คุณต้องเรียนรู้วิธีการเป็นผู้จัดการความเสี่ยงที่ยอดเยี่ยม

Image
พี่มาร์ค มิเนอร์วินี กล่าวว่า “หากคุณต้องการสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอ คุณต้องเรียนรู้วิธีการเป็นผู้จัดการความเสี่ยงที่ยอดเยี่ยม” การเป็นนักเทรดที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีอย่างสม่ำเสมอไม่ได้หมายถึงการชนะทุกครั้งที่คุณเข้าเทรด แต่หมายถึงการมีวิธีการจัดการความเสี่ยงอย่างชาญฉลาดเพื่อให้คุณสามารถปกป้องทุนของคุณและเพิ่มโอกาสในการเติบโตของพอร์ตการลงทุนในระยะยาว  นี่คือการขยายความแนวคิดที่ว่า "การเป็นผู้จัดการความเสี่ยงที่ยอดเยี่ยม" สำคัญอย่างไร: eBook "Risk Management: การบริหารจัดการความเสี่ยงเบื้องต้นสำหรับนักเทรด" มีจำหน่ายที่แอพ Meb เท่านั้น  https://t.co/YaO0CIQq8J 1. ความเสี่ยงเป็นส่วนหนึ่งของการเทรด ในตลาดการเงิน ไม่มีใครสามารถควบคุมผลลัพธ์ของแต่ละการเทรดได้ การเคลื่อนไหวของตลาดขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอก เช่น ข่าวเศรษฐกิจ หรือพฤติกรรมของผู้เล่นในตลาด ซึ่งมักเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ความสำเร็จจึงไม่ได้มาจากการ "เดาถูก" แต่เป็นการรู้วิธีจัดการความเสี่ยงเมื่อคุณ "เดาผิด" ตัวอย่าง:   สมมติว่าคุณมีเงินทุน 100,000 บาท หากคุณใช้เงินทั้งหมดในการเ

หน้าตา Climax Tops กับเคสหุ้นไทย



ขายหุ้นตอน Climax top แบบคนจิตแข็งสไตล์ปู่โอนีล
บทความนี้ผมแปลมาจากเว็บ investors.com ครับ เขียนโดยปู่โอนีล ท่านสามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดได้ที่ https://shop.investors.com/images/promotional/climaxtop_booklet.pdf

แกบอกว่า...การขายหุ้นอาจเป็นส่วนที่ยากลำบากที่สุดในการลงทุน ที่มันเป็นปัญหา
ก็เพราะว่ามือใหม่ส่วนใหญ่จะไม่มีการตั้งกฎการขายเอาไว้เลย
นี่เป็นข้อผิดพลาดใหญ่ที่ผมได้เรียนรู้เลยทีเดียว

หลายครั้งที่พวกเราได้ซื้อหุ้นผู้ชนะที่วิ่งไกลทำกำไรให้หลายร้อยเปอร์เซ็นต์ในช่วงตลาดขาขึ้น  แต่เพราะไม่รู้ว่าตอนไหนควรขาย จึงละล้าละลัง ทนถือจนทำให้ผลกำไรที่ควรจะได้เป็นกอบเป็นกำ กลับลดหดลงจนน่ากลัวค่อยขายออกไป ทิ้งส่วนต่างให้เป็นหนามยอกใจ ตอกย้ำความผิดพลาดที่แก้ไขไม่ได้  
หากท่านพบว่าตัวเองมีปัญหาดังกล่าว วันนี้ผมมีหลักเกณฑ์การขายหุ้น แบบเบสิคเอาไว้ให้ท่านลองเอาไปใช้ดูครับ


เหตุผลหลักในการขายหุ้น มี  3 ข้อ
1) ป้องกันเงินทุน (ขาดทุนให้น้อยที่สุด)
2) ล็อคกำไร
3) ลดความเสี่ยงจากระยะแจกจ่ายของตลาด




