สาเหตุที่ผมหยิบหนังสือเล่มนี้ เป็นเพราะปกหลัง ที่เขาบอกว่ามาจากการรวมบทความที่เขาเขียนเก็บเอาไว้ มันเป็นบทความที่ตกผลึกจากความคิด จากสิ่งที่เขาได้เรียนรู้ในแต่ละวัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาในการใช้ชีวิตและการทำธุรกิจของเขา ตลอดจนถึงการเจ๊ง ก่อนจะก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในปัจจุบัน
ผมสนใจประเด็นที่ว่าอะไรเป็นตัวผลัก ตัวฉุด ให้เขาลุกขึ้นทุกครั้งที่ล้ม และพยายามลงมือทำต่อจนประสบความสำเร็จได้ เขามีความเชื่ออะไรอยู่ เขาคิดอะไรอยู่ในช่วงนั้น
เพราะผมเชื่อว่าเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องของความสำเร็จ ใครๆก็เขียนถึงกันมากแล้ว พวกเราอ่านหนังสือก็เจอแต่ภาพของความสำเร็จที่สวยหรู วิธีการแนวทางทำให้สำเร็จ แต่พวกเราลืมนึกถึงความล้มเหลว ความเหนื่อยล้า ความผิดพลาดระหว่างทาง ที่พวกเขาเจอ ซึ่งมันเป็นอุปสรรคขนาดใหญ่ที่ขัดขวางไม่ให้คนส่วนใหญ่ผ่านไปได้ แต่ทำไมคนไม่กี่คน เขาก้าวผ่านไปได้ เขาทำอะไร คิดอะไรอยู่
เมื่อได้อ่านจบ ผมพบว่าทรัมป์ เป็นคนไม่ธรรมดาเลย เขามีคุณสมบัติทุกอย่างที่จะเป็นผู้ชนะอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อมั่นในตัวเอง การรู้จักปลุกเร้าตัวเองเห็นคุณค่าของตน จึงไม่แปลกที่แม้เขาจะต้องเผชิญกับความล้มเหลวหลายครั้ง แต่ทุกครั้งเขาก็สามารถลุกขึ้นมาสู้ใหม่และทำได้ดีกว่าเดิมด้วย
แม้ว่าสิ่งที่เขาคิดและทำนำเสนอในเล่มนี้ มันจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจแต่มันก็สามารถเอาไปประยุกต์ใช้สำหรับการเป็นเทรดเดอร์ได้เป็นอย่างดีเยี่ยมเลยครับ
ถ้าใครกำลังมีคำถามกับตัวเองเกี่ยวกับประสิทธิภาพในการเทรดหรือกำลังท้อแท้ ผมคิดว่าหนังสือเล่มนี้สามารถช่วยกระตุ้น และดึงไฟฝัน ดึงศักยภาพในตัวคุณให้กลับมามีกำลังสู้ก๊อกสองขึ้นมาได้ครับ
เคยมีคนถามถึงเคล็ดลับที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จ เขาบอกว่ามันก็ไม่รับอะไรหรอกแต่ทุกคนก็ต้องมีสูตรเฉพาะที่ได้ผลสำหรับตัวเขาเอง เขาบอกว่าเขาเป็นคนช่างคิด กล้าแสดงออก มั่นใจในตัวเองทื่อตรง
และเหตุผลนี่แหละที่สามารถทำให้เขามองข้ามเรื่องไร้สาระทั้งหลาย และสามารถจับประเด็นมันได้อย่างรวดเร็ว
