คุณไม่ได้เป็นคนงี่เง่าหรอกนะ อย่าเพิ่งพาล แต่ในตัวคุณน่ะมีคนงี่เง่าแฝงตัวอยู่
ทำไมน่ะรึ? ทุกวัน เราจะมีความคิดนับหมื่นเรื่องวนเวียน ผุดขึ้นมาให้เรารับรู้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นความไม่พอใจ ความกริ่งเกรง ความคาดหวัง คำถาม ความคิดเลื่อนลอย ฯลฯ
ยิ่งในตอนที่คุณทำการเทรด ความคิดเลื่อนลอยเหล่านั้น ยิ่งมีความกล้าแข็ง จนสามารถชี้นำให้คุณตัดสินใจซื้อ-ขาย อย่างง่ายดาย
เหตุผลก็เพราะว่า "เงิน" ยังไงล่ะ เงินไม่เข้าใครออกใคร โบราณเขาว่าไว้ ยิ่งกับจิตใจตัวเองก็ยิ่งหนักหนา เนื่องจากไม่มีใครอยากเสียเงิน เทรดเดอร์อย่างคุณก็ไม่ต้องการขาดทุน จิตที่งี่เง่าของคุณจึงพยายามกดดัน สร้างความรู้สึกกลัว เพื่อให้คุณขายหุ้นออก มันจะทำตัวเป็นความคิดที่สอง คอยขัดขวางให้คุณเกิดความสงสัยในการตัดสินใจ
เมื่อคุณเริ่มเทรด, จิตงี่เง่าในตัวคุณก็จะเริ่มพูดในหัวของคุณไปเรื่อย ผุดการตัดสินใจที่เป็นไปได้ในสิ่งที่คุณทำ ตอนนี้คุณควรจะถือ หรือคนขาย หรือเลยเถิดไปมโนว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น กังวลว่ากำไรจะหายไปหรือเปล่าเมื่อเห็นราคาหุ้นร่วงแรง หรือตั้งข้อสังเกตว่าราคาหุ้นน่าจะสามารถวิ่งขึ้นไปต่อได้อีก-อย่ารีบขายเลย ความคิดเหล่าที่มันคอยวิ่งเล่นอยู่ในหัวของคุณที่ว่านี้ก็คือ "จิตงี่เง่า" ที่จะเป็นตัวบงการ พยายามบ่อนทำลายการตัดสินใจที่เป็นแบบแผนของคุณตลอด ชักใบให้เรือเสีย หากราคายังไม่วิ่งขึ้นจิตงี่เง่าก็จะก็จะพยายามโน้มน้าวให้คุณตัดใจขายหุ้นเสียเถิด แต่หากราคาวิ่งขึ้นจนคุณมีกำไรโตเป็นกอบเป็นกำ-มันต้องการให้คุณทนถือต่อเพื่อที่จะให้ได้กำไรมากขึ้น จิตงี่เง่าจึงเป็นตัวบงการ ตัวจุดประกายให้เกิดความโลภและความกลัวในชั่วงนั้นนั่นเอง
ในช่วงที่ตลาดร่วงแรง หุ้นของคุณก็แดงตาม จิตงี่เง่าก็ออกมากระซิบข้างหูคุณ ให้รีบขายเพราะสถานการณ์น่ากลัวมาก วันต่อไปต้องเลวร้ายกว่านี้แน่
ในช่วงที่ตลาดวิ่งแรง ทำแท่งเขียวยาวอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน จิตงี่เง่าก็เอาอีกแล้ว รั้งใจคุณให้มองโลกในแง่ดีเอาไว้ วันพรุ่งวิ่งต่อแน่ อย่าเพิ่งรีบขายหมู
เห็นด้วยสิ่งที่ผมเขียนมาทั้งหมดนั้นมั้ยครับ? ถ้าคุณเคยเทรดมาก่อนและจับสังเกตความคิดของตัวเองมาบ้าง คุณน่าจะได้ยินเสียงเล็กๆที่คอยบอกให้คุณว่าทนถือต่อไปนี้เถอะ หรือไม่ก็ขายตอนนี้ หรือไม่ก็บอกว่าอย่าเพิ่งเลย ฯลฯ และเมื่อราคาร่วงแรงจนทำให้คุณขาดทุนจริงๆ-มันก็จะบอกให้คุณทนถือต่ออีกนิดเพราะว่าอีกไม่นานราคามันต้องกลับตัวขึ้นมาให้คืนทุนแน่ จึงทำให้คุณต้องยอมทนถือหุ้นที่ขาดทุนเอาไว้ และบ่อยครั้งที่มันไม่ยอมกลับขึ้นมาแบบจิตงี่เง่าตั้งข้อสังเกตไว้ กลับร่วงลงต่อทำให้คุณขาดทุนไปมากขึ้น จนเมื่อถึงจุดสุดขีดนั่นแหละที่คุณและจิตงี่เง่าเห็นพ้องตรงกันว่าคุณควรขายซึ่งมันก็มักจะเป็นจุดต่ำสุดพอดี
มีวิธีควบคุมจิตงี่เง่าเหล่านี้ได้ไหม?
