นักเทรดคิดว่างานของพวกเขาคือการทำเงิน แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่!

Image
นักเทรดคิดว่างานของพวกเขาคือการทำเงิน แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่! แปลและขยายความจาก  https://x.com/markminervini/status/1850913591630680378 นักเทรดหลายคนมีความเชื่อผิด ๆ ว่า “งาน” หรือสิ่งที่พวกเขาต้องทำคือการทำกำไรให้ได้มากที่สุด ในความจริงแล้ว เป้าหมายของการเทรดคือการทำเงิน แต่งานจริง ๆ ของนักเทรดนั้นคือการปฏิบัติตามและดำเนินกลยุทธ์ที่ได้วางแผนไว้อย่างมีวินัยโดยไม่หลุดออกจากกรอบที่ตั้งไว้ ถ้าคุณสามารถยึดมั่นในกฎการเทรดของตัวเองอย่างต่อเนื่อง ผลลัพธ์ตามมาคือกำไรและความสำเร็จจะเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ เป้าหมาย vs งานจริงของนักเทรด - เป้าหมาย  คือการทำเงินและสร้างผลตอบแทน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนอยากได้ แต่สิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่คุณสามารถควบคุมได้โดยตรง - งานจริง  ของนักเทรดคือการใช้กลยุทธ์ที่มีโอกาสชนะให้ได้อย่างสม่ำเสมอและมีวินัย ยึดมั่นในแผนการเทรดที่ตั้งไว้ การทำตามกฎของตัวเองอย่างเคร่งครัดจะช่วยให้คุณจัดการกับความเสี่ยงและลดโอกาสขาดทุนได้ ทำไมวินัยจึงสำคัญในงานของนักเทรด การมีวินัยเป็นสิ่งที่ช่วยให้การเทรดมีความมั่นคงและปลอดภัยมากขึ้น การไม่มีวินัยในการเทรดจะทำให้นักเทรดเกิดการตัดสินใจที่ผิดพลาด

หนังสือหุ้นที่ดีที่สุด

หนังสือหุ้นที่ดีที่สุด
หนังสือหุ้นที่ดีที่สุด

คุณเคยถามเพื่อน หรือตั้งกระทู้ถามสมาชิกในเว็บบ้างมั้ยว่า
"หนังสือหุ้นที่ดีที่สุด คือเล่มไหน?"
"ช่วยแนะนำหนังสือหุ้นที่ดีที่สุด ให้สักเล่มสิ?"
อะไรประมาณนี้มั้ย?
แล้วคุณได้คำตอบว่าไงบ้างครับ
ผมก็มีคำตอบให้คุณเช่นกันว่า หนังสือหุ้นที่ดีที่สุด สำหรับผมคืออะไร



((โฆษณา))
 เล่นหุ้นขาดทุน อย่าเพิ่งขาดใจ
ยังมีคนโดนหนักกว่าคุณอีก 
นี่คือความรู้ที่เขาได้จากการขาดทุน
ความรู้หุ้น มูลค่า 1 ล้านบาท
ลองหาอ่านดู เผื่อท่านจะได้เห็นทางออก

มีขายเป็น eBook แล้วที่ mebmarket.com
ดูรายละเอียดที่ bit.ly/zyoebook3

เอาล่ะ....
ถ้าจะถามผมว่า "หนังสือหุ้นที่ดีที่สุดคือเล่มไหน?" ผมตอบง่ายเลยว่า ผมไม่รู้หรอก
แต่ถ้าให้ตอบว่าผมชอบหนังสือหุ้นเล่มไหน อันนี้สามารถสาธยายให้ท่านได้นับสิบ

เหตุผลที่ผมตอบแบบนี้มันมีที่มาครับ
คือยิ่งอ่านมากเท่าไหร่ ยิ่งเทรดนานมากขึ้น คุณก็ยิ่งพบว่าความรู้ในตลาดหุ้นมันไม่มีสิ้นสุดจริงๆ
ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ สิ่งที่หนังสือบอกเรา มันไม่ใช่อะไรที่สมบูรณ์แบบ วัดออกมาใช้เทรดแล้วกำไร รวยทันที มันไม่ใช่เลยครับ