เขาบอกว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้เขามีวันนี้ได้ ก็เพราะตอนที่ยังเรียนอยู่ เขาจะได้คำคมจากพ่อของเขาทุกสัปดาห์ เป็นคำคมที่เสริมสร้างแรงบันดาลใจให้เขา มันเกี่ยวกับความเป็นผู้นำ หรือการเป็นผู้ชนะในเกมชีวิต จนถึงวันนี้เขาก็ยังจำมันได้และเอาาใส่ในหนังสือเล่มนี้ด้วย
คำคม
๑) ผมชอบพวกคำคมเสมอมา
ไม่ว่าจะเป็นคำคมของผมเองหรือคนอื่นก็ตาม
เพราะบ่อยครั้งมากที่พวกมันกลั่นกรองแนวคิดกว้างๆ จนเหลือแค่แก่น
ความกลัว
๒) วิธีเผชิญหน้ากับความกลัว เขาบอกว่าจริงๆแล้วเราไม่ได้กลัวหรอก เพียงแต่เรากังวลกับมัน
ดังนั้นให้ลองเปลี่ยนจากการถามตัวเองว่าคุณกลัวการเป็นเจ้าของกิจการหรือเปล่า ไปเป็นคุณกังวลกับการเป็นเจ้าของกิจการหรือเปล่า มันก็จะทำให้คุณสามารถแยกแยะ
และตอบปัญหาในสิ่งที่คุณกังวลนั้นได้
คำว่ากลัวกับคำว่ากังวล มันมีความต่างกันคือ กลัวจะเป็นความรู้สึกแต่กังวลมันเป็นคำกลางๆ ซึ่งมันจะช่วยขจัดอุปสรรค และทำให้ความคิดสร้างสรรค์ไหลลื่น
๓) อย่าปล่อยให้ความกลัวมามีอิทธิพลอยู่เหนือชีวิตคุณ จงรู้เท่าทันและกำจัดมันไปทันที
จงแทนความกลัวด้วยทัศนคติของผู้แก้ปัญหา มีศรัทธาในตัวเอง และมุ่งมั่นทำงานหนักการทำงานเพื่อตัวคุณเองอย่างหนัก มันจะช่วยให้คุณจัดการแก้ไขปัญหาได้ด้วยพลังอำนาจของตัวเอง
ซึ่งในที่สุดมันก็จะกลายเป็นชัยชนะ
ทำงานหนัก
๔) ถ้าคุณอยากมีกิจการเป็นของตัวเอง คุณต้องทำงานหนักเองด้วยนั่นคือวิถีทางของมัน
แต่ถ้าหากคุณไม่พร้อมที่จะทำงานหนัก คุณก็อาจจะเหมาะเป็นได้แค่ลูกจ้างมากกว่า
๕) ความสำเร็จทางธุรกิจ เป็นทักษะที่มาจากส่วนผสมของความถนัดการทำงานหนัก และโชค
ความสำเร็จมักจะเป็นเรื่องของความอดทน ความอดทนเป็นสิ่งที่พัฒนาขึ้นมาได้
๖) เจ้าของกิจการล้วนขับเคลื่อนด้วยแรงผลักดันจากภายในตัวพวกเขาเอง นั่นเป็นวิธีทำงานที่ดี และเป็นวิธีใช้ชีวิตที่ยอดเยี่ยม
๗) จงหาวิธีทำงานที่ได้ผลดีที่สุดสำหรับตัวคุณเอง
ผมไม่รังเกียจการทำงานหนัก
แต่ผมไม่เห็นค่าของการทำงานแบบคนโง่
๘) ผมมองแง่บวกผมเพียรพยายาม
และผมไม่ยอมตกลงปลงใจอะไรที่ด้อยไปกว่าภาพในหัว
ผลลัพธ์นั้นคุ้มค่ากับความพยายาม
และก็ไม่น่าแปลกใจหรอกที่ความเพียรพยายามเป็นฝ่ายมีชัย
จำเรื่องนี้ไว้ขณะที่คุณมุมานะฟันฝ่าต่อไปนะครับ
การแก้ปัญหา
๙) ทำไมผมถึงหลุดพ้นจากปัญหาหนี้สินก้อนโตได้ ทั้งๆที่คนส่วนใหญ่มองว่าผมหมดอนาคตได้แน่
