ไม่มีใครสนใจคุณหรอก! มุ่งมั่นทำสิ่งที่คุณฝันให้เต็มที่ "You aren't afraid of failure. You're afraid of what other people will think of you if you fail. Well, no one is thinking about you. They're too busy thinking about themselves. So go do the damn thing." คุณไม่ได้กลัวความล้มเหลว แต่คุณกลัวว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับคุณถ้าคุณล้มเหลว เอาเข้าจริงแล้ว ไม่มีใครสนใจคุณหรอก พวกเขายุ่งกับการคิดถึงตัวเองกันอยู่ ดังนั้น ไปทำมันซะเถอะ --- หลายครั้งที่เรากลัวที่จะลงมือทำอะไรบางอย่าง ไม่ใช่เพราะเรากลัวความล้มเหลวจริงๆ แต่เพราะเรากลัวว่า "คนอื่นจะคิดยังไงกับเรา" ถ้าเราล้มเหลว เรากลัวว่าจะถูกมองว่าไม่เก่ง กลัวจะถูกหัวเราะเยาะ หรือกลัวจะถูกนินทา แต่ข้อความในภาพนี้กำลังบอกเราว่า "ไม่มีใครสนใจคุณขนาดนั้นหรอก" เพราะในความเป็นจริง ทุกคนต่างก็มีเรื่องของตัวเองให้คิด ไม่มีใครมานั่งจดจ่อวิเคราะห์ชีวิตคุณตลอดเวลา ลองนึกดูว่าตัวคุณเองในแต่ละวัน คุณคิดถึงเรื่องของตัวเองมากกว่าคนอื่นแค่ไหน? คนอื่นก็เป็นแบบเดียวกัน พวกเขาอาจจะเห็นคุณแค่ชั่วครู่ แล้วก็กลับไปสนใจเ...
#1 An object in motion will stay in motion
ข้อแรกนี้เขาเชื่อเหมือนทฤษฎี Dow คือการเคลื่อนที่ของราคาจะยังคงวิ่งไปตามแนวโน้มนั้นไปได้เรื่อยๆ ตราบจนกว่าจะมีของหนักมาขวางไม่ให้ไปต่อ
พูดง่ายๆ หุ้นที่ทำนิวไฮได้ มันก็จะนิวไฮไปได้อีก
ตรงกันข้ามหุ้นที่นิวโลว์ มันยังจะโลว์ได้อีกเช่นกัน
ถ้าคุณยังพยายามจะซื้อที่จุดต่ำสุด หรือขายที่จุดสูงสุด คุณก็จะพบว่าตัวเองอยู่คนละฝั่งกับตลาดอยู่เรื่อยไป ถ้าอยากจะได้กำไร จงเดินไปตามกระแสของแนวโน้มดีที่สุด
#2 The Magic T Indicator
ในที่นี้, มันคือ Terry Laundry T Theory
ต้องออกตัวก่อนว่าผมไม่ได้ศึกษาเรื่องนี้มาก่อน ก็ด้นเอาตอนนี้เลย จึงออกจะมั่วๆไปพอสมควร
จากการค้น google หน้าตาของมันเป็นแบบนี้
โดยแนวคิดของทฤษฎีนี้คือ Markets spend the same amount of time going up and down
น่าจะหมายความว่า ตลาดมันจะใช้เวลาย่อและเด้งเป็นระยะเวลาเท่าๆกัน (นึกถึงภาพตัว T ไว้ครับ)
โดยในที่นี้คุณต้องใช้ Long Term T Theory Oscillator เป็นตัวช่วย (ผมไม่มีนะ ต้องหากันเอาเอง)
ซึ่งถ้าดูไอเดียของหลักการนี้ ก็จะเอามาเป็นตัวช่วยในการจับจังหวะซื้อหือขายหุ้น เช่นถ้าช่วงเวลานี้อินดิเคเตอร์มันย่อแล้ว เดี๋ยวพอมันเด้งก็จะใช้ระยะเวลาเท่าๆกัน อะไรประมาณนี้
แต่กระนั้น, เขาก็ไม่ได้คิดที่จะหาจุดสูงสุดหรือต่ำสุดของการสวิงนะ เพียงแค่หาแนวโน้มหลักให้เจอ แล้วก็เข้าร่วมวงทำเงินกับมันให้นานที่สุด
#3 Red light / Green light
ตัวช่วยในการหาไฟเขียวกับไฟแดง ก็คือเส้น Exponential moving average (EMA) 10
หลักการง่ายๆคือ Long เมื่อราคาวิ่งเหนือ EMA10 และ Short เมื่อราคาวิ่งใต้ EMA10
ใช้ได้ทั้งกราฟ Daily chart หรือ Weekly chart ให้ใช้การเคลื่อนไหวของราคากับเส้นค่าเฉลี่ยนี้ เป็นไกด์สำหรับการเข้าไปลงทุน (นี่ก็ตามแนวโน้มอีกแล้ว)
#4 Don’t put stops below the low and above the high in a range