แต่ก่อนผมก็เป็น
ผมเคยคิดค้นหาหนังสือสักเล่มที่บอกแนวทางการทำเงินจากตลาดหุ้นแบบที่แม่นยำ ใช้ทีไรต้องกำไรทุกรอบ ผมเคยฝันว่าอยากได้ "หนังสือหุ้นที่ดีที่สุด" แบบนั้นมาแล้ว
ผมพยายามไล่อ่านหนังสือตามห้องสมุด ซื้อหนังสือหุ้นจากร้าน ทั้งเล่มใหม่และมือสอง
ผมมีหนังสือหุ้นในคอลเล็คชั่นเป็นร้อย
แต่ก็ยังไม่เจอ หนังสือหุ้นที่ดีที่สุด

"เมื่อไฝ่หาขนาดนั้น ทำไมยังไม่เจอ หนังสือหุ้นที่ดีที่สุด สำหรับตัวเองเสียทีล่ะ ?" บางคนอาจมีคำถาม
งั้นต้องขยายความคำว่า "ดีที่สุด" ออกมาตีแชร์กันสักนิด
หนังสือหุ้นที่ดีที่สุด ในมุมมองของผมก็คือ เอาไปใช้แล้วเป๊ะ สูตรนั้นทำกำไรซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำเงินให้ผมเป็นล้านๆ เป็นสิ่งที่ผมรู้คนเดียว คนอื่นทำไม่ได้ ฯลฯ
เยอะมั้ยครับ?
เหตุผลเหรอ?
ไม่ใช่หรอก ผมน่ะ ที่เยอะจัด

เมื่อมีความต้องการสูงขนาดนี้ จึงไม่เจอ หนังสือหุ้นที่ดีที่สุด ไงล่ะ

แต่อย่างไรก็ตาม ผมสามารถบอกท่านได้นะว่า "ผมชอบหนังสือหุ้นเล่มไหนบ้าง" อ่านแล้วอ่านซ้ำอย่างไม่น่าเบื่อ ท่านอยากรู้มั้ย?

๑) กูรูหุ้นพันล้าน
เป็นหนังสือเล่มประวัติของเสี่ยยักษ์ครับ ตั้งแต่เริ่มเข้าตลาดใหม่ ขาดทุน จ่ายค่าเทอม จากนั้นก็ได้เรียนรู้ ได้บทเรียนต่างๆมากมาย ทำเงินก้อนโตจากหุ้น PTT ร่ำรวยกลายเป็นเสี่ยยักษ์ในวันนี้
ที่ผมประทับใจคืออะไร?
- ผมชอบสิ่งที่แกพูดถึงความเชื่อเรื่องเงินครับ ไม่ค่อยเห็นใครคิดแบบนี้ เสี่ยยักษ์เหมือนมีความศรัทธาในความพิเศษของเงิน คนที่ไม่รังเกียจเงิน คนนั้นได้สิทธิ์รวยครับ เพราะเงินมันจะย้ายไปอยู่ในกระเป๋าของคนที่ชอบมันเท่านั้นแหละครับ
- ชอบทัศนคติ ความเป็นนักสู้ ความพยายาม ความเป็นนักไฝ่รู้ของแกครับ มันได้แสดงออกผ่านคำพูด วิธีคิดที่ถูกถ่ายทอดออกเป็นตัวหนังสือ อ่านเจอประโยคประเภทนี้ทีไร ความฮึกเหิมพุ่งสูงทุกครั้ง เสี่ยยักษ์ทำได้ ทำไมเราจะทำไม่ได้
- ชอบทัศนคติเกี่ยวกับการขาดทุน ผมว่านี่เป็นส่วนสำคัญที่เป็นแรงผลักให้แกมาอยู่จุดสูงสุดได้ คือเรามองความผิดพลาดเป็นบทเรียน เมื่อคุณขาดทุนก็หมายความว่าคุณรู้ไม่จริง ต้องหาความรู้เพิ่ม นี่คือทัศนคติที่ควรเอาอย่างครับ ทุกครั้งที่ผมขาดทุนแล้วไปงอแงตลาด ก็มักจะยกเอาประโยคนี้ของเสี่ยยักษ์มาเตือนตัวเองเสมอ บอกว่าเราเองนั่นเองนั่นแหละผิด เราต้องแก้ไขที่ตัวเองก่อนเสมอ