แต่ผมไม่เคยเชื่อว่าตัวเองจะแพ้ ผมเพียงมองแต่ว่าสถานการณ์นั้น มันเป็นปัญหาที่ผมต้องแก้ไข และลงมือจัดการ
ผมรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่าย นี่แหละผมถึงมองว่ามันเป็นเรื่องท้าทาย และด้วยความที่ผมปฏิเสธที่จะยอมพ่ายแพ้แก่ความกลัว หรือยอมเชื่อว่านั่นคือจุดจบอย่างที่คนอื่นเขาว่ากัน
ผมก็เลยสามารถกลับมาได้อย่างยิ่งใหญ่
๑๐) ธุรกิจนั้นเกี่ยวข้องอย่างมากกับการแก้ปัญหา
ถ้าคุณสามารถเรียนรู้ที่จะจัดการและหาทางแก้ คุณก็มีทางประสบความสำเร็จได้อีกมาก
๑๑) วิธีรับมือกับสถานการณ์ยุ่งยากของผมคือ ผมถามตัวเองอยู่เสมอว่า
นี่คือการสะดุดชั่วคราว หรือมันคือหายนะกันแน่
มันช่วยให้เขาคิดอะไรอย่างมีเหตุผลขึ้นมาได้ท่ามกลางข่าวร้าย
๑๒) เมื่อใดที่มีอะไรพลิกผันอย่างรุนแรงสำหรับผม สิ่งที่ผมได้เรียนรู้ก็คือ คุณต้องมุ่งมั่นจดจ่ออยู่ตลอดเวลารวมถึงรักษาแรงผลักดันของคุณเอาไว้ด้วย
ผมต้องไปต่อ ผมไม่ยอมแพ้ ความมุ่งมั่นของผมแรงกล้าพอที่จะทำให้ความพยายามนั้นได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่า แรงผลักดันก็ทำให้ผมมั่นใจว่า ความพยายามนั้นจะไม่สูญเปล่าแน่ๆ
ผมเรียนรู้มากมายจากสถานการณ์อันยากลำบากเหล่านั้น
๑๓) วิธีหนึ่งในการหลีกเลี่ยงความรับความผิดพลาดที่เลี่ยงได้ คือการยอมรับว่ามันสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา มันคือวิธีหนึ่งในการเตรียมพร้อม โดยไม่ต้องมองโลกในแง่ร้าย ปัญหา สะดุด ความผิดพลาดและการสูญเสีย ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
มันคือสิ่งที่เราต้องยอมรับ เราไม่ควรจะสะทกสะท้านเวลาที่มันเกิดขึ้น
อย่าปล่อยให้สิ่งต่างๆทำให้คุณเสียศูนย์หรือล้มลง
จงรักษาสถานภาพของคุณเอาไว้ ด้วยการมองให้ออกว่าคุณกำลังรับมือกับอะไรอยู่ ถ้าคุณถูกจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว จงถามตัวเองว่าคุณได้เรียนรู้อะไรบ้างจากประสบการณ์นั้น
๑๔) เมื่อมีปัญหา คนเราส่วนใหญ่ก็เสียเวลามากมายหมกมุ่นไปกับปัญหา แทนที่จะหันไปใส่ใจกับโอกาส
คุณต้องมีภาพรวมเอาไว้ในใจเสมอ แม้กระทั่งในยามที่คุณจมอยู่กับรายละเอียด หรือในหัวคุณมีแต่เรื่องจุกจิกยิบย่อยเกินความจำเป็น
