่านจะได้เห็นทางออก
มีขายเป็น eBook แล้วที่ mebmarket.com
ดูรายละเอียดที่ bit.ly/zyoebook3

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

สรุปหนังสือ Trade Like a Casino