GL หรือ บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) เคยเป็นหุ้นที่ถูกเรียกว่า growth อยู่พักหนึ่ง เพราะราคาวิ่งขึ้นแรงอย่างต่อเนื่อง สารภาพว่าผมก็ไม่ได้ตามหุ้นตัวนี้นะ เพราะคิดว่ามันแพงไปแล้ว ตอน 20 ก็คิดว่าแพงไปแล้ว หันมาดูอีกทีก็โน่น 50 บาทไปแล้ว
จึงได้ข้อคิดว่า หุ้นที่แพงแล้ว ก็มีโอกาสแพงได้อีก หุ้นที่เป็นขาขึ้นแล้วก็มีแนวโน้มที่จะขึ้นต่อไปได้อีก หากเราตัด bias เรื่องการขึ้นของราคาหรือความแพงหรือกระทั่งราคาสูงไปได้ แล้วโฟกัสที่ price pattern หาจังหวะซื้อที่ดีน่าจะได้ประโยชน์มากกว่า
จากกราฟภาพรวมตั้งแต่เข้าตลาด มันใช้เวลาขึ้นมาสร้างฐานตั้งแต่ปี 2013-2015 แล้วก็ขึ้นแบบขั้นบันไดทั้งปี 2015 พอปีต่อมาซิ่งแหลกตลอดทั้งปี กระทั่งมาปีนี้เองที่เกิดปัญหาราคาก็ร่วงกราวรูดจนมาอยู่ในโซน 10 บาทในปัจจุบันครับ
ขอตั้งความสนใจตั้งแต่ช่วงเริ่มวิ่งขึ้นนะครับ ตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นไป
จุดเริ่มต้นของขาขึ้นรอบใหญ่ของหุ้น GL ก็คือ gap ครับ ซึ่งไม่ใช่แค่อันเดียว เปิดโดดสามครั้งเลยครับ
ซึ่ง gap แรกดูเหมือนไม่โดดเด่นอะไรเลยนะครับ วอลุ่มสูงสุดในรอบ 10 เดือนแต่การที่ราคาไปไหนไม่ได้ไกล ติดที่ต้าน 5.5 อันเป็นไฮเดิม ก็ยิ่งไม่น่าสนใจ
และก็มาดูดีน่าสนใจเอาตอน gap แท่งที่สองและสาม โดยเฉพาะการโดดครั้งสุดท้ายนี่ ทำ All time high ได้ในรวดเดียวเลยครับ
ถ้าเอาตัวเองไปอยู่หน้างาน คงไม่ได้เข้าตามแม้แต่สัก gap เดียวเลยครับ เพราะน่ากลัวดอยมาก จึงต้องปล่อยให้วิ่งไปก่อน
จากนั้นไป มันก็วิ่งขึ้นแบบ sideway up คือพยายามสร้างฐาน ยกกรอบขึ้นไปเรื่อยๆ โดยกรอบล่างของมันไม่ได้แข็งแรงมากนัก มักจะมีการย่อหลุดไปลงในกรอบเก่าหลายครั้ง ถ้าใครเข้าในช่วงนี้คงจะปวดหัวพิลึก เพราะถ้าหากจุดซื้อท่านไม่ดี(ซึ่งหาดีไม่ได้เลย) ก็ต้องตกใจ stop loss ออกหลายครั้งแน่นอน
นอกจากนี้ มันยังแอบเปิด gap ครั้งที่ 4 เสียด้วย ซึ่งท่านก็อย่าไปหลงคิดว่ามันเป็น breakaway gap เลยนะครับ เพราะมันอยู่ในช่วงกลางแล้ว จึงไม่แปลกที่หลังจากนั้นไม่นาน มันก็ร่วงลงไปปิด gap ช่องนั้นได้อย่างง่ายดาย
ในส่วนของรูปแบบ Base นั้น ที่ผมระบุไป เพราะเห็นกรอบแบบหลวมๆของมันนะ ซึ่งก็ไม่รู้จะระบุชื่อของมันยังไง เพราะดูไม่ออก แต่กระนั้น เราก็พอมองออกว่ามันได้ทำ Base on base อย่างแน่นอน
ตั้งแต่ Base 3 ไปนี่แหละครับ ถึงได้ทำฐานราคาที่พอติดตาขึ้นมาบ้าง
คือ Base 3 นี่ก็มองได้สองมุมนะ จะเห็นเป็น flag ก็ได้ ถ้าลากเส้นกดลงไปก็จะๆด้จุดซื้อตอนที่มันทำแท่งเขียวทะลุเส้นกดนั้น โดยวอลุ่มก็เป็นใจด้วย