๑๕) คุณต้องจดจ่ออยู่กับเป้าหมายของคุณไม่ใช่ปัญหาที่กำลังรุมเร้าคนอยู่ถ้าคนเรารอให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบก่อนลงมือทำอะไรก็ตามโลกคงอยู่ในสภาพย่ำแย่น่าดู
๑๖) ถ้าคุณมีปัญหาใดในวันนี้ นั่นนับเป็นเรื่องที่ดีข้อหนึ่ง คือมันหมายความว่าคุณยังมีชีวิตอยู่
ดังนั้นใช้เวลาคิดถึงมันสักหน่อย และพยายามทำให้สถานการณ์นั้นๆก็เกิดประโยชน์มากที่สุด
๑๗) วิธีการเผชิญกับปัญหา
1 จงคาดไว้ก่อนว่าจงคาดไว้ก่อนเลยว่าคุณต้องเจอปัญหา
2 จงมุ่งมั่นเอาไว้ เชื่อผมสิคุณจัดการมันได้แน่ถ้าคุณปล่อยให้ตัวเองไหลไปตามน้ำขณะเดียวกันก็ยังคงความมุ่งมั่นเอาไว้
๑๘) คนที่ผ่านความยากลำบากใหญ่หลวงมามักพูดว่าพวกเขาเพราะมีภาพอนาคตไว้ในใจไม่ว่าสถานการณ์ปัจจุบันจะเลวร้ายเพียงใดก็ตาม
๑๙) ปัญหาเป็นการออกกำลังสมองปัญหาอาจเป็นโอกาสก็ได้ถ้าคุณตั้งชื่อที่ต่างออกไปให้กับสิ่งต่างๆคุณจะรู้สึกถึงว่ามันส่งผลต่อวิธีที่คุณเข้าไปจัดการมันมากแค่ไหน
รับผิดชอบ
๒๐) จงมองตัวเองเป็นผู้นำ นั่นหมายความว่าคุณต้องดูแลตนเองรับผิดชอบ
อย่าประเมินการเตรียมพร้อมต่ำเกินไป และถ้าอยากจะให้วิ่งฉิว ควรฝึกตัวเองให้สามารถคิดอะไรได้ในสถานการณ์เฉพาะหน้า
๒๑) ทัศนคตินั้นรวมถึงความรับผิดชอบ และความจดจ่อ
การเตรียมพร้อม
๒๒) การมีแผนสำรองรอไว้เป็นเรื่องสำคัญ
ถ้าแผนแรกไม่ได้ผลและพวกเขาได้เตรียมรับมือไว้แล้วพวกเขาก็จะไม่เสียเวลาไปมากนักการที่ได้เรียนรู้ที่คิดล่วงหน้าเตรียมพร้อมและควบคุมสถานการณ์นี่คือองค์ประกอบพื้นฐานสำหรับความสำเร็จในการทำธุรกิจ
๒๓) ถ้าคุณเตรียมตัวมาอย่างดี เมื่อถึงเวลาที่ต้องลงมือ คุณก็ทำบริหารจัดการงานได้อย่างรวดเร็ว
วิธีการที่จะคิดเฉพาะหน้าได้อย่างรวดเร็ว มันมาจากการฝึกฝน และความมีวินัย
คุณต้องฝึก คุณต้องตรวจสอบตัวเองทุกวัน อย่ารอให้สถานการณ์เลวร้ายมาทดสอบความสามารถในการคิดอย่างฉับไวของคุณ จงเตรียมตัวให้พร้อมตลอดเวลา
๒๔)
น้อยคนนักที่จะสมบูรณ์แบบมาตั้งแต่ต้น แม้แต่อัจฉริยบุคคลก็ยังลงแรงกับสิ่งที่เขาทำ
เราต้องประกอบชิ้นส่วนเล็กๆในน้อยๆเข้าด้วยกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดภาพรวมที่สมบูรณ์ แต่ต้องทำอย่างสร้างสรรค์และใจรัก นี่คือวิธีหนึ่งของการเตรียมพร้อม เพื่อให้แข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
