กำไรแน่ มีเสียบ้าง แต่จำกัดการขาดทุนให้น้อยที่สุด บวกลบแล้วกำไรยังได้เหลือเฟือ
ตั้งกฎที่ตัวเองได้เปรียบที่สุด เป้าหมายคือต้องได้มากกว่าเสีย และชวนคนเข้ามาเล่นในฝั่งที่มีโอกาสเสียเปรียบมากที่สุด
นึกภาพอัตราต่อรองของเกมพนันฟุตบอลให้ดีสิ
บอลแต่ละคู่เจ้าของบ่อนจะสร้างกฎที่แตกต่างกัน ถ้าคู่แข่งต่างชั้นกันมาก กฎที่ออกแบบมาเฉพาะเกมส์นั้นจะดูยั่วยวนสำหรับคนชอบเล่นบอลรองทันที (ชวนให้แทงฝั่งที่มีโอกาสแพ้พนันสูงมาก)
นั่นเพราะเขารู้ว่า อยู่ฝั่งไหนเขาจะได้เปรียบ จึงสร้างกฎขึ้นมา support เป้าหมายนั้น
ทั้งหมดที่พวกเขาต้องลงมือก็คือทำให้ความได้เปรียบอยู่ในด้านเดียวกับพวกเขา และมีกลุ่มผู้เล่นพนันที่มากพอ เพื่อที่จะทำให้ความได้เปรียบของพวกเขาได้ผลชัวร์
ใครๆมักจะพูดว่า เป็นเจ้าของบ่อน มีแต่ได้กับได้ รวยแล้วรวยอีก
ลองนึกเล่นๆกันสนุกๆ....
ถ้าเราอยากรวยแบบเจ้าของบ่อน แต่เอามาใช้ในการเทรดจะได้มั้ย?
เรียกว่าต้องการเอาแนวคิดที่ "ได้กับได้" มาใช้ในการเทรดบ้าง
ถ้าปรับได้ ก็แจ๋วเลย
ดูคลิปนี้กัน
Trade Like a Casino for Consistent Profits by Adam Khoo
เขาบอกว่า คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในฝั่งขาดทุน 80% นั้นเล่นหุ้นแบบการพนัน แทง 1 เพื่อให้ได้แค่ 1 เพราะซื้อแล้วไม่ตัดขาดทุน กำไรนิดหน่อยก็ขายแล้ว ส่วนที่ขาดทุนก็ทนถือจนหมดใจค่อยขาย
เรียกว่าปล่อยให้บ้านไฟไหม้ก่อนแล้วค่อยเข้าไปเก็บซาก
ไม่มีแผน ไม่มีการศึกษาตลาดหรืออะไรทั้งสิ้น เสี่ยงโชคลูกเดียว
แทงได้ ก็ได้ แทงเสีย ก็เสีย เงินไม่มีค่า คิดแค่นั้น
ซึ่งต่างจากนักเก็งกำไรมืออาชีพ ที่อยู่รอดและเป็นผู้ชนะ
พวกเขามีแผน มีข้อมูลที่ได้จากการศึกษา
เงินพวกเขามีค่า มองการเล่นหุ้นเหมือนทำธุรกิจที่มักจะเสนอโอกาสงามๆให้เสมอ
เงินต่อเงิน แทง 1 เพื่อให้ได้ 2 หรือมากกว่า
เป็นไปได้เหรอ? เล่นหุ้นแล้วไม่เสียเงิน? ตลาดหุ้นก็บ่อนดีๆนี่เอง?
ใช่...ไม่เถียงว่าตลาดหุ้นเป็นบ่อน บ่อนที่ถูกกฎหมาย
คุณมองไม่ผิด ... แต่มุมที่คุณมองแคบไปหน่อย
บ่อนที่คุณเล่นน่ะ, แทงบอลก็ได้, หรือหวย
เงินที่คุณแทงเพื่อหวังผลตอบแทนน่ะ คุณวางไปแล้ว จ่ายแล้วจ่ายเลยใช่มั้ย?
คือถ้าหลังจากนั้น ก่อนเกมจบสรุปผล คุณรู้สึกไม่สบายใจ ไปขอเงินคืนได้มั้ย?