โชคร้ายก็คือว่าคุณไม่สามารถจำกัดจิตงี่เง่าเหล่านี้ให้หายไปจากหัวคุณได้
ใช่ครับ...แม้แต่พระพุทธเจ้าเองท่านก็ไม่สามารถหักห้ามจิตไม่ให้คิดเรื่องนั้นเรื่องโน้นได้ เพราะมันเป็นเสียงภายในหัวคุณเอง มันเป็นกลไกความรู้สึกป้องกันตัวเองจากอันตรายอัตโนมัติที่ติดตัวคุณมาตั้งแต่เกิด
ดังนั้นวิธีการรับมือกับมันก็คือว่าคุณต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้ โดยให้วางตำแหน่งตัวคุณกับจิตให้มีลักษณะเป็นแบบเจ้านายกับพนักงาน คือตัวคุณเป็นเจ้านายและจิตที่มันผุดขึ้นมาตลอดเวลานั้นเป็นเหมือนพนักงานเป็นเหมือนลูกจ้างคุณ คุณจะรู้ตลอดเวลาว่าจิตมันผิดความคิดอะไรมาบ้าง แต่คุณก็ต้องมีหน้าที่สกรีนความคิดนั้น ไม่ยอมให้ราคากับมัน ถ้าหากมันไม่สามารถทำให้ชีวิตหรือรับใช้เป้าหมายของคุณได้
คือรับรู้ในสิ่งที่มันเกิดขึ้นมา ถ้าไม่สำคัญก็ปล่อยผ่านไปไม่ให้ความสำคัญกับมัน เมื่อคุณทำแบบนี้ได้คุณจะมีชีวิตที่เหนือกว่าความคิดของคุณและสามารถปรามมันให้คิดน้อยลงไปได้
นอกจากนี้ คุณต้องหาตัวช่วยอื่นที่มีความน่าเชื่อถือมาคอยคานอำนาจ เป็นอีกฝั่งตรงข้ามของจิตงี่เง่า
มันก็คือ อินดิเคเตอร์ ที่คุณให้ความเชื่อถือกับมันมาก ซึ่งมันมาจากแผนการเทรดของคุณนั่นเอง
เมื่อใดก็ตามที่จิตงี่เง่ามันงอแง ต้องการให้คุณทำอย่างโน้นอย่างนี้ คุณก็เอาความต้องการของมันไปเทียบกับแผนการเทรดของคุณ ถ้ามันคัดค้านกับแผน คุณก็ทำหูทวนลมไปซะ
จิตงี่เง่ากับการ stop loss
แน่นอนว่า....คุณสามารถใช้ไอเดียนี้ในการประยุกต์และควบคุมบริหารการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่คุณซื้อได้ คือคุณวางตำแหน่งคุณให้เป็นเจ้านายและให้ตำแหน่งหุ้นที่คุณซื้อเป็นลูกจ้าง นั่นหมายความว่าเมื่อคุณซื้อหุ้น-คุณได้จ้างหุ้นตัวนั้นเพื่อทำงานให้คุณ โดยเป้าประสงค์หลักของการทำงานนั้นคือทำเงินให้คุณ แต่ถ้าเมื่อใดก็ตามที่หุ้นตัวนั้น-มันไม่วิ่งไปทำกำไรให้คุณดังใจหวัง คุณก็สามารถไล่มันออกได้ทันที นั่นก็คือขายมันออกไปซะ
การเทรดแตกต่างจากการแต่งงานโดยสิ้นเชิง คุณก็รู้ดีถ้าคุณแต่งงานแล้วคุณไม่สามารถเลิกกับคู่ครองคุณอย่างได้ง่ายๆ คุณต้องเริ่มต้นที่การประนีปะนอมและพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้สึกเพื่อที่จะให้รักษาความรู้สึกของแต่ละคนไว้ได้