เขาแนะนำให้นำเส้นค่าเฉลี่ยมาช่วย คือถ้าเห็นว่าราคาย่อลงมาชนเส้นค่าเฉลี่ยถี่ขึ้น ให้ระวังตัวและเตรียมพร้อมที่จะออกจากการเทรดให้ได้ทุกเมื่อ
ถ้าคุณพบว่าระดับ stop loss ที่ตั้งไว้ ถูกทดสอบบ่อยๆ ก็ให้ระวังดีๆ เฝ้าอย่าให้คลาดสายตา
#5 Put/Call contrarian indicator
นี่เป็นอีกอินดิเคเตอร์อีกตัวที่เขาใช้ Put/Call ratio (ซึ่งผมก็ไม่เคยใช้เช่นกัน)
สูตรคือ Put/Call Ratio = Put Volume / Call Volume
มันเป็นหลักการของเหล่าชาวสวน หรือ Contrarians พวกนี้จะใช้อารมณ์ตลาดเป็นตัวช่วยในการจับจังหวะเข้าเทรด อารมณ์เหมือนเจอ overbought ให้ขาย หรือ oversold ก็ให้ซื้อสวน
#6 Understand the news
เขาจะดูปฏิกริยาของราคาที่ได้รับผลกระทบจากข่าว เพื่อดูความแข็งแรงและอารมณ์ตลาด
ข้อมูลที่สร้างความประหลาดใจและความเบี่ยงเบนอย่างมีนัยสำคัญจากความคาดหวัง - สามารถขับเคลื่อนให้ตลาดวิ่งได้ สิ่งที่ใครๆรู้อยู่แล้วมักจะไม่มีค่า
Mindset and psychology
#7 Connect with your charts and work ethic
การลงรายละเอียดในกราฟด้วยมือตัวเอง (ลงทุนวาดมือ - หรือปัจจุบันน่าจะเป็นการปริ้นกราฟใส่กระดาษแล้วลากเส้นหาเบาะแสด้วยตัวเอง) เป็นหนึ่งในปัจจัยของความสำเร็จ แม้มันจะใช้เวลามากขึ้นแต่ก็ทำให้เห็นรายละเอียดได้รอบด้านกว่าเดิม
เทรดเดอร์ส่วนใหญ่มันจะใช้วิธีสุ่มแสกนไปเรื่อยๆจนกว่าจะเจอสิ่งที่ตัวเองต้องการ ซึ่งใครๆก็ทำกัน ดังนั้น, ถ้าคุณใส่ใจในรายละเอียดที่มากกว่าคนส่วนใหญ่เขาทำ คุณก็จะเห็นโอกาสที่มากกว่าใคร
ทำแบบนี้ให้เป็นนิสัย นี่แหละคือสิ่งที่คัดแยกเทรดเดอร์ผู้แพ้กับผู้ชนะออกจากกัน
#8 Use a checklist and a trade plan
ก่อนตัดสินใจลงมือเทรด เขามีเคล็ดลับ 2 อย่าง
๑) สิ่งที่เขาจะเทรด ต้องผ่านการทำการบ้านมาแล้วอย่างดี (ก็คือจากกราฟที่เขาวาดเองนั่นแหละ) ซึ่งต้องผ่าน Checklist ทั้งหมดที่ตั้งไว้
๒) ต้องมีแผนไว้ก่อนแล้ว การมีแผนจะทำให้คุณกล้าและอดทนต่อปัญหาหน้างาน
#9 Before putting on a position always ask, ‘Do I really want to have this position?’”
การที่จะเทรด ให้ถามตัวเองก่อนเสมอว่า "ไม้นี้มึงอยากเข้าจริงๆใช่มั้ย?"
การถอยออกมาดูภาพรวมก่อนลงมือ ถือเป็นอีกส่วนสำคัญของการเทรดที่ประสบความสำเร็จ
ดู checklist, ดูแผนการเทรด ว่ามันมีการละเมิดบ้างหรือเปล่า
อาจจะดูเหมือนย้ำคิดย้ำทำนะ แต่ก็ควรยึดหลักการนี้ให้แน่นหนา เพราะบ่อยครั้งที่อารมณ์มักจะมีอำนาจเหนือวินัย ดังนั้น,กายถอยออกมาตั้งคำถามก่อนลงมือ ถือว่าจำเป็นและควรทำอย่างยิ่ง
#10 “My biggest losses have always followed my largest profits.”
ชนะแล้วอย่าเหลิง เพราะเมื่อไหร่ทีคุณมีความมั่นใจเกินพอดี เมื่อนั้นตลาดจะเอาคืนอย่างสาสม
เมื่อเทรดเดอร์กำไรต่อเนื่อง มักจะคิดว่าตัวเองกลายร่างเป็นเทพไปแล้ว จึงหลงลืมวินัย และกฎที่ตัวเองใช้จนกำไรมามากมาย เมื่อคุณไม่ทำตามกฎ เมื่อคุณไม่มีความอดทนพอ ตลาดก็จะสั่งสอนคุณ
#11 Your greatest enemy as a trader
เทรดเดอร์ส่วนใหญ่มักจะคิดเพียงอย่างเดียวคือ "เอาชนะตลาด" ด้วยการอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตลาด
เขาต้องการพิสูจน์ว่าตัวเองถูก แต่ตลาดผิด ซึ่งไม่ใช่วิธีที่ฉลาดเลย
อย่าพิสูจน์ตัวเอง แต่จงฟังสัญญาณกระแสเงินจากตลาดแล้วเข้าร่วมวงกับมัน