ลองดูสิ อาจกลับบ้านไม่ครบสามสิบสอง หรือไม่ได้กลับเลย
แต่กับการเล่นหุ้น เกมนี้เขาให้สิทธิ์คุณชักทุนออกได้ตลอด เมื่อคุณรู้สึกว่าคิดผิด
โอเค...อาจจะไม่เต็มร้อย แต่ก็ไม่โดยนยึดทุกบาททุกสตางค์เหมือนแทงหวย แทงบอล หรือเข้าบ่อน
นี่คือคลาส นี่คือข้อเสนอพิเศษกว่า ดีเยี่ยมกว่าที่ตลาดหุ้น เหนือกว่าบ่อนรากหญ้า
นี่ไม่นับรวมถึง เกมหรือหุ้นที่มากมายให้คุณเลือกเล่นได้มากกว่า
พร้อมกับข้อมูลรายละเอียดของหุ้นตัวนั้นทั้งพื้นฐานและกราฟ
โอโห...แค่นี้ก็เหนือชั้นกว่าหวย มากกว่าโพยบอล ที่ออกไปทางตาบอดคลำช้าง
แม้ความจริงแล้วการเล่นหุ้นมันดูเหมือนเกมส์ที่ 50/50 คือซื้อไปแล้ว ไม่ขึ้นก็ลง
แต่กระนั้น, นักเก็งกำไรมืออาชีพ จะเสาะหาโอกาสชนะมากกว่าแพ้ แล้วเลือกเล่นเฉพาะจังหวะที่มีโอกาสชนะเท่านั้น
วิธีการคือ
พวกเขาจะศึกษากราฟหรือตลาด หารูปแบบราคาที่เกิดซ้ำๆ แล้วเอามาประยุกต์หาจุดเข้าที่มันมีแนวโน้มวิ่งไปในทิศทางที่เขาต้องการมากที่สุด
ตลาดนั้นมีแนวโน้ม ขาขึ้น ขาลง และออกข้าง
โดยปกติแล้ว, พวกเราส่วนใหญ่ชอบซื้อกัน จึงขอยกตัวอย่าง ขาขึ้น กับ ออกข้าง ให้ดู
ในขาขึ้นนั้น, หุ้นไม่ได้วิ่งขึ้นเป็นเส้นตรงหรอก มันวิ่งเป็นคลื่น ขึ้น-ลง ขึ้น-ลง ยกระดับความสูงขึ้นไปเรื่อยๆ
ตัวอย่าง ราคาวิ่งขึ้นลงเป็นคลื่น
เราจะเห็นเลยว่าทุกครั้งที่มันย่อ ราคาจะลงไปเด้งที่เส้นแนวรับเสมอ
เมื่อรู้นิสัยของมันแบบนี้ เราก็คาดเดาได้ว่า ครั้งต่อไปทีมันย่อลงมาถึงแนวรับ มันควรจะเด้งตามนิสัยเดิม
นั่นแสดงว่า ถ้าเราแทงว่ามันเด้ง มีโอกาสถูกมากกว่า แทงลง เพราะมันทำแบบนั้นมาโดยตลอด ความน่าจะชนะคือ 60%
แต่กระนั้น มันก็อาจจะพลิกล็อค ไม่เด้งกลับก็เป็นได้ ความน่าจะแพ้คือ 40%
เมื่อเอามาบวกกลบกันแล้ว โอกาสชนะ มีมากกว่า 20%
ซึ่งสูงกว่าคาสิโนที่ได้คร้งหนึ่งแค่ 0.05% เท่านั้นเอง
เรียกว่าเล่นหุ้นมีโอกาสกำไร มากกว่าทำคาสิโนพันเท่าเลยทีเดียว
ในการเล่น casino เราแทง 1 เพื่อให้ได้ 1 วัดใจ คือไม่ได้ก็เสีย และส่วนใหญ่ก็จะเสีย
แต่เล่นหุ้น คุณสามารถแทง 1 เพื่อให้ได้ 2 หรือมากกว่าเลยนะ
ยังไง? ยังไง? ยังไง?
