เส้นทางการเทรดและวิธีเทรดปั้นพอร์ต 100% ++ ของ Leoš Mikulka

Image
Leoš Mikulka กับการบริหารความเสี่ยงอย่างเป็นรูปธรรมและการจดบันทึกการเทรด   การแสวงหาการวัดผลเป็นตัวเลข: วิธีบริหารอารมณ์ขณะเทรด แปลจาก https://tradingresourcehub.substack.com/p/leos-mikulka-practical-risk-management-journaling อินโทรเวิร์ท เทรดเดอร์: สร้างเงินล้านด้วยธุรกิจตัวคนเดียว https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTk5MjQzNSI7czo3OiJib29rX2lkIjtpOjM1NjkwMjt9 PART 1: เส้นทางการเทรดของฉัน    ตลอดอาชีพการเทรดของฉัน ฉันได้ผ่านช่วงเวลาหวือหวาขึ้นลงมากมาย (ช่วง ‘รุ่งเรืองและล่มสลาย’ – Boom and Bust)   ฉันเกือบล้างพอร์ตครั้งแรกในปีที่สามของการเทรด   หลังจากทำกำไรได้ 40–50% ในปีที่สอง ฉันก็ตกหลุมพรางยอดฮิตของนักเทรดมือใหม่ที่ได้แรงหนุนจากตลาดที่ดี แม้ว่าจะตัดสินใจผิดพลาดก็ตาม:   ฉายภาพกำไรเหล่านั้นไปสู่จินตนาการว่าอีกไม่กี่ปีจะกลายเป็นมหาเศรษฐี   โดยไม่มีความเข้าใจที่แท้จริงเกี่ยวกับ การบริหารความเสี่ยง (Risk Management) หรือ การกำหนดขนาดสถานะ (Position Sizing) ฉันจึงไม่พ...

SELIC ผู้ผลิตกาว ที่จะโตตามแนวโน้มอุตสาหกรรมกาวโลก


SELIC ธุรกิจของบริษัทอยู่ในอุตสาหกรรมกาว ถือว่ามีความสำคัญ โดยใช้เป็นตัวเชื่อมที่อยู่ในอุตสาหกรรมทุกขนาด โดยส่วนใหญ่ลูกค้าอยู่ในธุรกิจอาหาร เครื่องดื่มมากที่สุด 20% รองลงมาเป็นธุรกิจรองเท้า เครื่องนุ่งห่ม บรรจุภัณฑ์ และเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งมีการกระจายกลุ่มลูกค้าค่อนข้างมากและมีโอกาสการขยายฐานลูกค้าเพิ่มในทุกอุตสาหกรรม ลูกค้าที่หลากหลายจะช่วยลดความเสี่ยงความผันผวนในแต่ละอุตสาหกรรมด้วย

อย่างที่ทราบกัน, กาวเป็นสินค้าที่ใช้แล้วหมดไป ลูกค้าต้องซื้อซ้ำเป็นประจำ ถือเป็นสินค้าที่ดีในมุมมองของนักลงทุน เพราะมันมีโอกาสเติบโตได้

อีกประเด็นที่น่าสนใจ คือบริษัทได้ตัดสินใจโฟกัส ในการผลิตกาวเท่านั้น โดยการตัดธุรกิจที่นอกเหนือจากกาวออก และสินค้าที่ไม่ก่อให้เกิดกำไรออกไปด้วย





ดังนั้นประเด็นที่น่าติดตามก็คือว่า จะโตได้แค่ไหน?
ลูกค้ามีเยอะมั้ย?
มีอะไรที่สามารถทำให้ลูกค้า "ติดหนึบ" กับผลิตภัณฑ์ที่บริษัท ทำขึ้นมา?


ข้อแรก, ผู้บริหารบอกว่า ความต้องการใช้กาวโตขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะตลาดเอเชีย แอฟริกา และอเมริกา เพราะมีการเปลี่ยนมาใช้กาวมากขึ้น

อีกอย่าง ลูกค้าอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม อันมีสัดส่วนการซื้อถึง 20% ของพอร์ตบริษัท ก็มีความต้องการซื้อมากขึ้น รวมถึงมีการขยายโรงงานเพิ่มอีกต่างหาก


ทางด้านอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ ก็มีแนวโน้มความต้องการซื้อที่โตเช่นกัน โดยเฉพาะ CLMV


มาดูแนวโน้มการเติบโตของยอดขาย ตามชนิดผลิตภัณฑ์
ออกไปทางทรงๆและทรุด ซึ่งแตกต่างจากการพรีเซนต์ของคุณเอก CEO เลยนะ
ส่วน Hot melt อันเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทีมงานได้วิจัยและพัฒนาขึ้นมาเองก็ยังไม่มีนัยยะอะไร