จากนั้น ถ้าท่านไม่แน่ใจ ก็รอข้าม handle ก็ค่อย ตาม ซึ่งถ้าซื้อตรงจุดนี้ก็ต้องประสบกับความหวาดเสียวหลายครั้งเพราะจากนั้นไปราคาก็ย่อลงไปทดสอบระดับ handle หลายครั้งมาก ซึ่งก็เป็นจุดเด้งที่ดีมากนะครับ กระทั่งในช่วงต้นของเดือน Apr นั่นแหละที่โดนกดให้ลงไปปิดหลุด แต่วันถัดไปก็ดีดกลับขึ้นไปยืนเหนือได้ทันที แบบนี้ก็ถือว่าพอไหว เป็นแนวรับที่มีนัยยะมาก
ซึ่งในช่วงที่ราคาออกข้างย่อลงไปทดสอบระดับ handle นั้นเอง มันก็ทำทรงราคาที่เรารู้จักคือ triangle ท่านก็สามารถซื้อตามตอนที่มันข้ามเส้นกดนั้นได้
ก็อย่างที่เรามีพื้นความรู้ตรงกันว่า ถ้าหุ้นตัวไหนที่สร้าง ฐานซ้อนฐานหลายชั้น หีือ Base on base หากมันทะลุข้ามกรอบสะสมหลายชั้นนั้นแล้วแล้วต้องการวิ่งนะ มันจะไปเร็วและแรงมาก ซึ่งไอเดียนี้ก็ตรงกับสิ่งที่ GL ทำเลยครับ พอดีดผ่าน 20 บาทขึ้นไปได้ เค้าก็ซิ่งแรงเลยครับ จาก 20 ไปหยุดที่ 30 ซึ่งเป็นตัวเลขกลมๆ ย่อให้คนเล่นรอบขายหุ้นออกนิดหน่อยพอเป็นพิธี ซึ่งในช่วงย่อและดีดกลับนี้เองก็เกิดรูปแบบราคา cup with handle ให้เราเข้าไปซื้อได้
ก็ซิ่งต่อขึ้นไปเขี่ย 45 บาท แล้วค่อยย่อเพราะมีความต้องการขายของคนเล่นรอบ หรือแม้แต่ Smart money ที่ได้ทุนต่ำๆ พากันปล่อยหุ้นออกมา เพื่อทำกำรรวมทั้งได้ลดความร้อนแรงของราคาด้วย
ต่อมา เมื่อราคาไม่ผ่าน 45 บาทก็ย่อหนักครับ เหตุผลเพราะในช่วงนั้น SET อยูในชาวงขาลงและ panic นั่นเองครับ ดูเทียบกันกับกราฟ SET ข้างล่าง ในช่วงเดือน Aug ถึง Oct นั้น SETร่วงแรงมากมาย แม้ GL จะโดนขายตามดัชนีให้ราคาลงตาม แต่ก็ไม่หนักหนาสาหัสเท่า SET เลย นี่คือลักษณะเด่นของหุ้นนำตลาดครับ ซึ่งมันก็แสดงออกถึงความเหนือชั้นกว่าดัชนีทันทีเมื่อ SET ดีดกลับขึ้นไปจากการ panic โดยในขณะที่ SET กลับไปยืนที่เดิมก่อนลง แต่ GL ทำ All time high ได้เรียบร้อยแล้ว
หลังจากที่สร้าง handle ที่โซน 45 บาสักระยะ มันก็ดีดแรงขึ้นไป All time high จนเขี่ย 70 บาท จึงเจอขายทำกำไรหนักมาก ทำเป็นแท่งแดงยาวแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งที่ในตอนนั้น SET ก็ยังขึ้นบวกต่อเนื่องอยู่แท้ๆ การที่ราคาลงหนักมากปบบนี้สื่อว่า supply หรือความต้องการขายมีมากกว่า demand อย่างท่วมท้น เพราะ supply ที่มันล้นตลาดนั่นเองทำให้ราคาร่วงลงหนัก เมื่อเห็นแบบนี้ก็ให้รู้ตัวเลยว่า น่าจะถึงจุดสูงสุดแล้ว เพราะถ้าราคาไม่แพงมากมาย คนก็ไม่อยากขายออกขนาดนี้ ซึ่งก็พิสูจน์ได้ว่าจริง เพราะหลังจากนั้น จากต้นปี 2017 ถึง Mar ราคาก็มีความพยายามกลับขึ้นไปหาไฮเดิม แต่ก็ไม่มีกำลังมากพอ ในที่สุดก็ค่อยๆหลุดกรอบให้ขายที่ Sell 1 และ Sell 2 ตามลำดับ ก่อนที่จะมีข่าวร้ายแรงออกมาให้สาธารณะรับรู้และพากันแย่งขายหนีตายในที่สุด
ต่ออีกประเด็นในเรื่องของการรันเทรนด์
ถ้าจะเอาเส้นค่าเฉลี่ยมาช่วยจะเป็นเส้นไหนดี?