CANSLIM คัดหุ้นชั้นยอด ด้วยระบบชั้นเยี่ยม
๒) CANSLIM คัดหุ้นชั้นยอด ด้วยระบบชั้นเยี่ยม
- ผมชอบที่ความหนาครับ แต่ไม่หนาแบบน้ำเยอะนะ เนื้อหาอัดแน่นทุกหน้า มีประโยชน์ทุกหน้าเลย สารภาพตรงๆว่าถึงตอนนี้ผมยังอ่านไม่ครบทุกหน้าเลย นี่แหละคือความชอบหนึ่ง เพราะมันยังมีความท้าทายเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยใหม่ๆที่รอให้เราเปิดไปเจอเสมอ
- กราฟหุ้นวิ่งรอบใหญ่ ช่วงแรกท่านจะเห็นชุดกราฟหลายสิบหน้า นั่นแหละครับที่ประทับใจผมมาก คือมันมีรายละเอียดให้แคะอย่างมากมายครับ ไม่ว่าจะเป็นเส้นค่าเฉลี่ย, price pattern พวก cup with handle, double bottom, flat base ฯลฯ ผมว่าถ้าเราไปละเลียดดูการเคลื่อนไหวให้ดี ก็จะได้ภาพจำได้เคล็ดมาอย่างมากมายในการเอาไปใช้หาหุ้นเทรดเพียบเลย
- ความจริงเรื่องของการขายหุ้น ผมก็ยังไม่ได้เจาะลึกไปอ่านจริงจังเลยนะครับ คิดว่าส่วนนี้น่าจะมีอะไรน่าสนใจให้อ่านไม่น้อยเช่นกัน ผมได้แค่ในส่วนของการขายหุ้นตามหลักการ climax run ซึ่งเอามาต่อยอดเป็นเคสในหนังสือ หุ้นซิ่ง สวิงเทรดนิดหน่อย

เทรดหุ้นให้ได้กำไรขั้นเทพ
๓) เทรดแบบเซียนหุ้น ให้ได้กำไรขั้นเทพ
งานของพี่มาร์ค มิเนอร์วินี ก็มีเนื้อหาคล้ายกับเล่ม CANSLIM นั่นแหละครับ
แต่ที่ผมชอบคือผู้เขียนเขาอธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้น ทั้งเรื่องของพื้นฐานต่างๆ ว่าหุ้นจะวิ่งรอบใหญ่ต้องมีพื้นฐานแบบไหน การทำธุรกิจแบบแม่พิมพ์กดคุกกี้ ทรงราคา price pattern ที่น่าสนใจ 3C, Power play, VCP ฯลฯ
ซึ่งมันทำให้ผมเกิดแรงบันดาลใจไปแกะทรง VCP ของแกไปพักใหญ่ และมันก็ชักพาให้ผมไปรู้จักงานของ Stan Weinstine ที่เขียนถึง stage analysis รวมถึงงานของ Richard Wyckoff ซึ่งทั้งหมดก็กลายมาเป็นการตกผลึกหนังสือ "หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่" ของตัวเอง
- เรื่อง mindset ก็มีความน่าสนใจไม่น้อยครับ ความจริงแล้วพี่มาร์คแกเรียนไม่จบมัธยมด้วยซ้ำไปนะครับ แต่ดูสิทำไมแกจึงสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวให้ร่ำรวยจนเป็นไอดอลของนายแพทย์ วิศวกร คนจบปริญญาเอกได้ทั้งโลก สิ่งที่แกคิดและเชื่อรวมถึงกระบวนการลงมือทำย่อมไม่ธรรมดาแน่นอนครับ ซึ่งบทแรกๆได้บอกไว้พอสมควรเลย