ขาดทุนให้น้อยไว้ก่อน(คิดก่อนซื้อและเฝ้าติดตามในช่วงแรก)
การรักษาเงินต้นควรเป็นเป้าหมายแรกและเป้าหมายหลักของคุณครับ ถ้าคุณยิ่งได้รับการขาดทุนมากเท่าไหร่ ก็เหมือนปล่อยตัวให้จมลงไปในทรายดูดไปเรื่อยๆ โอกาสถอนตัวขึ้นก็ยากมากขึ้นเรื่อยๆ พูดง่ายๆยิ่งขาดทุนเยอะการจะเอาคืนให้ได้เท่าทุนก็ยิ่งยากขึ้นเป็นเงาตามตัว ดังนั้นการตั้งกฎเอาไว้ให้ตัดขาดทุนไม่ให้เกิน 5-8% ถือเป็นเรื่องจำเป็นยิ่ง เพราะความจริงแล้วคุณไม่ได้ซื้อแล้วกำไรได้ทุกครั้ง แม้คุณจะซื้อแล้วถูกทางไม่ถึงครึ่งก็สามารถมีกำไรเป็นกอบเป็นกำได้หากรู้จักตัดขาดทุนตั้งแต่ความเสียหายยังน้อย
อย่ากลัวขายหมู หรือกลัวโดนหลอกให้ขาย เพราะกฎก็คือกฎ มันคือสิ่งที่ถูกคิดขึ้นมาเพื่อความปลอดภัยของเรา เพื่อรักษาเงินต้นอันเป็นเป้าหมายแรกของเรา
ซึ่งการรักษาเงินต้นของตัวเองนั้น มักจะเป็นกระบวนการที่เราต้องคิดเอาไว้ตั้งแต่เริ่มเข้าซื้อ โดยการมาร์คจุดหนีเอาไว้หากราคาไม่วิ่งไปในทิศทางที่เราต้องการ
นอกจากนี้, หลังจากซื้อไปแล้วท่านก็ต้องยังติดตามมันจนกว่าราคาจะสร้างฐานหรือสร้างจุดล็อกกำไรประเภท trailling stop ให้ท่านรู้สึกว่าปลอดภัยก่อน




ล็อคกำไร ด้วยการจับสังเกต Climax top
หลังจากที่ราคาไม่ย่อลงไปทำให้ขาดทุน แล้วมันวิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำกำไรให้เราอย่างดงามสมใจหวัง ก็จะเป็นขั้นตอนการล็อกกำไรครับ ซึ่งเป้าหมายของผมคือไม่แนะนำให้ท่านขายที่จุดสูงสุด เพราะมันยากและผมไม่รู้ลักษณะของมันจริงๆ แต่ถ้าหากเราเน้นแค่ว่ากินกำไรคำใหญ่ๆในช่วงที่มันวิ่งทำขาขึ้นรอบใหญ่ก็น่าจะเพียงพอแล้วล่ะนะ
ทีนี้, แนวทางการขายล็อกกำไรให้ได้มากที่สุดสำหรับหุ้นวิ่งแรงรอบใหญ่ก็คือ การทำความรู้จักกับ climax top ครับ

ในบ้านเราหุ้นที่วิ่งแรงรอบใหญ่นั้น มักจะเป็นหุ้นซิ่งครับ จะวิ่งแรงติดต่อกันหลายเดือน พอถึงจุดกลับตัวก็ดิ่งหัวปักลงมาแบบง่ายๆแต่ร่วงรุนแรง

หุ้นประเภทนี้มักจะส่งสัญญาณขายที่คล้ายๆกันคือ climax top
เหตุผลที่เป็นแบบนี้ก็เพราะนักลงทุนที่ได้ซื้อตั้งแต่ต้นเทรนด์ต่างก็มีความสุขและพอใจกับกำไรกันเกือบทุกคนแล้ว พวกเขาเริ่มคิดอยากขาย แต่จะขายให้ใครล่ะ

เหยื่อก็ต้องเป็นนักซื้อกลุ่มใหม่ก็เฮโลเข้ามาเพราะเพิ่งรับรู้ข่าวจากสื่อนั่นเองครับ โดยสารที่ได้รับนั้นอาจมาจากความจริงอันเนื่องมาจากผลประกอบการที่เติบโตอย่างน่าประหลาดใจยิ่ง อีกทั้งบทวิเคราะห์หรือความเห็นของกูรูที่น่าเชื่อถือต่างแนะนำให้ตัวนี้กันอย่างกว้างขวาง