ทางด้านความสามารถในการทำกำไร จากที่ได้ลดสัดส่วนโปรดักท์อื่นๆที่ไม่ใช่กาวออก
กำไรขั้นต้นก็สวยขึ้น โตขึ้น

แต่กระนั้น, ยังมีอีกส่วนซ่อนอยู่คือ บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น ทำให้กำไรสุทธิลดลง ตรงนี้ที่เป็นประเด็น เพราะเขาเอาเงินไปใช้เพื่อขยายตลาด อันจะมีผลให้ยอดขายมีโอกาสโตได้ในอนาคต


โครงการในอนาคต
จะเน้นไปในทางของ R&D ซึ่งผมมองในด้านบวกเลยนะ เพราะนี่แหละที่จะทำให้ธุรกิจมีจุดแข็ง และสามารถสร้างกำแพงความได้เปรียบใหม่ๆได้ ถ้าทำดี

จะพัฒนาห้องแล็ป ซื้ออุกรณ์ และนำเข้าพนักงานต่างชาติ ให้มาช่วยพัฒนาสินค้าให้สามารถแข่งขันและยกระดับขึ้นไปสู้ได้ในกลุ่ม Asia Pacific

ดังนั้นเราจึงต้องคาดหวังที่จะเห็นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ท้องตลาดอย่างต่อเนื่อง
พร้อมกันนั้นก็จะพัฒนาไลน์การผลิตให้ทันกับโปรดักท์ใหมๆ ที่จะได้ออกมาจากห้องแล็ป อันจะทำให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนกันไปพอสมควร

ชัดแล้วล่ะว่า พวกเขาจะมี New Products แน่นอน

ส่วน New Market
บริษัทคาดว่าปี 2560 รายได้จะสามารถเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักได้ จากปีนี้ ซึ่งเป็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับอุตสากรรมกาวที่ปีหน้าจะยังมีการเติบโตอยู่ เพราะมองว่าหากสหรัฐอเมริกามีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และยุโรปจะมีการผ่านจุดต่ำสุดไปและเริ่มปรับตัวดีขึ้น

ซึ่งปัจจัยที่กล่าวมาน่าจะส่งผลดีมายังทวีปเอเชียด้วย ซึ่งตลาดในประเทศน่าจะมีออเดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทเองมีการเดินหน้าหาลูกค้าและขยายฐานลูกค้าไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆ มากขึ้น

พร้อมกันนี้บริษัทยังเดินหน้าขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศ ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศอยู่ที่ 30% กระจายอยู่ใน 27 ประเทศทั่วโลก

ซึ่งในปี 2560 บริษัทจะรุกประเทศออสเตรเลียและประเทศในกลุ่ม CLMV(ลาว เวียดนาม เมียนมา กัมพูชา) มากขึ้น ซึ่งในประเทศออสเตรเลียได้มีการเริ่มจำหน่ายสินค้าแล้ว

ส่วน CLMV มองว่าเป็นตลาดที่น่าสนใจมากและมีอัตราการเติบโตที่ดี พร้อมกันนี้ยังศึกษาที่จะเข้าไปจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นแต่ยังไม่ได้สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ชัดเจน

S หรือ Shares Outstanding นั้นก็เข้าสูตรนะ เพราะมี 280 ล้านหุ้น เจ้าของถือเกินครึ่ง รายย่อยถือ 31%


ทางด้านกราฟ อันเป็นความเห็นของตลาดอันหมายถึง M = Market 
ก็พบว่า น่าจะ bottom ไปแล้ว กำลังฟื้นตัวอย่างช้าๆ
และมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวได้อีก ถ้าผ่าน 3.40 ขึ้นไปได้ จะมีพลังมากขึ้น


พอจะสรุปได้ว่า เป็นบริษัทที่มีความน่าสนใจพอสมควร ในเชิงของความมุ่งมั่นพัฒนาผลิตณฑ์ เพราะเน้นการทำ R&D ออกสินค้าใหม่ๆ

ยิ่งถ้าอุตสาหกรรมกาวโลกเติบโต มีความต้องการใช้กาวเพิ่มขึ้น ก็น่าจะส่งผลในทางบวกต่อความสามารถในการขายและทำกำไรในอนาคตอันไกล้

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็อย่าเพิ่งไว้ใจ หรือฝันไกลเกินจริง ผลประกอบการเท่านั้นที่จะให้คำตอบที่ดีที่สุด ว่ามันเหมาะสมที่จะเป็นหุ้นดาวรุ่งตัวใหม่หรือเปล่า

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

เส้นทางการเทรดและวิธีเทรดปั้นพอร์ต 100% ++ ของ Leoš Mikulka

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

Oliver Kell: วงจรของการเคลื่อนไหวของราคา (Cycle of Price Action)

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

VCP หรือ Volatility Contraction Pattern

วิธีการอ่านสัญญาณแท่งเทียน (Candlesticks Reading) สำหรับมือใหม่