คุณต้องเรียนรู้วิธีการเป็นผู้จัดการความเสี่ยงที่ยอดเยี่ยม

Image
พี่มาร์ค มิเนอร์วินี กล่าวว่า “หากคุณต้องการสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอ คุณต้องเรียนรู้วิธีการเป็นผู้จัดการความเสี่ยงที่ยอดเยี่ยม” การเป็นนักเทรดที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีอย่างสม่ำเสมอไม่ได้หมายถึงการชนะทุกครั้งที่คุณเข้าเทรด แต่หมายถึงการมีวิธีการจัดการความเสี่ยงอย่างชาญฉลาดเพื่อให้คุณสามารถปกป้องทุนของคุณและเพิ่มโอกาสในการเติบโตของพอร์ตการลงทุนในระยะยาว  นี่คือการขยายความแนวคิดที่ว่า "การเป็นผู้จัดการความเสี่ยงที่ยอดเยี่ยม" สำคัญอย่างไร: eBook "Risk Management: การบริหารจัดการความเสี่ยงเบื้องต้นสำหรับนักเทรด" มีจำหน่ายที่แอพ Meb เท่านั้น  https://t.co/YaO0CIQq8J 1. ความเสี่ยงเป็นส่วนหนึ่งของการเทรด ในตลาดการเงิน ไม่มีใครสามารถควบคุมผลลัพธ์ของแต่ละการเทรดได้ การเคลื่อนไหวของตลาดขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอก เช่น ข่าวเศรษฐกิจ หรือพฤติกรรมของผู้เล่นในตลาด ซึ่งมักเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ความสำเร็จจึงไม่ได้มาจากการ "เดาถูก" แต่เป็นการรู้วิธีจัดการความเสี่ยงเมื่อคุณ "เดาผิด" ตัวอย่าง:   สมมติว่าคุณมีเงินทุน 100,000 บาท หากคุณใช้เงินทั้งหมดในการเ

Nicolas Darvas Trading System


Nicolas Darvas Trading System
แปลจาก darvastraderpro.com/nicolas-darvas-system.htm

ถือเป็นงานที่มีเนื้อหาเพิ่มเติมจากที่ผมเคยโพสต์เอาไว้ก่อนหน้านี้คือ วิธีกรองหุ้นของ Darvas โดยดูพื้นฐาน+โมเมนตัม ( fb.com/zyoit/posts/850303651763559 ) พอสมควรเพราะมันเพิ่มเติมในแง่มุมของพื้นฐานที่ช่วยให้เรามีความมั่นใจในการถือมากขึ้น เพราะผมเชื่อว่า เทคนิคอลช่วยให้เราได้จังหวะซื้อที่ดี แต่หากจะให้เราทนถือหุ้นจนได้กำไรมากๆต้องอาศัยความศรัทธา-ซึ่งมันก็คือพื้นฐานทางธุรกิจนั่นเอง




เนื่อหามีดังนี้:
มันมากกว่า50 ปีแล้วที่ระบบเทรดของดาร์วาสเป็นที่รู้จัก ระบบของเขาเป็นการเล่นตามแนวโน้ม (Trend-Trading System) ซึ่งในปัจจุบัน-เทรดเดอร์ระดับท็อปใช้เป็นเครื่องมือหาหุ้น(ราคา)เติบโตเร็วและเกาะกระแสเพื่อทำเงินไปตามแนวโน้มนั้น

นักลงทุนสไตล์ดาร์วาสมักจะตัดขาดทุนอย่างรวดเร็ว, การเทรดที่ได้ชัยส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อแล้วถือเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน
ดังนั้น,ระบบนี้อาจไม่เหมาะสำหรับคนเล่นสั้นหรือแม้แต่เดย์เทรด เพราะมันต้องใช้ความอดทนต่อความผันผวนมากกว่า

เป้าหมายของระบบเทรดของดาร์วาสคือการลงทุนเฉพาะหุ้นที่มีศักยภาพในการขึ้นเท่าตัว,สองเท่า,สามเท่า หรือสี่เท่า ภายในหกเดือนถึง 12 เดือน ดังนั้นเขาจึงพัฒนาเกณฑ์การคัดกรองที่ตัวเองพบว่ามันมีศักยภาพตามที่เขาต้องการ