เมื่อมีความต้องการขายที่ทะลักเข้ามาระลอกใหม่ นักลงทุนที่พอใจกำไรและหาจังหวะแจกจ่ายหุ้นจำนวนมากนี้ออกไปก็อาศัยจังหวะนี้ปล่อยหุ้นออกให้นักซื้อหน้าใหม่ แต่ด้วยความที่เม็ดเงินเข้าระลอกใหม่นี้ไม่มากพอที่จะจับคู่กับหุ้นที่อยากขายได้หมด ราคาหุ้นจึงวิ่งไปต่อไม่ได้ไกล แถมยังได้แสดงความอ่อนแอให้เห็นอีกต่างหาก เมื่อเห็นสัญญาณไม่ดี ทั้งคนที่ขายไม่ทันและคนที่เพิ่งรู้ว่าเข้าผิดจังหวะก็พากันกระหน่ำขายหนีตาย ราคาจึงร่วงลงแรงและเร็วมาก



สัญญาณการแจกจ่าย
อยากให้ท่านจำสัญญาณเหล่านี้เพื่อเป็นจุดสังเกตลักษณะของการทำจุดสุดยอด (climax top) เพื่อตัดสินใจขายในช่วงที่ราคายังวิ่งร้อนแรง แทนที่จะรอให้ตลาดวายแบบเมื่อก่อน
โอเค..ต้องออกตัวก่อนว่าท่านอาจจะหมูนะ แต่ใครจะรู้อนาคตล่ะ


- นับเวลาหลังจากที่ราคาทะลุฐานขึ้นแล้ววิ่งแรง
หลังจากที่ราคาวิ่งเป็นขาขึ้นรอบใหญ่มาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 18 สัปดาห์ จากที่มันได้ทะลุฐานราคาขึ้นมาได้ ก็ให้รอดูลักษณะการวิ่งขึ้นที่รุนแรง ทำแท่งเขียวยาวกว่าที่เคย มีหลายเคสที่ราคาบวก 25-50% ในเวลาแค่ 1,2 หรือ 3 สัปดาห์เท่านั้น


- นับแท่งเขียว
ถ้าดูกราฟรายวัน คุณจะเห็นมันทำแท่งเขียวติดต่อกัน  7 ใน 8 แท่ง และบ่อยมากที่มีวันหนึ่งราคาทำแท่งเขียวยาวมากกว่าที่เคยทำได้ตั้งแต่มันทำขาขึ้นมารอบใหญ่นี้
ในกราฟรายสัปดาห์, แท่งราคาในสัปดาห์นั้นจะยาวกว่าที่เคยทำมาทั้งหมด ไส้ก็นับนะ คือมันแกว่งแรงมาก สื่อว่ามันเข้าสู่ช่วงแจกจ่ายแล้ว


- หา exhausting gap
การที่ราคาเปิดกระโดดนั้น สื่อว่ามีความต้องการซื้อที่มหาศาลเข้ามาครับ
ทั้งนี้มันสื่อได้สองอย่างคือ ถ้าราคาเปิดโดดแล้วยืนเขียวได้ ก็ให้มองว่ามันเป็นการเคลื่อนที่ขึ้นเฮือกสุดท้าย
แต่หากเปิดแล้ววิ่งขึ้นไปนิวไฮได้อย่างสวยงามในช่วงเช้า แต่ต่อมายืนไม่อยู่โดนรีดให้ราคากลับลงไปอยู่ที่เดิมหรือปิดต่ำ หรือกระทั่งปิด gap ก็ถือว่ามีโอกาสจบรอบสูง


- ราคาทะลุข้ามกรอบ channel ขึ้นไป ในกราฟวีค
การที่ราคาวิ่งเป็นขาขึ้นในกรอบ channel สื่อว่ามีการสะสมไล่ราคาขึ้นไปเรื่อยๆ หากเมื่อใดที่ราคาเกิดถูกดันให้ทะลุกรอบบนขึ้นไปได้ ก็สื่อว่ามันเกิดการเก็งกำไรอย่างรุนแรงแล้ว ให้ใช้จังหวะนี้ขายหุ้นออก