จงมุ่งไปสู่ความสมบูรณ์ และอย่าหยุดตั้งข้อสงสัยกับสิ่งต่างๆ แล้วคุณจะพบว่าตัวเองพร้อมแล้วสำหรับชัยชนะในการแข่งขันครั้งสำคัญ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ทัศนคติของผู้ชนะ
๒๕) ทัศนคติอย่างผู้ชนะ ความธรรมดานั้นไม่เพียงพอต่อพวกเขา
ผู้ชนะคิดใหญ่ ผู้ชนะทุ่มเทอย่างหนัก ผู้ชนะมุ่งมั่น ผู้ชนะมีวินัย
๒๖) คุณสมบัติประการหนึ่งที่ผู้ชนะทุกคนมีก็คือ พวกเขาต้องการเอาชนะ พวกเขาต้องการเป็นเลิศ
ไม่ใช่แค่อันดับรอง แต่ต้องชนะเลิศ
๒๗) ชัยชนะมาพร้อมกับความรับผิดชอบ ผู้ชนะจะยืดอกรับผิดชอบ
คุณเองก็ควรหมั่นตรวจสอบตัวเองให้ดี เพื่อให้แน่ใจว่าคุณพร้อมและรับผิดชอบเป็น
ถ้าไม่เป็นอย่างนั้น คุณต้องทําอะไรสักอย่าง เพราะมันคือปัจจัยสำคัญของความสำเร็จ
๒๘) ผู้ชนะ จะทุ่มเททำงานหนักกว่าคนอื่น
คุณต้องพยายามทุ่มแรง ทุ่มเทแรงกายแรงใจของคุณในทุกๆวัน
อย่าหลีกเลี่ยงความสำเร็จเพียงเพราะคุณคิดว่าความรับผิดชอบนั้นหนักหนาสาหัสเกินไป
จงตั้งมั่นและลงมือทำ คุณจะประหลาดใจว่าความเพียรพยายามอย่างชาญฉลาด จะทำให้เกิดอะไรขึ้นมาบ้าง จงเพ่งสมาธิทั้งหมดของคุณกับงานที่ทำอยู่
คุณคือผู้ชนะ
๒๙) จงถามตัวเองด้วยคำถามข้อนี้
คุณอยากเป็นที่รู้จักด้วยมาตรฐานแบบไหน?
จากนั้นก็ลองกำหนดมาตรฐานแบบนั้นสำหรับตัวเอง
ไม่มีใครทำให้คุณได้หรอกครับ
๓๐) การเป็นเพื่อนคนสนิทที่สุดของตัวเอง คือสิ่งสำคัญมาก
อย่างที่ มาร์ค ทเวน ว่าไว้ "จงอย่าอึดอัดกับการยอมรับตัวคุณเอง"
บางครั้งคนอื่นอาจจะสนุกกับการเย้ยหยันความสำเร็จ หรือความใฝ่ฝันของคุณ แต่ถ้าคุณนับถือตัวเองไม่เสื่อมคลาย นั่นย่อมไม่อาจสร้างปัญหาใดๆให้กับคุณได้คุ
ณจะมองว่าคนเหล่านั้นเป็นแค่ปลาตัวจ้อย นักวิจารณ์ติชมคนอื่นก็เพื่อสนองจุดมุ่งหมายของตัวเอง
แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเลย เพราะคุณฉลาดพอที่จะทำในสิ่งที่ตอบสนองต่อจุดมุ่งหมายของตัวเองเช่นกัน
เห็นคุณค่าของตัวเอง
๓๑) คุณสามารถเป็นแบบผมได้ อึดเข้าไว้แกร่งเข้าไว้ จงเต็มใจที่จะเรียนรู้ แล้วคุณก็จะได้เรียนรู้
อย่าไปกลัวความผิดพลาดหรืออุปสรรค มันจะเป็นเครื่องมือสำหรับการเรียนรู้ระหว่างที่คุณเดินไปบนเส้นทางสู่ความสำเร็จ เราต่างมีเรื่องให้เรียนรู้กันทุกวัน
จำเรื่องนี้ไว้และโอกาสสุขความสำเร็จของคุณจะเพิ่มขึ้นทันตาเห็น