ในปี 1977 หลังจากที่เขาออกหนังสือ You Can Still Make It in the Market ก็ได้ขยายความระบบของเขา โดยเรียงลำดับดังนี้
1) เลือกซื้อหุ้นของบริษัทที่มีการเจริญเติบโตและมีแนวโน้มผลประกอบการดีขึ้นเรื่อยๆ
2) เลี่ยงบริษัทที่ธุรกิจโตมากจนไม่สามารถขยายได้อีกแล้ว
3) เช็คแนวโน้มตลาดโดยรวม เพื่อให้แน่ใจว่าหุ้นส่วนใหญ่อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น
4) ตรวจสอบว่าหุ้นนั้นอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง มีประสิทธิภาพทางการขึ้นของราคาดีกว่ากลุ่มอื่น
5) เลือกเฉพาะหุ้นที่ราคาวิ่งขึ้นและมีวอลุ่มเพิ่มขึ้นด้วยเท่านั้น

จากนั้น, และหลังจากผ่านเกณฑ์ทั้งห้าข้อ ดาร์วาสจะประเมินหุ้นตาม "ทฤษฎีกล่อง"




ทฤษฎีกล่องของดาร์วาส
เขาได้อธิบายแบบกว้างๆคือ การเคลื่อนที่ของราคาจะไม่ไร้ทิศทาง แต่มันจะขึ้นเป็นช่วงราคาหรือกล่อง
ดังนั้นเมื่อเขาอธิบายแบบหยาบๆๆอย่างนี้ เราจึงไม่ควรเถรตรงแบบเป๊ะๆเกินไป เพราะนั่นเป็นการอธิบายแบบภาพรวม
ถ้าจะตีความให้ชาวบ้านเข้าใจก็คือ ราคามันต้อง "ยกไฮยกโลว์" นั่นเอง การจะยกไฮได้ก็ต้องข้ามแนวต้านขึ้นไป จะยกโลว์ได้-โลว์ใหม่ก็ต้องสูงกว่าโลว์เก่า(ซึ่งมันก็คือแนวรับเก่านั่นเอง)

ที่วอลสตรีท, เขาเรียกรูปแบบนี้ว่า “trend trading” เพราะคุณซื้อหุ้นที่ราคาเติบโตสูง-จากการที่ราคาวิ่งยกไฮขึ้น(แนวโน้มยกขึ้น) และจะขายก็ต่อเมื่อราคาร่วงลงต่ำกว่าแนวรับถัดมา(หลุดเทรนด์ขาขึ้น)

สถาบันขนาดใหญ่(Big money) ประเภท กองทุนรวม, เฮ็ดจ์ฟันด์, กองทุนบำนาญ, กองทุนทรัสต์ ฯลฯ เป็นผู้ที่มีความสามารถในการผลักดันราคาหุ้นให้ขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นนักลงทุนสายดาร์วาสต้องเกาะตามติดสถาบันพวกนี้เป็นหลัก(เป็นเหาฉลาม)

โอกาสของนักลงทุนรายย่อย
นี่คือเหตุผลที่รายย่อยได้เปรียบผู้จัดการกองทุนขนาดใหญ่ เพราะด้วยจำนวนเงินของพวกเราน้อยกว่ามาก จึงสามารถเข้าและออกได้เร็วกว่า
และรายย่อยสามารถเกาะแนวโน้มขาขึ้นไปพร้อมกับสถาบันแถมยัง(มีโอกาส)ชิงจังหวะขายหนีออกก่อนที่สถาบันจะปล่อยของออกล็อตใหญ่ได้อีกด้วย

บางคนอาจนึกตะหงิดที่ว่า ระบบของดาร์วาส ก็ออกจะคล้ายกับ CAN SLIM อยู่นะ ท่านคิดไม่ผิดหรอก เพราะโอนีลก็ได้แรงบันดาลใจมาจากงานของดาร์วาสนี่แหละ

