นักเทรดคิดว่างานของพวกเขาคือการทำเงิน แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่!

Image
นักเทรดคิดว่างานของพวกเขาคือการทำเงิน แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่! แปลและขยายความจาก  https://x.com/markminervini/status/1850913591630680378 นักเทรดหลายคนมีความเชื่อผิด ๆ ว่า “งาน” หรือสิ่งที่พวกเขาต้องทำคือการทำกำไรให้ได้มากที่สุด ในความจริงแล้ว เป้าหมายของการเทรดคือการทำเงิน แต่งานจริง ๆ ของนักเทรดนั้นคือการปฏิบัติตามและดำเนินกลยุทธ์ที่ได้วางแผนไว้อย่างมีวินัยโดยไม่หลุดออกจากกรอบที่ตั้งไว้ ถ้าคุณสามารถยึดมั่นในกฎการเทรดของตัวเองอย่างต่อเนื่อง ผลลัพธ์ตามมาคือกำไรและความสำเร็จจะเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ เป้าหมาย vs งานจริงของนักเทรด - เป้าหมาย  คือการทำเงินและสร้างผลตอบแทน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนอยากได้ แต่สิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่คุณสามารถควบคุมได้โดยตรง - งานจริง  ของนักเทรดคือการใช้กลยุทธ์ที่มีโอกาสชนะให้ได้อย่างสม่ำเสมอและมีวินัย ยึดมั่นในแผนการเทรดที่ตั้งไว้ การทำตามกฎของตัวเองอย่างเคร่งครัดจะช่วยให้คุณจัดการกับความเสี่ยงและลดโอกาสขาดทุนได้ ทำไมวินัยจึงสำคัญในงานของนักเทรด การมีวินัยเป็นสิ่งที่ช่วยให้การเทรดมีความมั่นคงและปลอดภัยมากขึ้น การไม่มีวินัยในการเทรดจะทำให้นักเทรดเกิดการตัดสินใจที่ผิดพลาด

เทรดเดอร์งี่เง่าในตัวคุณ (idiot trader) - วิธีควบคุมจิตใจสำหรับนักเทรด



คุณไม่ได้เป็นคนงี่เง่าหรอกนะ อย่าเพิ่งพาล แต่ในตัวคุณน่ะมีคนงี่เง่าแฝงตัวอยู่
ทำไมน่ะรึ? ทุกวัน เราจะมีความคิดนับหมื่นเรื่องวนเวียน ผุดขึ้นมาให้เรารับรู้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นความไม่พอใจ ความกริ่งเกรง ความคาดหวัง คำถาม ความคิดเลื่อนลอย ฯลฯ

ยิ่งในตอนที่คุณทำการเทรด ความคิดเลื่อนลอยเหล่านั้น ยิ่งมีความกล้าแข็ง จนสามารถชี้นำให้คุณตัดสินใจซื้อ-ขาย อย่างง่ายดาย

เหตุผลก็เพราะว่า "เงิน" ยังไงล่ะ เงินไม่เข้าใครออกใคร โบราณเขาว่าไว้ ยิ่งกับจิตใจตัวเองก็ยิ่งหนักหนา เนื่องจากไม่มีใครอยากเสียเงิน เทรดเดอร์อย่างคุณก็ไม่ต้องการขาดทุน จิตที่งี่เง่าของคุณจึงพยายามกดดัน สร้างความรู้สึกกลัว เพื่อให้คุณขายหุ้นออก มันจะทำตัวเป็นความคิดที่สอง คอยขัดขวางให้คุณเกิดความสงสัยในการตัดสินใจ

เมื่อคุณเริ่มเทรด, จิตงี่เง่าในตัวคุณก็จะเริ่มพูดในหัวของคุณไปเรื่อย ผุดการตัดสินใจที่เป็นไปได้ในสิ่งที่คุณทำ ตอนนี้คุณควรจะถือ หรือคนขาย หรือเลยเถิดไปมโนว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น กังวลว่ากำไรจะหายไปหรือเปล่าเมื่อเห็นราคาหุ้นร่วงแรง หรือตั้งข้อสังเกตว่าราคาหุ้นน่าจะสามารถวิ่งขึ้นไปต่อได้อีก-อย่ารีบขายเลย ความคิดเหล่าที่มันคอยวิ่งเล่นอยู่ในหัวของคุณที่ว่านี้ก็คือ "จิตงี่เง่า" ที่จะเป็นตัวบงการ พยายามบ่อนทำลายการตัดสินใจที่เป็นแบบแผนของคุณตลอด ชักใบให้เรือเสีย หากราคายังไม่วิ่งขึ้นจิตงี่เง่าก็จะก็จะพยายามโน้มน้าวให้คุณตัดใจขายหุ้นเสียเถิด แต่หากราคาวิ่งขึ้นจนคุณมีกำไรโตเป็นกอบเป็นกำ-มันต้องการให้คุณทนถือต่อเพื่อที่จะให้ได้กำไรมากขึ้น จิตงี่เง่าจึงเป็นตัวบงการ ตัวจุดประกายให้เกิดความโลภและความกลัวในชั่วงนั้นนั่นเอง


