หลังจากที่สรุปข้อมูล Oppday ของ ITEL ไปแล้วก็ทำให้นึกถึงอีกบริษัทคู่แข่ง คือ
SYMC บริษัท ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น จำกัด
ผมพยายามหาคลิป Oppday ชองปี 2559 ก็ไม่ปรากฎว่ามาออกงาน หนำซ้ำในเว็บก็ไม่ได้มีรายงานการประชุมผู้ถือหุ้นในปี 2559 ด้วยซ้ำไป ซึ่งน่าแปลกมากๆ
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่นัก เพราะคาดว่า ผลประกอบการที่ไม่ค่อยดีนัก อาจจะส่งผลให้ผู้บริหารไม่รู้สึกสะดวกใจออกมาตอบคำถามสื่อก็เป็นได้
ดังนั้น จึงพอจะรวบรวมข้อมูลที่พอจะหาได้ ดังนี้
คือคลิปที่ออกงานตั้งแต่ 18/03/2015 โน่นเลย ซึ่งมันก็ล้าสมัยไปแล้วล่ะ แต่ก็ดีกว่าไม่มีน่ะ
http://www.dcs-digital.com/setweb/chromeodm.php?onid=2845
จากนั้นก็มาที่ข้อมูลที่เป็นปัจจุบันที่สุดก็คือ งบ Q3/2559
กำไรต่อไตรมาสดีขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย แต่เมื่อรวม 9 เดือนก็ยังดลงอย่างมีนัยยะ
เริ่มจากคำอธิบายงบก่อน
รายได้ของบริษัทในไตรมาส 3 /2559 ยังเติบโตต่อเนื องจากความพยายามของบริษัทในการสร้างรายได้ให้เติบโตทดแทนรายได้ที ได้รับผลกระทบการยกเลิกการให้บริการวงจรชั วคราวขนาดใหญ่และภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวเมื อปีที ผ่านมา
ส่วนใหญ่รายได้เติบโตจากลูกค้ากลุ่มบริการวงจรส่วนบุคคลระหว่างประเทศ (IPLC) ซึ งปริมาณความต้องการใช้งานการเชื อมต่อระหว่างประเทศยังคงสูงขึ้น โดยเฉพาะการเชื อมต่อระหว่างประเทศในกลุ่ม CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และ เวียดนาม)
นอกจากนี้ รายได้จากการให้บริการพรีเมี ยมบรอดแบรนด์ยังคงมีการเติบโตขึ้นมากเช่นกัน
ส่งผลให้รายได้รวมในไตรมาสที 3/2559 มีจํานวน 352.95 ล้านบาท เพิ มขึ้นจากไตรมาสก่อน 5.17 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.5 QoQ และเมื อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ มขึ้น 22.03 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.7 YoY ทั้งนี้ รายได้รวมสําหรับ 9 เดือนแรก 2559 มีจํานวน 1,025.19 ล้านบาท เมื อเทียบกับ 9 เดือนแรก 2558 เพิ มขึ้น 28.23 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.8
ในด้านค่าใช้จ่ายและการลงทุน บริษัทได้ควบคุมต้นทุนเข้มงวดขึ้น แต่ต้นทุนบริการและขายยังคงเพิ มขึ้น สาเหตุหลักจากต้นทุนที ไม่ใช่เงินสด ซึ งได้แก่ค่าเสื อมราคาโครงข่ายที สูงขึ้นตามโครงข่ายที เพิ มขึ้นในช่วงที ผ่านมา ในขณะที ต้นทุนและค่าใช้จ่ายหลายรายการได้ค่อนข้างคงที
EBITDA ในไตรมาสที 3/2559 มีจํานวน 161.69 ล้านบาท เพิ มขึ้นจากไตรมาสก่อน 1.91 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.2 QoQ และเมื อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี ก่อนเพิ มขึ้น 19.56 ล้านบาท หรือร้อยละ 13.8 YoY โดยใน 9 เดือนแรก 2559 EBITDA มีจํานวน 460.94 ล้านบาท เพิ มขึ้นจากปี ก่อน 12.75 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.8 YoY
กําไรสุทธิในไตรมาสที 3/2559 มีจํานวน 23.49 ล้านบาท หรืออัตรากําไรสุทธิร้อยละ 6.7 กําไรสุทธิเมื อเทียบกับไตรมาสก่อนลดลงจํานวน 2.15 ล้านบาท หรือร้อยละ 8.4 อันเป็นผลจากการเพิ มของค่าเสื อมราคาโครงข่ายและผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี ยน แต่เมื อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กําไรสุทธิเพิ มขึน 2.51 ล้านบาท หรือร้อยละ 12.0 ซึ งเป็นผลจากรายได้ที เติบโตและการควบคุมต้นทุน
สําหรับโครงการร่วมลงทุนโครงการเคเบิลใต้นํ้า Malaysia-Cambodia-Thailand (MCT) ที เกิดจากความร่วมมือของ 3 ประเทศได้แก่ มาเลเซีย กัมพูชาและไทย เป็นโครงการที จะรองรับการเติบโตเชิงเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียนในอนาคต มีความคืบหน้าไปมาก และยังคงดําเนินการได้ตามกําหนดการ โดยคาดกว่าจะดําเนินการแล้วเสร็จภายในต้นปี 2560 ซึ งถือเป็น