๓๒) คนแรกที่ควรให้โอกาสตัวคุณก็คือตัวคุณเอง จงให้โอกาสตัวเองในทุกๆวัน
คนบางคนชอบทำตัวเป็นศัตรูที่เลวร้ายที่สุดของตัวเอง
อย่าดำเนินตามรอยนั้นเพราะนั่นแหละคือสิ่งที่เลวร้ายจริงๆ
๓๓) คนที่ประสบความสำเร็จสูงสุดคือคนที่มีแรงผลักดันในตัวเอง
อยากรู้อยากเห็นโดยธรรมชาติ และไม่จำเป็นต้องให้ใครมาบอกว่าควรทำอะไร
จงพยายามเป็นคนประเภทนั้น
๓๔) เมื่อเราได้ยินเรื่องเกี่ยวกับคนที่ประสบความสำเร็จมากๆ เราน่าจะสันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่า พวกเขาต้องเคยผ่านอุปสรรคหรือความยากลำบาก ต้องเคยลองผิดลองถูกมาแล้วมากมายก่อนที่อะไรๆจะเข้ารูปเข้ารอยและไร้ที่ติ
๓๕) ผมถูกลิขิตมาให้ประสบความสำเร็จ
ผมรู้ได้อย่างไรนะหรือว่าผมถูกลิขิตมาเช่นนี้ ก็เหมือนกับ เดวิด ทอโร ไงครับ
ผมเชื่อว่าคนเราเกิดมาเพื่อประสบความสำเร็จ ไม่ใช่เกิดมาเพื่อล้มเหลว
ถ้าผมเชื่ออย่างนั้นได้ คุณก็เชื่อเช่นนั้นได้เหมือนกัน
------------------------------------------------------------------------------------------------------
วัฏจักรชีวิต
๓๖) แรงผลักดันมีอยู่หลายรูปแบบคำที่คล้ายคลึงกัน ได้แก่
พละกำลัง ความแข็งแกร่ง แรงกระตุ้น แรงขับ
ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ดีต่อความสำเร็จทุกประเภท
๓๗) จงค้นหากระแสคลื่นของตัวเอง แล้วว่ายไปกับมัน อย่าปล่อยให้อะไรทำให้คุณวอกแวก
จงทำทุกสิ่งที่คุณทำได้เพื่อคงกระแสคลื่นแห่งพลังงานเอาไว้
๓๘) ชีวิตเรามีทั้งขาขึ้นและขาลง แนวทางของผมคือการออกแบบจังหวะขึ้นลงของตัวเอง และพยายามรักษามันไว้ ผมจึงต้องพัฒนาความทรหดอดทนของตัวเอง เพื่อให้ทำได้ในระดับนั้น
ผมยอมทุ่มเทเวลามากมายไปกับการเรียนรู้และประยุกต์ใช้พลังแห่งแรงผลักดันให้เข้ากับชีวิต และการทำธุรกิจ จงทำทุกเรื่องให้สมดุลไม่เว้นแต่การทุ่มเทพลังของคุณ
ความท้าทาย
๓๙) ผมชอบความท้าทาย
เพราะความท้าทายก็เทียบได้กับความสำเร็จที่รอเราอยู่นั่นเอง
๔๐) ความท้าทายที่สำคัญที่สุดคือความท้าทายที่คุณได้มอบให้ตัวคุณเอง อย่าได้คิดว่าคุณพยายามทำทุกอย่างแล้วหรือทำดีที่สุดแล้วนั่นคือวิธีลัดในการบ่อนทำลายศักยภาพของตัวคุณเองถ้าคุณยังไม่ตายคุณก็ยังมีอะไรอีกมากมายที่สามารถทำได้
๔๑) บางคนถามผมว่าผมคิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะหรือเปล่า?