ในช่วงที่ตลาดร่วงแรง หุ้นของคุณก็แดงตาม จิตงี่เง่าก็ออกมากระซิบข้างหูคุณ ให้รีบขายเพราะสถานการณ์น่ากลัวมาก วันต่อไปต้องเลวร้ายกว่านี้แน่

ในช่วงที่ตลาดวิ่งแรง ทำแท่งเขียวยาวอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน จิตงี่เง่าก็เอาอีกแล้ว รั้งใจคุณให้มองโลกในแง่ดีเอาไว้ วันพรุ่งวิ่งต่อแน่ อย่าเพิ่งรีบขายหมู

เห็นด้วยสิ่งที่ผมเขียนมาทั้งหมดนั้นมั้ยครับ? ถ้าคุณเคยเทรดมาก่อนและจับสังเกตความคิดของตัวเองมาบ้าง คุณน่าจะได้ยินเสียงเล็กๆที่คอยบอกให้คุณว่าทนถือต่อไปนี้เถอะ หรือไม่ก็ขายตอนนี้ หรือไม่ก็บอกว่าอย่าเพิ่งเลย ฯลฯ และเมื่อราคาร่วงแรงจนทำให้คุณขาดทุนจริงๆ-มันก็จะบอกให้คุณทนถือต่ออีกนิดเพราะว่าอีกไม่นานราคามันต้องกลับตัวขึ้นมาให้คืนทุนแน่ จึงทำให้คุณต้องยอมทนถือหุ้นที่ขาดทุนเอาไว้ และบ่อยครั้งที่มันไม่ยอมกลับขึ้นมาแบบจิตงี่เง่าตั้งข้อสังเกตไว้ กลับร่วงลงต่อทำให้คุณขาดทุนไปมากขึ้น จนเมื่อถึงจุดสุดขีดนั่นแหละที่คุณและจิตงี่เง่าเห็นพ้องตรงกันว่าคุณควรขายซึ่งมันก็มักจะเป็นจุดต่ำสุดพอดี


มีวิธีควบคุมจิตงี่เง่าเหล่านี้ได้ไหม?
โชคร้ายก็คือว่าคุณไม่สามารถจำกัดจิตงี่เง่าเหล่านี้ให้หายไปจากหัวคุณได้
ใช่ครับ...แม้แต่พระพุทธเจ้าเองท่านก็ไม่สามารถหักห้ามจิตไม่ให้คิดเรื่องนั้นเรื่องโน้นได้ เพราะมันเป็นเสียงภายในหัวคุณเอง มันเป็นกลไกความรู้สึกป้องกันตัวเองจากอันตรายอัตโนมัติที่ติดตัวคุณมาตั้งแต่เกิด

ดังนั้นวิธีการรับมือกับมันก็คือว่าคุณต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้ โดยให้วางตำแหน่งตัวคุณกับจิตให้มีลักษณะเป็นแบบเจ้านายกับพนักงาน คือตัวคุณเป็นเจ้านายและจิตที่มันผุดขึ้นมาตลอดเวลานั้นเป็นเหมือนพนักงานเป็นเหมือนลูกจ้างคุณ คุณจะรู้ตลอดเวลาว่าจิตมันผิดความคิดอะไรมาบ้าง แต่คุณก็ต้องมีหน้าที่สกรีนความคิดนั้น ไม่ยอมให้ราคากับมัน ถ้าหากมันไม่สามารถทำให้ชีวิตหรือรับใช้เป้าหมายของคุณได้

คือรับรู้ในสิ่งที่มันเกิดขึ้นมา ถ้าไม่สำคัญก็ปล่อยผ่านไปไม่ให้ความสำคัญกับมัน เมื่อคุณทำแบบนี้ได้คุณจะมีชีวิตที่เหนือกว่าความคิดของคุณและสามารถปรามมันให้คิดน้อยลงไปได้

นอกจากนี้ คุณต้องหาตัวช่วยอื่นที่มีความน่าเชื่อถือมาคอยคานอำนาจ เป็นอีกฝั่งตรงข้ามของจิตงี่เง่า
มันก็คือ อินดิเคเตอร์ ที่คุณให้ความเชื่อถือกับมันมาก ซึ่งมันมาจากแผนการเทรดของคุณนั่นเอง

เมื่อใดก็ตามที่จิตงี่เง่ามันงอแง ต้องการให้คุณทำอย่างโน้นอย่างนี้ คุณก็เอาความต้องการของมันไปเทียบกับแผนการเทรดของคุณ ถ้ามันคัดค้านกับแผน คุณก็ทำหูทวนลมไปซะ

จิตงี่เง่ากับการ stop loss
แน่นอนว่า....คุณสามารถใช้ไอเดียนี้ในการประยุกต์และควบคุมบริหารการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่คุณซื้อได้ คือคุณวางตำแหน่งคุณให้เป็นเจ้านายและให้ตำแหน่งหุ้นที่คุณซื้อเป็นลูกจ้าง นั่นหมายความว่าเมื่อคุณซื้อหุ้น-คุณได้จ้างหุ้นตัวนั้นเพื่อทำงานให้คุณ โดยเป้าประสงค์หลักของการทำงานนั้นคือทำเงินให้คุณ แต่ถ้าเมื่อใดก็ตามที่หุ้นตัวนั้น-มันไม่วิ่งไปทำกำไรให้คุณดังใจหวัง คุณก็สามารถไล่มันออกได้ทันที นั่นก็คือขายมันออกไปซะ