- ราคาแกว่งเป็นขอบเขตที่กว้างแบบไม่เคยเป็นมาก่อน
ช่วงที่ราคาทำจุดสูงสุด จะต้องเป็นจังหวะที่รายใหญ่เขากระขายหุ้นครับ ด้วยความที่หุ้นเขาเยอะมาก การจะขายรวดเดียวหมด ราคาก็มีสิทธิ์ฟลอร์เอาง่ายๆ ซึ่งคนฉลาดเขาจะไม่ทำแบบสิ้นคิดอย่างนั้นแน่อน (ยกเว้นว่าเขารู้ว่ามีข่าวร้ายที่ไม่อาจจะทำใจยอมรับได้) เขาจึงต้องพยายามเลี้ยงราคาให้อยู่ในโซนจุดสูงสุดให้ได้นานตราบที่เขาสามารถปล่อยหุ้นได้ในระดับราคาดีๆครับ บ่อยครั้งเราจึงเห็นว่าในช่วงโซนบนราคาจะแกว่งแรงมาก คือจากไส้บนถึงไส้ล่างนี่ยาวแบบไม่เคยทำมาก่อน แบบนี้แหละครับที่สื่อว่าขั้นตอนการแจกจ่ายได้เริ่มต้นขึ้นแล้วครับ ให้เตรียมและหาจังหวะขายให้ดี


แต่อย่างไรก็ตาม, จุดขายเหล่านี้ เป็นจังหวะที่ทำใจขายยากมากครับ เพราะมันเป็นช่วงที่ราคาวิ่งขึ้นแรง กำไรคุณโตขึ้นแบบพรวดพราดจนคุณรู้สึกฟินมาก และโลภอยากได้มากกว่านี้อีก
และคนส่วนใหญ่จะคิดแบบนี้กัน

ซึ่งความรู้สึกนี้มันก็ไม่รอดพ้นสายตาของพวก contrary opinion ไปได้ พวกนี้จิตแข็งมากครับ ชอบทำอะไรสวนความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ พวกเขาจะตัดสินใจทำในสิ่งที่สวนความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ (และความรู้สึกตัวเองด้วยแหละผมว่า)

ดังนั้นหากคุณอยากจะขายให้ได้ราคาดีๆแบบหลักการนี้ ก็ต้องตั้งเป็นกฎเอาไว้ และทำตามมันครับ พอจะขายก็โดยความผิดให้กฎไป ฉันทำตามกฎ ฉันไม่ผิด

เคสหุ้นไทย
มาดูหุ้นไทยกันดีกว่าว่ามีทรงตรงตามแบบที่ฝรั่งมังค่าว่ามาบ้างมั้ย?



BEM เป็นหนึ่งในเคสที่หายากมากครับที่เข้าสูตร buying climax ก่อนที่ราคาจะทำจุดสูงสุดมันเปิด gap ต่อเนื่อง เก็งกำไรกันสนุกมาก แถมก่อนจบรอบมันทำ big white หรือเขียวยาวได้อีก เรียกว่าซื้อกันสนุก และเมื่อถึงเวลาที่ใช่ นักเก็งกำไรที่เก๋าเกมมองออกครับ หลังจากเขียวยาว มันเปิด gap ขึ้นไป จาก 8.50 ขึ้นไปถึง 9 บาท แล้วเจอหุ้นมหาศาลแจกใส่มือเม่าทั้งขึ้นทั้งล่องครับ แท่งราคาเป็นโดจิไส้ยาว พร้อมวอลุ่มที่สูงปรี๊ดมากกว่าที่เคยทำได้ นี่เป็นสัญลักษณ์การกลับตัวที่น่าเชื่อถือมากครับ จึงไม่แปลกที่วันต่อไปราคาทำแท่งแดงยาววอลุ่มสูงกว่าวัน climax อีก แบบนี้จบแน่นอน แม้ว่าอีกไม่กี่วันมันจะพยายามเปิดโดดขึ้นไป แต่ก็ไม่รอด เจอขายทำแท่งแดงลงไปอีก ก็น่าจะได้โอกาสขายครั้งสุดท้ายแล้ว


TASCO
จุดขายที่ดีคือตอนที่ราคาทำ exhaustion gap ครับ โอเคท่านอาจจะหมูถ้าดูย้อนหลังแบบนี้ แต่ถ้าอยู่หน้างาน นี่คือจังหวะขายที่ใครๆก็รอคอยครับ เพราะสิ่งแวดล้อมมันเข้าสูตรจริงๆครับ แท่งราคาเขียวยาวแบบที่มันไม่เคยทำได้มาก่อน แถมวิ่งติดต่อกันสามวันติด บวกกว่า 26% ในเวลาแค่ 3 วัน แล้วจากนั้นมันก็เปิด gap ที่ยืนไม่อยู่ และวอลุ่มก็สูงส่งด้วย แบบนี้เป๊ะมาก
ลักษณะแท่งเทียนของมันคือ spinning top ครับ และดูวอลุ่มสิ สูงโดดเด่น น่าเชื่อถือมาก
ต่อมาจุดสังเกตการทำจุดสูงสุดคือราคาได้แกว่งตัวเป็นวงกว้างแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนครับ และจากนั้นเมื่อราคาเด้งกลับขึ้นไปไม่สามารถทำนิวไฮได้ (2) ก็ต้องขายได้แล้วครับ