ผมตัดสินใจตอบว่าคิด
ทำไมล่ะครับ
ลองดูสิ บอกตัวคุณเองว่าคุณคืออัจฉริยะ
ทันใดนั้นเองคุณอาจจะสงสัยว่าเพราะอะไร
และคุณเป็นอัจฉริยะตรงไหน
ทันทีนั้นเองคุณก็จะได้เปิดใจตัวเองเพื่อสงสัยและเพื่อตั้งคำถาม
นั่นเป็นก้าวแรกที่สำคัญสู่การคิดเป็นอัจฉริยะ
และมันอาจปลดปล่อยทักษะที่ซ่อนเร้นของคุณออกมาก็ได้
ทำในสิ่งที่ตนเองรัก
๔๒) การจะรวยไม่ได้ง่ายเสมอไปผมย้ำถึงความสำคัญของการรักในสิ่งที่คุณทำเป็นอันดับแรกเสมอมา และจะย้ำตลอดไป
๔๓) ก้าวแรกของการเตรียมตัวสู่ความร่ำรวยก็คือการหาสิ่งที่คุณรักที่จะทำอย่างแท้จริง
วิธีลดความเสี่ยงที่ดีกว่า คือการเตรียมตัวและการจัดการล่วงหน้า
ถ้าคุณเตรียมพร้อมมาดีและมีทุกอย่างตามแผน นั่นเท่ากับคุณมีตาข่ายเพื่อความปลอดภัยไว้คอยรองรับ
วิธีที่ดีที่สุดในการทำเช่นนั้นก็คือฝึกทำตัวให้เปี่ยมประสิทธิภาพเข้าไว้
ผู้มีประสิทธิภาพสูงนั้นจะเตรียมความพร้อมไว้ทุกทาง
๔๔) สรุปก็คือ ถ้าคุณอยากจะร่ำรวยสิ่งที่ต้องคำนึงถึง 2 ประการ คือ
ความรักในสิ่งที่ทำ
และประสิทธิภาพในการทำงาน
รักในสิ่งที่คุณทำ และทำให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในเวลาเดียวกัน
ส่วนผสมดังกล่าวได้ผลดีเยี่ยมสำหรับผม
ปัญญา
๔๕) ผมคิดว่าปัญญาเป็นผลพวงมาจากหลายปัจจัย
อย่างแรกคือประสบการณ์
อีกอย่างคือความรู้
ซึ่งทั้งสองอย่างนี่มันสอนกันไม่ได้ คุณต้องได้มาด้วยตัวคุณเอง
นอกจากนี้มันยังเกี่ยวข้องกับความเข้าใจที่ลึกซึ้ง ซึ่งมาพร้อมกับประสบการณ์ด้วยเช่นกัน
อีกหนทางหนึ่งในการได้มาซึ่งปัญญา ก็คือการอ่านเรื่องเกี่ยวกับบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ และเรื่องของคนในวงการที่คุณสนใจเป็นพิเศษ มันจะช่วยให้คุณประหยัดเวลาเพราะคุณจะได้เรียนรู้จักผู้คนที่เคยผ่านเรื่องราวนั้นๆและฟันฝ่ามาได้
อื่นๆ
๔๖) เรียนรู้โดยไม่คิด เสียแรงเปล่า
ขงจื๊อ
๔๗) ลำแสงจากดวงอาทิตย์ก่อให้เกิดไฟไม่ได้ จนกว่าจะเกิดการรวมแสง
อเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบลล์
แถมท้ายด้วยคำคมที่ผมชอบที่สุด
ไหนๆคุณก็ต้องคิด
ทำไมไม่คิดใหญ่ไปเลยล่ะ?
อันนี้ไม่เกี่ยว แต่อยากแจ้งข่าว
สนับสนุนโดยหนังสือ "หุ้นซิ่ง สวิงเทรด" และ "หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่"