Momentum Master
๔) โมเมนตัม มาสเตอร์ Momentum Master
เป็นอีกเล่มที่ผมชอบ เพราะมันได้ขยายความกระบวนการของการเทรดแนวโมเมนตัม ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีพี่มาร์ค มิเนอร์วินี อยู่ด้วยไง ที่สำคัญคือ master ทั้งสี่คนล้วนได้รับแรงบันดาลใจจากปู่โอนีล กันมาทั้งนั้น ด้วยความที่ผมก็ปลื้มหนังสือ CANSLIM อยู่ด้วยไง จึงรู้สึกดีไปด้วย
- อย่างที่บอกว่า ผมชอบกระบวนการ ที่หนังสือที่นำเสนอ คือด้วยความที่มันเป็นการสัมภาษณ์ไง คนถามก็ตั้งปุจฉาได้เก่ง คำตอบที่ได้จึงลงรายละเอียดอย่างลึก ส่วนนี้แหละครับที่ทำให้เราเห็นกระบวนการตัดสินใจของเหล่า master ว่าเงื่อนไขในการเข้าซื้อตอน breakout นั้นเป็นยังไงกัน แบบไหนเอาได้แบบไหนไม่น่าเชื่อถือ การซื้อตอนย่อจะเอาแบบไหนดี การบริหารเงินทุนล่ะ การ stop loss ก็แจ่ม คือเป็นหนังสือที่ต้องอ่านซ้ำหลายรอบเพื่อให้จำขึ้นใจ เล่มไม่หนามากนะ แต่เนื้อหาอัดแน่นจริงๆ


๕) หุ้นซิ่ง สวิงเทรด กับ หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่
นี่เป็นของแถมครับ เพราะพ่อต้องชอบต้องรักลูกตัวเองอยู่แล้ว หนังสือสองเล่มนี้เป็นผลงานที่กลั่นมาจากการศึกษาและรวบรวมแนวคิดของตัวเอง ก็มีต้นตอและแรงบันดาลใจจากทั้ง ๔ เล่มที่ว่ามานั่นแหละ

- หุ้นซิ่งสวิงเทรด นี่เพิ่งออกใหม่ ปี 2561 นี่เอง บอกตรงๆเลยว่าเป็นหนังสื่อที่ได้แรงบันดาลใจมาจากพี่มาร์ค มิเนอร์วินี คือแกเป็น swing trader น่ะครับ เล่นกินกำไรคำไม่โตนัก รอบหนึ่งก็ประมาณ 20% แล้วก็ทบต้นเอา ผมก็เลยสงสัยว่าแกทำได้ยังไง ก็ไปแกะบางใจความจากหนังสือ คือแกก็ไม่ได้ออกตัวตรงๆว่าเป็นสวิงเทรดนะ หนังสือของแกเหมือนเล่นหุ้นกินคำใหญ่ แต่พอไปอ่านบทสัมภาษณ์ของพี่มาร์คก็พบว่าแกเล่นสั้นแบบสวิงเทรด ผมเลยเอาเป็นธง ไปค้นเพิ่มถ้าแกเล่นกำไรแค่ 20% จะซื้อตรงไหนขายตรงไหน ก็พาไปเจอไอเดียที่สามารถยืนยันว่าตรงกับแนวทางของแกจนได้ครับ
ใครสนใจเนื้อหาก็อ่านสรุปได้ครับ http://zyo71.blogspot.com/2018/04/blog-post_26.html



- หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่ บอกเลยว่า ผมได้ไอเดียจากงานของ เสี่ยยักษ์ หนังสือกูรูหุ้นพันล้าน ก็อ้างเกี่ยวกับ mindset ของแกไปเยอะเลย
จากนั้นก็เป็นของปู่โอนีล เรื่องของหุ้นวิ่งรอบใหญ่ และ Weinstine ในเรื่องของ stage ซึ่งผมว่ามันช่วยอธิบายความเป็นขาขึ้นได้ดีกว่างานขอพี่มาร์คเพราะดูเหมือนแกไม่ได้ลงลึกสักเท่าไหร่บอกแค่ว่ามีที่มาจากนั้น ส่วน Wyckoff ผมก็เอามาอธิบาย cup with handle ในอีกทางหนึ่ง ซึ่งน่าจะช่วยให้ท่านเข้าใจได้ง่ายขึ้น คือถ้าใครอ่านหนังสือ CANSLIM กับของพี่มาร์คไม่เข้าใจ ท่านสามารถเริ่มต้นที่หนังสือหุ้นขาขึ้นรอบใหญ่ก่อนได้ครับ พออ่านจบ ขอให้ท่านกลับไปอ่านสองเล่มนั้นอีกที ผมมั่นใจว่าท่านจะเข้าใจในสิ่งที่ไอดอลทั้งสองท่านสื่อได้ดีขึ้นแน่นอนใครสนใจเนื้อหาก็อ่านสรุปตามลิงค์นี้ได้ครับ  http://zyo71.blogspot.com/2017/09/blog-post_7.html

หน้าตาของหนังสือทั้งสองเล่มก็เป็นแบบนี้นะครับ

ทำไมใครๆต่างบอกว่าหนังสือทั้งสองเล่มเป็นการปล่อยของแบบไม่กั๊ก?

"หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่" แนะแนวทางการเทรดหุ้นแนวโน้มขาขึ้น ด้วย กราฟวีค ก็จะเน้นการดูแนวโน้มขาขึ้นด้วย price pattern จากนั้นก็รันเทรนด์ด้วยเส้นค่าเฉลี่ย จบลงที่การขายด้วย price pattern เรียกว่าครบวงจรตั้งแต่ซื้อยันขายเลยครับ อ่านเล่มเดียวจบ
อ่านสรุปหนังสือ หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่ ที่ http://zyo71.blogspot.com/2017/09/blog-post_7.html

ส่วน "หุ้นซิ่ง สวิงเทรด" แนะแนวทางการเทรดหุ้นแนวโน้มขาขึ้นด้วยกราฟรายวัน เล่มนี้จะเน้นการดูแท่งเทียน เอามาใช้ในการหาสัญญาณต้นเทรนด์ของขาขึ้น ซื้อหุ้นแบบ buying strength, buy weakness รันเทรนด์ระยะสั้นด้วยเส้นค่าเฉลี่ย ขายหุ้นออกด้วย selling into strength, selling weakness เรียกว่าครบวงจรตั้งแต่ซื้อยันขายเลยครับ อ่านเล่มเดียวจบ
อ่านสรุปหนังสือ หุ้นซิ่ง สวิงเทรด ที่ http://zyo71.blogspot.com/2018/04/ema-swing-trade.html

หากท่านสนใจอยากเป็นเจ้าของ ก็ติดต่อไปที่เพจ Zyo Books นะครับ มีขายออนไลน์ที่เดียวเท่านั้น
ส่งข้อความไปสั่งได้ครับ จะมีข้อความแจ้งรายละเอียดราคาและเบอร์บัญชีสำหรับโอนเงินทันที



ซึ่งต้องออกตัวไว้ก่อนว่ามันก็ไม่ใช่หนังสือหุ้นที่ดีที่สุด แต่อย่างน้อยก็กลั่นมาจากความรู้สึกชอบเป็นการส่วนตัว เอาความรู้ที่อ่านมาไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับนิสัยของตัวเอง แล้วก็รวบรวมมาเป็นหนังสือทั้งสองเล่มนี้แหละครับ แม้จะไม่เป็นหนังสือหุ้นที่ดีที่สุดแต่ก็เป็นหนังสือที่ผมชอบที่สุดครับ

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

Setup เงินล้านของ Kristjan Kullamägi

จิตวิทยา การวิเคราะห์และใช้งาน แท่งเทียน Doji

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่