ก็โชคดีที่ช่วงมันสร้างฐานราคานั้น มันมีเส้น EMA100 เป็นแนวรับที่ซื้อสัตย์ แต่ก็มีบางช่วงที่เรามองเห็นว่ามันน่าจะหลุด เดี๋ยวเราไปซูมดูในแต่ละจุดครับว่า เส้นนี้เอาอยู่จริงมั้ย?
ช่วง (1) กับ (2) นี่เห็นภาพแล้วเคลียร์เลยนะครับ เพราะแม้จะโดนกดไปหลุดในระหว่างวัน แต่ก็ถูกซื้อกลับขึ้นไปปิดเหนือเส้น EMA100 ได้ในวันนั้นเลย ถือว่าเคารพ
และก็ให้สังเกตพลังการเด้งจากเส้นนี้ให้ดี เพราะมันดีดกลับไปทำนิวไฮได้แล้วค่อยย่อ นี่คือลักษณะความเป็นขาขึ้นที่มันยังคงรักษาไว้ได้ครับ แม้ว่าราคาจะ sideway up จับรูปแบบไม่ถูก ตัวช่วยที่ใช้ง่ายอย่าง EMA ก็มีประโยชน์ใช้ดีอย่างคาดไม่ถึงเลยครับ
ช่วง (3) นี่น่าเอามาถก เพราะมัยลงไปหลุดชัดเลย แต่ถ้าเราเอาแนวคิดเรื่องการเคารพเส้นค่าเฉลี่ยมาใช้ก็จะถือว่ามันยังเคารพอยู่ เพราะหลังจากแท่งแงที่หลุดนั้น ราคาก็ไม่ลงต่อจนทำนิวโลว์ มันเด้งกลับขึ้นไป แม้ว่าอีกไม่กี่วันมันจะย่อลงไปหลุด EMA100 ได้อีก แต่ก็ยกโลว์ แบบนี้ถือว่าเคารพและถือต่อได้
ในช่วงที่ SET panic มันก็ยังไว้ลายนะครับ ดูสิ ครั้งแรกน่ะตอนช่วงต้นเดือน Sep ราคาลงไปปิดต่ำกว่า EMA100 ด้วยแท่งโดจิ แล้ววันถัดไปก็เปิดโดดไปยืนเหนือเส้น 100 ได้ทันที
อีกครั้งในเดือน Oct ก็มีลงจนหลุดเป็นแท่งแดง แต่ก็ทิ้งไส้ล่างยาว สื่อว่ามีคนตกใจขายตามดัชนีที่ลงหนัก แต่ก็มีคนที่พร้อมเข้ามารับซื้อคืนจนปิดไกล้ๆ EMA100 จนได้ทั้งสองแท่ง แม้ว่ามันจะลงไปปิดต่ำกว่า EMA100 จริง แต่ก็ไม่ได้ละเมิดแต่อย่างใดนะครับ เพราะแท่งที่สองนั้นไม่ทำนิวโลว์ ย่อสั้นกว่าด้วย
จากนั้นไปราคาก็ดีดขึ้นไปทำ All time high และเขี่ย 70 บาทก่อนที่จะย่อแรงและจบรอบ ซึ่งถ้าเรายึดหลักการเคารพเส้นค่าเฉลี่ยแบบเป๊ะๆก็น่าจะได้ขายออกที่ 50 บาท เป็นอย่างน้อยครับ