พัฒนาการครั้งสําคัญอีกครั้งของบริษัทในฐานะบริษัทเอกชนรายแรกของประเทศไทยที ได้เริ มดําเนินการสร้างระบบเคเบิลใต้นํ้าระหว่างประเทศ สานต่อพันธกิจหลักในการเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมที มีประสิทธิภาพสูง
ในส่วนของบทวิเคราะห์
CNS มองว่า ปีนี้ คือ 2017 ที่กำไรจะฟื้นตัว เพราะธุรกิจเดิมฟื้นตัวจากการเติบโตของกลุ่ม IPLC รายได้จากการให้บริการวงจรเช่า (ธุรกิจเดิม) เติบโต y-y และ h-h จากการ
ใช้งานของลูกค้า IPLC รายใหม่ (Operator ในพม่า, กัมพูชา และมาเลเซีย) รวมทั้ งปลายปี 2016 จะมีลูกค้าภาครัฐในประเทศเริ่มใช้บริการ ทําให้รายได้ IPLC (International Private Leased Circuit) มีแนวโน้มเติบโตในอัตราเร่ง
ซึ่งก็ตรงกับรายงานของบริษัท SYMC เอง ที่ว่า "รายได้จากกลุ่มบริการวงจรส่วนบุคคลระหว่างประเทศ (IPLC) เป็นรายได้ที่ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 2/2559 รายได้กลุ่มนี ้มีจํานวน 73.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.78 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.9 QoQ และเพิ่มขึ้น 16.66 ล้านบาท หรือร้อยละ 29.4 YoY จากดีมานด์การเชื่อมต่อระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกค้ากลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว มาเลเซียและเวียดนาม) ลูกค้าเก่าได้เพิ่มปริมาณการใช้งานและมีลูกค้ารายใหม่ๆ เพิ่มเข้ามามากขึ้น ใน 9 เดือนแรก 2559 มีจํานวน 199.03 ล้านบาท ซึ่งมากกว่า 9 เดือนแรกในปี ที่ผ่านมา 3.15 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.6 YoY โดยรายได้กลุ่มนี้สามารถฟื้นตัวกลับมาทดแทนผลกระทบการจากวงจรชั่วคราวขนาดใหญ่ที่ยกเลิกไปเมื่อปี ที่ผ่านมา และยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก"
สรุปคือ รายได้ที่เคยหดจากการถูกยกเลิกสัญญาไปนั้น ถูก cover เรียบร้อยไปแล้ว และยังจะโตได้อีก
มีโครงการล่าสดทุี่อยู่ระหว่างดําเนินการก่อสร้าง คือ โครงการเคเบิลใต้น้ําเส้นทางเชอมโยง (MCT Submarine Cable) ระหว่างประเทศไทย, มาเลเซีย และกัมพชา ู ระยะทาง 1,300 ก.ม. โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง 3 พันธมิตรคือ SYMC, Telekom Malaysia และ Ezecom คาดใช้งบลงทุนทั้งโครงการราว 2.1 พันลบ. ซึ่งในสวนของ SYMC จะลงทุน 1 ใน 3 หรือประมาณ 700 ลบ. เบื้องตนทางผู้บริหารฯคาดวาจะติดดตั้งอุปกรณ์และวางสานเคเบิลได้ทั้งหมดภายใน ม.ค.ปี 60 ก่อนที่จะทดสอบ และเปิดให้บริการได้ประมาณ 2Q60 ทั้งนี้บริษทฯอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อทําสญญาระยะยาวกับบลูกค้ารายใหญ่ เช่น Mobile operator รายใหญ่ในประเทศไทย 2 ราย, ผู้ประกอบการธุรกิจ Data Center และ Content Provider จากต่างประเทศ และทางผู้บริหารฯประเมินว่าโครงการนี้จะมีจุดคุ้มทุนราว 6 ปี และ IRR อยู่ที่ 31.2%
ดังนั้น ก็พอจะคาดได้ว่า กำไรของบริษัทจะต้องต่ำเตี้ยไปอีกนานเลย กว่าที่จะถึงจุดคุ้มทุน เพราะเกิดจากผลของค่าเสื่อมราคาโครงข่าย ค่าเช่าโครงข่ายระหว่างประเทศและค่าธรรมเนียมใบอนุญาตที่เพิ่มสูงขึ้น แม้จะสร้างแล้วเสร็จไปหลายปีก็ตาม
ซึ่ง CNS ก็ได้ลองทำการ Forecast รายได้และกำไร จนถึงปี 2018 ดังนี้
แถมคลิป CEO ให้สัมภาษณ์รายการทีวี
ทางด้านมุมมองของตลาด ที่สะท้อนผ่านกราฟ
ภาพใหญ่ ก็ยังเป็นขาลงอยู่ก้นเหว
ส่วนกราฟ 1 ปีก็ถือว่าหยุดลงแล้วนะ แต่ก็ยังดูไร้เรี่ยวแรง ขาดวอลุ่ม แสดงว่าตลาดยังไม่ให้ราคากับการฟื้นตัวครั้งนี้เลย ดังนั้นเราก็อย่าเพิ่งไปขวางเรือ
สรุปคือ ให้ "รอ" ไปก่อน