ถ้าใครจำระบบของดาร์วาสไม่ได้ เรามีวิธีจำแบบง่ายๆ ดังนี้
D – Direction of the Market (ทิศทางของตลาด)
A – Accelerated Earnings and Sales (กำไรและยอดขายโตเร็ว)
R – Relative Price Strength (and Return on Equity)
V – Volume Increasing (ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น)
A – Aggressive Growth Group (มีการขึ้นอย่างรุนแรงเป็นกลุ่ม)
S – Sound Base Pattern(มีการสร้างฐานราคาที่สมบูรณ์)




ต่อไปจะขยายความออกเป็นข้อๆ ดังนี้
D – Direction of the Market 
ทิศทางของตลาด
ตลาดโดยรวมเป็นขาขึ้นหรือไม่? เป็นไปได้ยากมากที่หุ้นจะวิ่งขึ้นไปได้ไกลๆหากตลาดโดยรวมเป็นขาลง  ดังนั้น, ก่อนลงทุนก็ให้แน่ใจว่าทิศทางของตลาดโดยรวมมีการเคลื่อนที่ขึ้น

A – Accelerated Earnings and Sales
กำไรและยอดขายโตแบบรวดเร็ว
กำไรและยอดขายในไตรมาสนี้ของบริษัทนั้นเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมาหรือเปล่า?
ปกติคุณต้องการที่จะเห็นหุ้นที่มีกำไรและยอดขายในไตรมาสล่าสุดเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 40% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และจำไว้เลยว่า,กำไรและยอดขายยิ่งสูงเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น หากคุณมีทางเลือกระหว่างหุ้นที่กำไรและยอดขายเพิ่มขึ้น 50% กับอีกตัวเพิ่มขึ้น 90% ก็ให้ไปเลือกตัวที่เพิ่ม 90%

R – Relative Price Strength (and Return on Equity)
Relative Price Strength (และ ROE)
(ก่อนหน้านี้ Relative Price Strength จะไม่มีสำหรับหุ้นบ้านเรา แต่ปัจจุบันต้องขอบคุณเพจ Sheju (fb.com/SEHJuInvestmentResearch)ที่ได้ทำเอาไว้ให้ ท่านสามารถเข้าไปเช็คตัวเลขนี้ที่เพจนี้ได้)
หุ้นที่มีค่า Relative Price Strength ยิ่งสูง ยิ่งดี หากมากกว่า 80 จะยอดมาก)

ก่อนที่เขาจะพิจารณาซื้อ-ดาร์วาสอยากจะเห็นหุ้นตัวนั้นวิ่งขึ้นสูงกว่าปีที่แล้วอย่างน้อยเท่าตัว ถ้าหุ้นได้วิ่งขึ้นมาอย่างแข็งแรงตั้งแต่ปีที่ผ่านมา,นักลงทุนส่วนใหญ่จะกลัวเพราะคิดว่ามันขึ้นมาสูงแล้ว-ต่อไปอาจจะลงแรงก็ได้, แต่จากข้อมูลที่ผ่านมาบอกว่า-ดาร์วาสประเมินถูกเพราะมันจะไปต่อได้อีก; ถ้าหุ้นได้วิ่งขึ้นอย่างมีพลังแล้ว, มันก็ได้พิสูจน์ตัวเองว่ามันยังมีแรงเหลือที่จะวิ่งสูงขึ้นไปได้อีก

อีกลักษณะที่สำคัญของหุ้นที่เข้าสูตรดาร์วาส ก็คือ ROE สูง ผู้จัดการกองทุนชอบที่จะเห็น ROE สูงๆ บางคนถึงกับให้ค่าพรีเมี่ยมกับหุ้นที่มี ROE สุงๆ มากกว่าหุ้นที่มีกำไรและยอดขายโตด้วยซ้ำ
(อย่าลืมนะ ว่าเราต้องเกาะกระแส big money อย่างพวกกองทุน ดังนั้น ถ้าเขาชอบอะไรเราต้องชอบตามด้วย)