การเทรดแตกต่างจากการแต่งงานโดยสิ้นเชิง คุณก็รู้ดีถ้าคุณแต่งงานแล้วคุณไม่สามารถเลิกกับคู่ครองคุณอย่างได้ง่ายๆ คุณต้องเริ่มต้นที่การประนีปะนอมและพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้สึกเพื่อที่จะให้รักษาความรู้สึกของแต่ละคนไว้ได้

แต่การเทรดมันเป็นธุรกิจครับ มันไม่ใช่การแต่งงาน ที่ต้องคอยรักษาน้ำใจของกันและกัน
ถ้าหุ้นตัวนั้นไม่ยอมทำเงินให้คุณได้ คุณมีความชอบธรรมล้านร้อยเปอร์เซ็นต์ที่คุณสามารถไล่มันออกได้ทันที เพราะเป้าหมายของคุณก็คือการทำเงินไม่ใช่เหรอคุณเข้ามาเทรดเพราะคุณต้องการเงินต้องการกำไรต้องการสร้างความมั่งคั่งในเมื่อลูกทีมของคุณไม่สามารถทำตัวให้เหมาะสมหรือเป็นฟันเฟืองที่จะขับเคลื่อนทำให้คุณก้าวไปสู่ความมั่งคั่งได้คุณก็ไม่ควรที่จะอาลัยอาวรณ์กับมัน

และในช่วงนี้นี่เองที่ไอ้จิตงี่เง่าจะเข้ามาตอแยกับคุณ คือมันจะเข้ามาโต้แย้งและพยายามให้เหตุผลแต่ละอย่างเพื่อไม่ให้คุณขาย ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นผลดีต่อการเทรดของคุณเลย ดังนั้นคุณก็ต้องใช้แนวคิดเจ้านาย-ลูกจ้าง เพื่อควบคุมมันด้วย ก็คือคนยึดความคิดหลักให้มั่น ว่าคุณต้องการที่จะเป็นคนรวย ดังนั้นถ้าหุ้นตัวนั้นไม่สามารถทำให้คุณรวยได้ คุณก็ต้องขายมันออกมาอย่างไม่มีข้อยกเว้น

จำไว้นะครับคุณเป็นเจ้านาย-หุ้นเป็นลูกน้อง ลูกน้องต้องทำให้เจ้านายประสบความสำเร็จ ถ้ามันไม่ทำตามนั้น คุณก็ไล่มันออกไปเลย

ถ้าคุณรู้จักและใช้ความสัมพันธ์แบบเจ้านายกับลูกจ้างกับจิตและหุ้นได้ได้ มันจะทำให้คุณสามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้อย่างดีขึ้น ยิ่งคุณมีแผนการเทรดที่ละเอียด แถมมีแผนการบริหารเงินทุนอย่างลงลึก มันจะทำให้คุณสามารถตัดขาดหรืออยู่เหนืออารมณ์ที่เกิดขึ้นในระหว่างการเทรดนั้นได้เลย

ซึ่งมันจะทำให้ให้คุณสามารถทำตามแผนและรักษาผลประโยชน์ของตัวเองได้เป็นอย่างดี  เหตุผลเพราะว่าคุณจะไม่ให้ความสำคัญต่ออารมณ์ที่บีบคั้นให้คุณต้องทำตามมันอีกต่อไป แล้วคุณมีหลักยึดใหม่ที่เป็นวิทยาศาสตร์ที่เกิดจากการทำการบ้านและวางแผนมาเป็นอย่างดีไว้ก่อนแล้ว

การที่คุณมีแผนรองรับต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นการตัดขาดทุนหรือการขายทำกำไรและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด โดยปราศจากอารมณ์ คุณมีความเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพแล้วครับ


(แนะนำเพิ่มเติม ของฟรี)
หากต้องการศึกษาวิธีเล่นหุ้น แนะนำให้ไปอ่านบทความฟรี คลิปฟรีที่นี่ก่อนก็ได้
เรียนเล่นหุ้น เรียนเทรด forex จิตวิทยาการเทรด มือใหม่เล่นหุ้น
คลิกลิ้งนี้ครับ https://www.zyo71.com/p/index.html เป็นสารบัญเว็บนี้ครับ







และ eBook มีขายที่เว็บ https://www.mebmarket.com/index.php?action=search_book&type=author_name&search=เซียว%20จับอิดนึ้ง&exact_keyword=1&page_no=1
แยกส่วนกันนะครับ ขายคนละเจ้า
ebook หนังสือสอนเล่นหุ้น

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

Setup เงินล้านของ Kristjan Kullamägi

จิตวิทยา การวิเคราะห์และใช้งาน แท่งเทียน Doji

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่