แต่การเทรดมันเป็นธุรกิจครับ มันไม่ใช่การแต่งงาน ที่ต้องคอยรักษาน้ำใจของกันและกัน
ถ้าหุ้นตัวนั้นไม่ยอมทำเงินให้คุณได้ คุณมีความชอบธรรมล้านร้อยเปอร์เซ็นต์ที่คุณสามารถไล่มันออกได้ทันที เพราะเป้าหมายของคุณก็คือการทำเงินไม่ใช่เหรอคุณเข้ามาเทรดเพราะคุณต้องการเงินต้องการกำไรต้องการสร้างความมั่งคั่งในเมื่อลูกทีมของคุณไม่สามารถทำตัวให้เหมาะสมหรือเป็นฟันเฟืองที่จะขับเคลื่อนทำให้คุณก้าวไปสู่ความมั่งคั่งได้คุณก็ไม่ควรที่จะอาลัยอาวรณ์กับมัน
และในช่วงนี้นี่เองที่ไอ้จิตงี่เง่าจะเข้ามาตอแยกับคุณ คือมันจะเข้ามาโต้แย้งและพยายามให้เหตุผลแต่ละอย่างเพื่อไม่ให้คุณขาย ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นผลดีต่อการเทรดของคุณเลย ดังนั้นคุณก็ต้องใช้แนวคิดเจ้านาย-ลูกจ้าง เพื่อควบคุมมันด้วย ก็คือคนยึดความคิดหลักให้มั่น ว่าคุณต้องการที่จะเป็นคนรวย ดังนั้นถ้าหุ้นตัวนั้นไม่สามารถทำให้คุณรวยได้ คุณก็ต้องขายมันออกมาอย่างไม่มีข้อยกเว้น
จำไว้นะครับคุณเป็นเจ้านาย-หุ้นเป็นลูกน้อง ลูกน้องต้องทำให้เจ้านายประสบความสำเร็จ ถ้ามันไม่ทำตามนั้น คุณก็ไล่มันออกไปเลย
ถ้าคุณรู้จักและใช้ความสัมพันธ์แบบเจ้านายกับลูกจ้างกับจิตและหุ้นได้ได้ มันจะทำให้คุณสามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้อย่างดีขึ้น ยิ่งคุณมีแผนการเทรดที่ละเอียด แถมมีแผนการบริหารเงินทุนอย่างลงลึก มันจะทำให้คุณสามารถตัดขาดหรืออยู่เหนืออารมณ์ที่เกิดขึ้นในระหว่างการเทรดนั้นได้เลย
ซึ่งมันจะทำให้ให้คุณสามารถทำตามแผนและรักษาผลประโยชน์ของตัวเองได้เป็นอย่างดี เหตุผลเพราะว่าคุณจะไม่ให้ความสำคัญต่ออารมณ์ที่บีบคั้นให้คุณต้องทำตามมันอีกต่อไป แล้วคุณมีหลักยึดใหม่ที่เป็นวิทยาศาสตร์ที่เกิดจากการทำการบ้านและวางแผนมาเป็นอย่างดีไว้ก่อนแล้ว
การที่คุณมีแผนรองรับต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นการตัดขาดทุนหรือการขายทำกำไรและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด โดยปราศจากอารมณ์ คุณมีความเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพแล้วครับ
(แนะนำเพิ่มเติม ของฟรี)
หากต้องการศึกษาวิธีเล่นหุ้น แนะนำให้ไปอ่านบทความฟรี คลิปฟรีที่นี่ก่อนก็ได้
คลิกลิ้งนี้ครับ
https://www.zyo71.com/p/index.html เป็นสารบัญเว็บนี้ครับ