วิลเลียม โอนีล ได้ทำการศึกษาย้อนหลัง 50 ปีในหุ้นที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ผลการศึกษานี้ถูกตีพิมพ์ในหนังสือคลาสสิกของเขา How to Make Money in Stocks โอนีลพบว่าเกือบทั้งหมดของหุ้นที่เขาเรียกว่า "หุ้นเติบโตที่ยิ่งใหญ่สุดของปีที่ผ่านมา" เริ่มต้นจากที่มี ROE 17% หรือมากกว่านั้น และเช่นเดียวกับถ้ารายได้และยอดขายสูงกว่าเดิมด้วยล่ะก็  มันจะเป็นหุ้นในฝันเลยทีเดียว

ดังนั้น, หากมีกรณีที่เราต้องเลือก(ซึ่งหายากมากที่จะเจอเคสสุดยอดแบบนี้) เมื่อตัวเลือกของเรามีรายได้หรือเงื่อนไขอื่น ๆ ดูดีไปหมด, ก็ให้เราเลือกซื้อหุ้นที่มี ROE 17% หรือสูงกว่าเป็นคำตอบสุดท้าย

V – Volume Increasing
ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น
ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นในวันที่ราคาขึ้น,โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่หุ้น breakout ทำจุดสูงสุดใหม่หรือเปล่า?
ปริมาณการซื้อขายสามารถบอกคุณได้มากเกี่ยวกับหุ้น เป็นการดีที่คุณต้องการที่จะเห็นปริมาณการซื้อขายที่สูงกว่าปกติมากเมื่อหุ้น breakout ทำจุดสูงสุดใหม่ และวอลุ่มลดลงเมื่อราคาลดลง

A – Aggressive Growth Group
อยู่ในกลุ่มการเติบโตเชิงรุก
หุ้นตัวนั้นเป็นสมาชิกของกลุ่มอุตสาหกรรมที่ราคาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วกว่ากลุ่มอื่นหรือเปล่า?
ในเวลาใดก็ตาม, มันจะมีหุ้นบางกลุ่มและภาคที่มีความร้อนแรงกว่าใคร มันจะเป็นแบบนี้เสมอและจะเป็นแบบนี้ต่อไป ตรวจสอบให้แน่ใจหุ้นของคุณเป็นสมาชิกของกลุ่มที่ร้อนแรงเหล่านี้

S – Sound Base Pattern
มีการสร้างฐานราคาที่สมบูรณ์
หุ้นตัวนั้นได้ breakout จากรูปแบบฐานที่สมบูรณ์หรือเปล่า?
คุณต้องซื้อหุ้นที่มีการ breakout จากช่วงราคาเก่า เพื่อขึ้นไปทำฐานใหม่เข้ามาในช่วงราคาที่สูงขึ้น นอกจากนี้คุณยังต้องการที่จะขายหุ้นที่จะร่วงลงไปอยู่ในช่วงราคาที่ต่ำกว่า ช่วงราคาเหล่านี้อาจถูกนำมาใช้อย่างเคร่งครัดในรูปแบบของกล่อง หรือฐานในรูปแบบอื่น ๆ (เช่น cup and handle, flat based, high tight flag, wyckoff accumulation,  ฯลฯ)



แนะนำเพิ่มเติม ของฟรี)
หากต้องการศึกษาวิธีเล่นหุ้น แนะนำให้ไปอ่านบทความฟรี คลิปฟรีที่นี่ก่อนก็ได้
เรียนเล่นหุ้น เรียนเทรด forex จิตวิทยาการเทรด มือใหม่เล่นหุ้น
คลิกลิ้งนี้ครับ https://www.zyo71.com/p/index.html เป็นสารบัญเว็บนี้ครับ







และ eBook มีขายที่เว็บ https://www.mebmarket.com/index.php?action=search_book&type=author_name&search=เซียว%20จับอิดนึ้ง&exact_keyword=1&page_no=1
แยกส่วนกันนะครับ ขายคนละเจ้า
ebook หนังสือสอนเล่นหุ้น

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

สรุปหนังสือ Trade Like a Casino