มาดูตัวอย่าง STA ซึ่งเป็นหุ้นซิ่งวิ่งเร็ว ทำกำไรให้ร่วมๆ 100% ภายในเวลา 3 เดือน เท่านั้น ซึ่งมันอาจจะไม่เข้าสูตรของปู่โอนีลเท่าไหร่นัก แต่ถ้าเราอาศัยแนวคิดของการทำแท่งเขียวยาว และเปิด gap ก็น่าจะได้จุดขายที่ดีครับ
เริ่มจากจุด (1) ราคาวิ่งแรงทำแท่งเขียวยาวกว่าที่เคยทำได้ อาจเป็นจุดขายที่ดีก็ได้ครับ แตุ่้าหากเรายังตะหงิดๆว่า เอ...ราคาเพิ่งวิ่งขึ้นมาได้ไม่กี่สิบเปอร์เซ็นต์ ไม่น่าจะจบรอบไว ท่านก็อาจจะปล่อยให้ผ่านไปก่อนก็ได้ (แต่จะขายก็ไม่มีใครว่านะ ท่านกำไรแล้ว)

ต่อมาก็จุด (2) ราคาเปิด gap แต่ยืนไม่อยู่ ผมก็มองว่า exhaust gap นะ แถมมันยังเกิดหลังจากที่ราคาทำเขียวยาวแล้วขึ้นแบบอืดๆเนี่ย ยิ่งน่าขายครับ ซึ่งถ้าขายไปก็หมู

หลังจากย่อ 1-2 แล้วไม่ยุบ มีเด้งกลับขึ้นไป ใครหมูก็เสียใจด้วยครับ แต่ถ้าทนถือต่อก็ผ่านไปได้และเจอจุด (3) เข้าไปก็น่าขายนะครับ เพราะราคาเปิด gap ขึ้นอีกแล้ว แต่ก็ยืนไม่อยู่ นี่ก็ exhaustion gap อีกนั่นแหละ ท่านก็สามารถขายได้

อย่างที่บอกไปว่า จุดขายเหล่านี้ คนที่ตัดใจขายออกได้ก็ต้องจิตแข็งเอามากๆครับ
ถ้าหากท่านใจไม่ด้านพอ ก็ใช้หลักของเสี่ยยักษ์ก็ได้ครับ หากพบว่าราคาย่อหรือพักฐานพร้อมวอลุ่มสูงก็ขายหนีเพื่อล็อกกำไรออกมาก่อน ท่านก็จะได้ขายที่จุด (4) และ (5) ครับ


มาดูอีกประเด็นที่ว่าด้วย ราคาทะลุข้ามกรอบ channel ขึ้นไป ในกราฟวีค
เคสนี้ผมพบกับหุ้น HMPRO ในช่วงแรกครับ คือราคาวิ่งเป็นขาขึ้นตั้งแต่ 3 บาทจนถึง 5 บาท แล้วก็สร้างกรอบการขึ้นได้ค่อนข้างเป๊ะครับ วิ่งจาก 5 ไปถึง 7.5 ชนแล้วย่อ ก่อนที่จะวิ่งแรงทะลุกรอบ channel ด้านบนขึ้นไปได้ แล้วก็ดีดแรงเป็นแท่งเขียวยาว ซึ่งสื่อว่ามีการเก็งกำไรกันอย่างรุนแรงแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ในเคสนี้มันไม่จบรอบเลยทันทีที่เป็นแทีงเขียวยาว แต่มีย่อพักตัวเป็นเวลาสั้นๆวอลุ่มแห้ง แล้วจึงดีดกลับไปทำ all time high ได้อีกนิดหน่อย แล้วก็จบรอบลงไปเลย