ก็ด้วยการเอา stop loss มาใช้ เพื่อจำกัดการสูญเสีย และรักษากำไรเอาไว้ให้มากที่สุด น่ะสิ
คือขาดทุนให้น้อย แต่กำไรต้องเอาเต็มข้อ
ยกตัวอย่างตลาด sideway หรือออกข้าง
คุณเห็นแล้วล่ะว่ามันมีนิสัยวิ่งขึ้นลงในกรอบ 10-15 บาท มาอย่างน้อยรอบหนึ่ง ก็พอจะเดานิสัยมันออกว่า ถ้าลงมาถึงแนวรับแล้วน่าจะเด้ง
มีวันหนึ่งราคาย่อลงมาเด้งที่ 10 บาทขึ้นไปได้ คุณก็เข้าซื้อที่ 11 บาท
แม้คุณจะรู้ว่ามันมีโอกาสเด้งกลับไปถึง 15 บาท ตามนิสัย คุณจะกำไร 4 บาท เพราะมันทำเป็นนิสัย โอกาสวิ่งขึ้นคือ 60%
แต่กระนั้น มันก็อาจพลิกล็อคร่วงแรงก็ได้ จึงกำหนดจุดตัดขาดทุนที่ 9 บาท หลุดขายทิ้ง ขาดทุน 2 บาท เพราะเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิด โอกาสที่จะเกิดจึงมีเพียง 40%
ดังนั้นโอกาสชนะกับแพ้ ในตอนนี้คือ 4 ต่อ 2 หรือหารให้ลงตัวเป็น 2 บาท ต่อ 1 บาท
และผลสรุปของเกมส์นี้คือคุณชนะ กำไร 2 บาท
ตอนนี้คุณได้แนวทางทำกำไร 1 สูตรแล้ว นี่คือไม้ตายของคุณที่จะเอาไปทำซ้ำ
เมื่อคุณรู้แล้วว่ารูปทรง sideway แบบนี้ คุณเล่นแล้วชนะ ก็เอาไปใช้ซ้ำกับหุ้นตัวอื่นต่อ
สมมุติว่า 1 เดือน คุณเล่นสไตล์นี้ 100 ครั้ง
โอกาสชนะของสูตรนี้ คือ 60% และแพ้ 40%
มันก็จะได้ผลสรุปคือคุณกำไร 60 ครั้ง ครั้งละ 2 บาท กำไรรวม 120 บาท
ขาดทุน 40 ครั้ง เสียครั้งละ 1 บาท ขาดทุนรวม 40 บาท
ซึ่งในท้ายที่สุด คุณกำไร 120-40 = 80 บาท
นั่นหมายความว่า คุณใช้เงินแทง 100 บาท ได้กำไรถึง 80 บาทเลยทีเดียว
แต่ถ้าหากตลาดห่วยแตกมาก โอกาสแพ้กับชนะมีเท่ากันคือ 50/50 ล่ะ
มันก็จะได้ผลสรุปคือคุณกำไร 50 ครั้ง ครั้งละ 2 บาท กำไรรวม 100 บาท
ขาดทุน 50 ครั้ง เสียครั้งละ 1 บาท ขาดทุนรวม 50 บาท
ซึ่งในท้ายที่สุด คุณกำไร 100-50 = 50 บาท
นั่นหมายความว่า คุณใช้เงินแทง 100 บาท ก็ยังได้กำไร 50 บาท
นี่คือประโยชน์ของ stop loss ที่จะช่วยให้คุณมีกำไรติดมือกลับทุกรอบ
และนี่แหละคือความลับว่าทำไมนักเก็งกำไรมือโปรถึงชนะและอยู่รอดในตลาดได้ระยะยาว
เลิกเล่นหุ้นแบบนักการพนันแล้วย้านข้างมาคิดแบบเจ้าของบ่อนซะ
(แนะนำเพิ่มเติม ของฟรี)
หากต้องการศึกษาวิธีเล่นหุ้น แนะนำให้ไปอ่านบทความฟรี คลิปฟรีที่นี่ก่อนก็ได้
คลิกลิ้งนี้ครับ
https://www.zyo71.com/p/index.html เป็นสารบัญเว็บนี้ครับ