เมื่อดู daily chart ก็ช่วยให้เราเห็นรายละเอียดของแท่งเทียนได้ชัดขึ้น



หากซูมขึ้นไปดูรายละเอียดแท่งเทียนไกล้ๆ ก็จะเห็นแท่งคัดค้านการขึ้นหลายแท่ง
นี่ก็เป็นหุ้นตัวเดียวกัน แต่ต่างเวลา ช่วงแรกราคาวิ่งจาก 3 บาท ไปถึง 5 ด้วยความเร็วปกติ แต่พอราคาทะลุกรอบบน(ซึ่งผมลากจากจุดสูงสุดเชื่อมกันเป็นแนวขึ้นไป) ได้ ก็ซิ่งแหลกเลยครับ มีการเก็งกำไรกันรุนแรงมาก และในสัปดานั้นเองก็มีการขายปล่อยหุ้นออกมาสู่ตลาดกันอย่างมากมาย แท่งเทียนก็เลยทิ้งไส้ยาว ซึ่งถ้าเรายึดหลักการของปู่โอนีลก็น่าจะได้ขายออก
และเมื่อผมกลับไปเปิด daily chart ในช่วงนั้นก็จะมีวันหนึ่งที่ราคาทำ climax แท่งทิ้งไส้บนยาวเฟื้อย สื่อว่ามีรายใหญ่หรือคนหุ้นเยอะปล่อยหุ้นออกเป็นจำนวนมากเพื่อสวนการขึ้นของราคาที่รุนแรง แล้วจาก นั้นแม้ราคาจะดีดกลับขึ้นไปอีก แต่ก็ไม่มีแรงมากพอ


ดูไกล้ๆอีกนิดครับ เผื่อบางท่านอยากเห็นแท่งเทียน เอาตั้งแต่เปิด gap จนถึงจุดสูงสุด
ถือว่าเป็นหุ้นที่มีลักษณะการขึ้นที่เป็นระเบียบดีมากเลยนะครับ ค่อยๆขึ้น ค่อยๆย่อ แล้วก็พอถึงเวลาจะปล่อยของก็ไล่ราคาเรียกแขกจำนวกมากเพื่อแจกหุ้น สุดยอดจริงๆ


ปีต่อมาก็มีลักษณะการขึ้นที่สามารถเอาแนวคิดการทะลุกรอบ channel เข้ามาใช้ได้เช่นกัน


การลากเส้นกรอบบนนี้ ผมใช้เชื่อมสองจุดสูงสุด คือเกิด 1 และ 2 แล้วค่อยลาก ซึงมันก็ไม่ค่อยตรงตามหลักการนัก เพราะมันต้องมีอย่างน้อย 3 จุด เมื่อเห็นราทะลุกรอบบนขึ้นไปได้ ก็ให้เฝ้าระวังและรอดูสัญญาณการเก็งกำไร ซึ่งก็คือแท่งเขียวยาว กรอบการแกว่งกว้างกว่าที่เคย ถ้าท่านเห็นก็ขายได้ เพราะมันอยู่ในโซนจุดสูงสุดแล้ว อาจจะมีวิ่งขึ้นไปบ้าง แต่ก็ไม่ไกลกว่านี้อีกแล้วล่ะ


แต่ถ้าท่านกลัวโดนหลอก อยากให้มีการยืนยันตามหลักการกลับตัว ก็รอได้ ซึ่งบางทีต้องบอมรับว่ากำไรอาจจะได้น้อยลงกว่าขายบริเวณยอดอยู่นิดหน่อย

ลองเอาไอเดียนี้ไปใช้ดูครับ

7 บทความยอดนิยมในรอบ 30 วันที่ผ่านมา

VCP (Volatility Contraction Pattern) และรูปแบบที่คล้ายกัน

คำคมเกี่ยวกับเคล็ดวิชาจากหนังเรื่อง กังฟูแพนด้า

(มือใหม่เล่นหุ้น) Wyckoff Logic ของดีที่เม่ามือใหม่เอาไปใช้ได้ง่ายๆ

รวมแนวทางการนับคลื่นจากเซียน Elliott Wave

อธิบาย Wyckoff Accumulation Phase แบบละเอียดยิบ

ชมฟรี! คอร์สหุ้น ออนไลน์ 170 คลิป จัดเต็ม ไม่มีกั๊ก Free Full Trading Course by Zyo

สรุปหนังสือ Trade Like a Casino